ตอนที่ 509 น่าสงสัย

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 509

น่าสงสัย

“ท่านป้า ไม่ได้พบกันนานนะขอรับ”ระหว่างที่ไป๋จูล่งกำลังซื้อขายแร่โลหะอยู่นั้น ที่ด้านในส่วนของปราสาทเจ้าเมือง หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งก็กำลังลงมาจากหลังของมังกรพร้อมกับครอบครัวของนางพร้อมรับการต้อนรับจากเหล่าหลานๆด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ไม่ได้พบกันนานเลยจริงๆ ป้าไม่อยู่ตั้งนานเมืองเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”หญิงวัยกลางคนว่าพลางเดินเข้าไปหาชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีเอ็นดู

“ก่อนหน้านี้สงบดีขอรับ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดพายุกลางทะเลทำให้เรือสินค้าเสียหายหลายลำเลยขอรับข้าก็เลยงานล้นมือทีเดียว”ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เรือลำอื่นๆไม่เหมือนเรือของยี่เจินที่ไม่มีประกัน พวกเรือสินค้าใหญ่ๆนั้นต่างมีการรับประกันสินค้าของพ่อค้ากันอยู่แล้ว ความเสียหายครั้งใหญ่ที่เอมิลและเกว็นสร้างขึ้นนั้นกลายเป็นงานหนักของเจ้าเมืองผู้นี้ไปเลย

“เอาอยู่หรือเปล่า ต้องให้ป้าช่วยไหม”หญิงวัยกลางคนถามพลางเลิกคิ้วถามไปยังอีกฝ่าย

“ตอนนี้กำลังเจรจาจ่ายค่าเสียหายอยู่ขอรับ หากได้ข้อสรุปที่ทุกคนพอใจเรื่องก็ไม่น่าจะมีอะไรขอรับ”เจ้าเมืองตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยๆ เพราะเรือสินค้าจมไปหลายลำทำให้มันต้องวิ่งวุ่นจัดการปัญหามาทั้งวันแล้ว บอกตามตรงว่าเหนื่อยมากเลยทีเดียว

“ถ้าไม่ไหวก็มาบอกป้านะ ป้ายินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว”หญิงวัยกลางคนยิ้มรับพลางเดินเข้าไปในตัวปราสาทพร้อมๆกับเจ้าเมือง แน่นอนเมืองนี้เป็นเมืองที่ครอบครัวของนางปกครองมาตั้งแต่รุ่นปู่ของนางจนตอนนี้หลายชายของนางก็เป็นคนปกครองแล้ว สำหรับนางแล้วเมืองนี้ก็คือบ้านเกิดนั่นเองแม้ตอนนี้จะแต่งงานกับเพิร์ลไปแล้วนางก็ยังกลับมาเยี่ยมเมืองบ้านเกิดอยู่บ่อยๆ ยิ่งมีมังกรบินช่วยพาเดินทางการเดินทางยิ่งง่ายดาย ระยะห่างระหว่างเมืองหลวงกับเมืองท่าแห่งนี้สามารถไปมาได้ในไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

“ขอรับท่านป้า”เจ้าเมืองตอบพลางยิ้มออกมา ป้าของมันคือรูบี้นักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก หากเป็นปัญหาเรื่องเงินละก็ นางช่วยเหลือได้อย่างมากเลยทีเดียว

“งั้นป้าขอไปดูที่โรงหลอมก่อนนะ”รูบี้ว่าพลางขอตัวมุ่งหน้าไปที่โรงหลอมที่นางมักจะทำงานอยู่ที่นั่นตลอดเวลาสมัยยังไม่ได้ไปอาณาจักรไป๋

“อ่า…ครับ”เจ้าเมืองเห็นป้ารูบี้ทำท่าจะไปโรงหลอมเป็นที่แรกก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา ผู้หญิงปกติเวลามาเมืองท่าติดทะเลแบบนี้มักจะไปเที่ยวชมดูทะเลก่อนเป็นอย่างแรก แต่ป้าของมันกลับเข้าโรงหลอมทันที แม้จะเป็นหลานก็ไม่ค่อยเข้าใจป้าคนนี้เท่าไหร่

“หัวหน้า ไม่ได้พบกันนานเลย”รูบี้ทักทายคนในโรงหลอมและโรงตีเหล็กด้วยท่าทียิ้มแย้ม สำหรับนางแล้วกลิ่นโลหะและเตาหลอมพวกนี้สดชื่นกว่าไปสูดอากาศริมทะเลเสียอีก

“สวัสดีขอรับท่านรูบี้”ช่างตีเหล็กคนหนึ่งตอบพลางก้มหัวให้รูบี้อย่างอ่อนน้อม สำหรับพวกมันรูบี้นอกจากจะเป็นเจ้านายแล้วนางยังเป็นศาสดาอีกต่างหาก ไม่มีใครในโรงตีเหล็กนี้ไม่เคารพนางแม้แต่คนเดียว

“หืม…พวกนี้มัน”ทันทีที่เดินเข้ามาในโรงหลอม รูบี้ก็สะดุดเข้ากับของที่วางอยู่บนโต๊ะทันที มันคือแท่งโลหะและแท่งทองแดงที่จูล่งนำมาขายตั้งแต่เมื่อเช้านั่นเอง

“มีเด็กคนหนึ่งเอามาขายขอรับ มันบอกว่ามันหลอมด้วยตัวเอง แต่ข้าเริ่มจะสงสัยมันแล้ว”หัวหน้าช่างตีเหล็กตอบพลางมองไปที่แท่งโลหะพวกนี้

“สงสัยอะไรงั้นหรือ”รูบี้ถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจ มีคนนำของมาขายมีอะไรน่าสงสัยด้วยงั้นหรือ “เด็กคนนั้นเอาของมาขายหลายๆรอบในวันเดียว เหมือนพึ่งได้ของมาแล้วก็เอามาขายเลย”หัวหน้าช่างตีเหล็กตอบพลางมองโลหะบนโต๊ะ

“ข้าเริ่มไม่เชื่อแล้วว่าเด็กคนนั้นจะหลอมออกมาเอง บางทีอาจจะรับซื้อมาอีกที หรือไม่ก็….”

“ขโมยงั้นเหรอ”รูบี้ตอบพลางเพ่งมองแท่งโลหะอย่างพิจารณา หากเป็นอย่างที่หัวหน้าช่างตีเหล็กเล่าก็มีความเป็นไปได้ไม่มาก อย่างแรกคือเด็กคนนั้นไปรับซื้อแร่โลหะจากที่อื่นแล้วเอามาขาย แต่ทำแบบนั้นจะได้กำไรได้อย่างไร ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะค่อยๆเอาของมาขาย ทางที่เข้าใจได้มากที่สุดก็คือเด็กคนนั้นอาจจะไปขโมยแท่งโลหะพวกนี้มาจากโรงตีเหล็กที่ไหนสักแห่ง แล้วเอามาขายต่อ

“แต่ข้าว่าไม่ใช่การขโมยหรอก”รูบี้ว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่ใช่หรือขอรับ”หัวหน้าช่างตีเหล็กถามพลางหันไปมองรูบี้ มันคิดไม่ออกจริงๆว่าจูล่งจะเอาของมาขายทีละต่อนแบบนี้ทำไม

“โลหะพวกนี้ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยวิธีธรรมดา โรงตีเหล็กหรือโรงหลอมในเมืองนี้ทำไม่ได้หรอกนะ”รูบี้ตอบพลางนำแร่โลหะขึ้นมาถือ ความบริสุทธิ์ขนาดนี้ไม่มีทางทำได้ด้วยการหลอมปกติแน่ๆ ต่อให้เป็นนางหรือหลิวเซียนเองก็คงทำไม่ได้

“เด็กที่เอาของมาขายมีพลังวิญญาณสูงหรือเปล่า”รูบี้ถามพลางวางแท่งโลหะกลับไปที่เดิม

“พวกข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ…”หัวหน้าช่างตีเหล็กตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ น่าเสียดายพวกมันไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณในโรงหลอมเลยแม้แต่คนเดียว ก็เลยไม่ทราบว่าจูล่งเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหรือไม่

“ถ้าเด็กคนนั้นเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่ระดับพลังสูงมากๆ ก็อาจจะเป็นคนหลอมมันขึ้นมาเองก็ได้”รูบี้ตอบพลางยิ้มออกมา โลหะพวกนี้นางเคยใช้มาก่อน และคนที่ทำมันออกมาต่างก็เป็นยอดฝีมือที่สามารถหลอมโลหะได้ด้วยไฟพลังวิญญาณทั้งสิ้น ยิ่งระดับความบริสุทธิ์ระดับนี้แล้วทำเอานางคิดถึงโลหะที่น้าราชสีห์หลอมให้เลย

ปึง…..ขณะกำลังครุ่นคิดกันอยู่นั้น อยู่ๆประตูโรงตีเหล็กก็เปิดออก พร้อมร่างของจูล่งที่ถือเอากล่องไม้ขนาดใหญ่เข้ามา รอบนี้มันหลอมโลหะได้จำนวนมากเพราะมีเงินทุนเพิ่ม ทำให้แท่งโลหะและแท่งทองแดงมากเสียจนถือด้วยมือไม่หมด

“จูล่ง?”รูบี้ที่ยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าช่างตีเหล็กพูดพลางมองมาทางจูล่งด้วยท่าทีประหลาดใจ ทำไมบุตรชายคนเล็กของไป๋จูเหวินถึงมาอยู่ที่นี่กัน

“ท่านน้า สวัสดีขอรับ”จูล่งเห็นรูบี้ก็พลันวางกล่องแล้วประสานมือทักทายทันที ตัวมันก็ประหลาดใจไม่น้อยที่สหายของท่านพ่ออย่างท่านน้ารูบี้จะมาอยู่ที่นี่

“สวัสดีจ่ะ….หรือว่าคนที่เอาโลหะพวกนี้มาขายคือเจ้า”รูบี้ถามพลางมองไปที่จูล่งด้วยท่าทีงุนงง หากเป็นจูล่งก็ไม่ต้องสงสัยอะไรให้มากความ ตัวมันย่อมหลอมโลหะด้วยไฟพลังวิญญาณได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือมันมาที่นี่ทำไม

“ขอรับ ข้าเองขอรับ”จูล่งตอบด้วยท่าทีใสซื่อ ก็นางถามว่ามันเป็นคนขายหรือไม่มันก็ได้แต่ตอบตามตรงยังไงล่ะ

“ไม่สิ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วเจ้ามาขายแท่งโลหะพวกนี้ทำไม”รูบี้ถามด้วยท่าทีงุนงง เรื่องที่จูล่งหลอมโลหะพวกนี้ได้ถูกยกทิ้งไปทันที แต่เรื่องที่บุตรชายของไป๋จูเหวินนายทุนของตัวนางเองมาขายแท่งโลหะราคาไม่เท่าไหร่พวกนี้ทำไมกัน

“อ่า เรื่องนั้น….”จูล่งยิ้มออกมาพลางเล่าเรื่องที่ตนขอบิดาออกมาหางานทำรวมทั้งเรื่องการได้มาทำงานกับยี่เจินและเรื่องที่ตนออกมาขายแท่งโลหะเองอีกด้วย

“เจ้านี่นะ”รูบี้ส่ายหน้าพลางมองโลหะในกล่อง เด็กคนนี้ช่างสมกับเป็นคนตระกูลไป๋จริงๆ แม้แต่การหลอมโลหะด้วยพลังวิญญาณที่มีน้อยคนที่จะทำได้มันยังสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยอายุเท่านี้

“ว่าแต่ เจ้าเอาอาวุธที่กำลังเทขายมาหลอมเป็นโลหะพวกนี้สินะ”รูบี้ถามพลางลากกล่องมาดูว่าภายในมีอะไรบ้าง

“ขอรับ”จูล่งตอบพลางพยักหน้าช้าๆ มันเล่าให้รูบี้ฟังไปแล้วว่ามันไปเอาอาวุธที่กำลังเทขายในโกดังมาหลอมทำโลหะพวกนี้

“อืม…..เอาแบบนี้ก็แล้วกัน”รูบี้ว่าพลางเสนองานให้จูล่งทำ ตอนนี้อาวุธระดับต่ำที่เทขายอยู่ดูเหมือนจะขายไม่ค่อยออก เพราะอาวุธพวกนั้นทั้งเก่าและไร้ประโยชน์ ตอนแรกรูบี้กำลังคิดว่าจะนำอาวุธพวกนั้นมาหลอมทำโลหะเอง แต่ตอนนี้นางมีจูล่งอยู่ทั้งคน ก็ให้มันช่วยงานไปเลยเสียหมดเรื่อง และนางก็จะเป็นคนซื้ออาวุธทั้งหมดมาเอง แบบนั้นก็จะช่วยเจ้าเมืองได้ด้วยเพราะเงินที่ได้จากการขายอาวุธพวกนั้นน่าจะเอามาช่วยเหลือพวกผู้เสียหายจากเรือล่มได้

.

.

“ท่าทางน้องจูล่งคงจะกำลังสนุกสินะ”ชางซีว่าพลางยิ้มออกมาหลังจากเห็นจูล่งวิ่งเทียวไปซื้ออาวุธ หลอมมันแล้วเอามาชาย ตลอดทั้งวันที่ผ่านมานี้พวกนางเห็นจูล่งวิ่งเข้าออกเมืองไปหลายรอบแล้ว แถมมันยังมีท่าทีสนุกสนานอย่างที่ชางซีพูดมาอีกด้วย

“คิกๆ น้องจูล่งทำตัวเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่เลยนี่นา”หลี่เย่หัวเราะขณะนั่งพักอยู่ที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งภายในเมืองท่าของอาณาจักรไชน์ พวกนางสืบหาราคาให้จูล่งแล้ว ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้จูล่งได้ซื้อขายตามใจและรอเวลาที่ยี่เจินจะออกเดินทาง

“ถ้าท่านไป๋จูเหวินมาเห็นต้องดีใจแน่ๆ”ต้าหวานยิ้มพลางมองไปข้างนอกร้าน ตัวไป๋จูเหวินยังกังวลเรื่องที่จูล่งจะออกมาหางานอยู่บ้าง แต่หากมาเห็นว่าจูล่งทำงานได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ต้องดีใจอย่างแน่นอน

“……..นั่น”อยู่ๆต้าเฉียนก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้พลางมองไปที่นอกร้านเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“มีอะไรงั้นเหรอ”ต้าหวานขมวดคิ้วพลางมองไปทางที่ต้าเฉียนกำลังมอง

“ท่านไป๋จูเหวิน….”สาวๆทั้ง 4 คนต่างมองไปทางชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่ในตลาดด้วยท่าทีตกใจ หรือว่าไป๋จูเหวินจะเป็นห่วงจูล่งก็เลยตามมาดูกัน

“ท่านมาทำไมกัน”หลี่เย่ถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ท่าทางของไป๋จูเหวินยามนี้เหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ในตลาดมากกว่ามาตามดูจูล่งเสียอีก

“บางทีอาจจะ….”ต้าหวานยังไม่ทันพูด อยู่ๆที่ข้างกายไป๋จูเหวินก็ปรากฏหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเสียก่อน นางเดินเข้ามาแล้วกอดไปที่แขนของไป๋จูเหวินทันทีด้วยท่าทีสนิทสนมเกินคำว่าคนรู้จักไปมาก ทำเอาทั้ง 4 สาวสะดุ้งโหยง ไป๋จูเหวินมีชื่อเสียงเรื่องความรักเดียวใจเดียวไม่น้อย พวกนางไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นภาพแบบนี้ต่อหน้าต่อหน้า นี่หรือว่าไป๋จูเหวินแอบมีบ้านเล็กซ่อนเอาไว้ที่อาณาจักรไชน์งั้นหรือ