ตอนที่ 571: มรดกทักษะต่อสู้ของตระกูลไป๋
หลังออกจากตระกูลหยุน หญิงสาวได้ขี่สัตว์อสูรระดับ 1 ด้วยความเร็วเป็นอย่างมากบนท้องถนน ร่างกายของนางอ่อนแอกว่าก่อน เนื่องจากนางได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของหัวหน้าครอบครัว ร่างกายของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดังนั้น มันส่งผลกระทบต่อสภาพของนาง ทำให้ใบหน้าของนางซีดไป
ข้าต้องการจับนาง ! นังลูกทรพี เจ้าพยายามฆ่าพ่อของเจ้าเอง ! ? น้ำเสียงของพ่อนางเต็มไปด้วยความโกรธจากด้านหลัง ผ้าบนหลังของเขาได้เปียกโชกไปด้วยเลือด เขาและทหารนับพันไล่ตามนางด้วยความเร่งรีบ พวกเขาก็ไม่สามารถบินผ่านถนนเนื่องจากพวกเขามีจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงมีปัญหาในการจับกุมนาง ครอบครัวหยุนไม่ได้มีสัตว์อสูรมากมาย ดังนั้นทหารจึงต้องใช้ขาวิ่งตามเท่านั้น มีเพียงเฉพาะหัวหน้าครอบครัวหยุนและทหารของเขาบางส่วนที่จงรักภักดีซึ่งขี่อยู่บนสัตว์อสูร
ในขณะที่กำลังไล่ตามอย่างเร่งรีบผ่านถนนสายหลักหลายสาย พวกเขาติดตามอยู่หลายกิโลเมตรห่างจากศูนย์กลางของเมือง ขณะนี้ระยะห่างระหว่างนางกับบิดาและผู้ติดตามหลายสิบคน ลดลงเหลือเพียงหลายร้อยเมตร
เมื่อเห็นพ่อของนาง บุตรสาวรู้ว่านางจะไม่สามารถหนีได้ในตอนนี้ กับช่วงเวลาแห่งการลังเล นางจึงเข้าไปในที่อยู่ตรอกใกล้เคียง
นังลูกสารเลว ไม่ต้องเปลืองแรงหรอก ! เจ้าไม่สามารถหนีจากข้าได้ เร็วเข้า รีบมอบยาแก้พิษให้ข้า ! ผู้เป็นบิดาสามารถบอกได้ว่าพิษภายในร่างกายของเขาคือพิษที่ออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ยาแก้พิษที่เขาได้กลืนกินก่อนหน้านี้ไม่สามารถรับมือกับยาพิษ มันมีเพียงทางออกเดียวคือการกินยาแก้พิษที่แท้จริง
หญิงสาวไม่สนใจคำพูดที่พ่อของนาง แทนที่นางจะพูดขึ้น นางกลับวิ่งให้รวดเร็วยิ่งขึ้น แม้ในที่สุด นางก็มาหยุดอยู่หน้าโรงเตี้ยม นางลงจากสัตว์อสูรของนางเพื่อเข้าไปภายใน นางรู้ดีว่า คนที่นางกำลังตามหาอยู่ในสถานที่นี้
เมื่อนางวิ่งเข้าไปในโรงเตี้ยม หัวหน้าของครอบครัวหยุนและทหารอื่น ๆ เลยก็เข้ามาในโรงเตี้ยม
ล้อมรอบโรงเตี้ยมและป้องกันไม่ให้ลูกสาวของข้าหลบหนีไปได้ ที่เหลือตามข้ามา เขาสั่ง ก่อนที่จะบุกเข้าไปในโรงเตี้ยมพร้อมกับทหารของเขา
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินและกลุ่มชุมนุมกันอยู่ภายในห้องหนึ่ง
เจี้ยนเฉิน สามตระกูลหลักของเมืองได้สูญเสียคนไปจากมาย แต่ทว่าตระกูลของพวกเขายังคงอยู่ เจ้าคิดว่าเราควรจะกำจัดตระกูลของพวกเขาทั้งหมดหรือไม่ ? หลังจากวิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาเมื่อสองปีก่อน ความแข็งแกร่งของเราน่าจะเกินพอที่จะทำให้พวกเขาชดใช้กรรม เราไม่ควรปล่อยเขาไปง่าย ๆ โดยเฉพาะตระกูลฮาริโต้ ตอนนี้ที่เราได้ฆ่าเซียนปฐพีถึง 2 คน พวกเขาไม่มีทางรามือไปอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรในตอนนี้ พวกเขาจะต้องทำโดยไม่ต้องสงสัยในอนาคตเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม อย่างน้อยที่สุด เราควรจะตัดรากถอนโคนตระกูลฮาริโต้ออกไป เพื่อให้พวกเขาจะไม่ลุกขึ้นมาต่อต้านพวกเรา หมิงตงเสนอ
มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ มันเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่พอใจเจี้ยนเฉินและเขาก็ตายไปแล้ว ทำไมเราต้องตัดรากถอนโคนตระกูลของพวกเขา ? พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ เถี่ยต้าพูดโพล่งออกมา
เจี้ยนเฉินตอบเมื่อไต่ตรองอย่างรอบคอบ นั่นเป็นเรื่องจริง การตัดรากถอนโคนจะป้องกันการกระทำใด ๆในอนาคตกับเรา คนที่ดูถูกข้าอาจจะตาย แต่ความเกลียดชังของตระกูลพวกเขามีมีต่อตัวข้าคงไม่ง่ายที่จะแก้ไข ในเมื่อเราได้ฆ่า 2 คนที่แข็งแกร่งของพวกเขา ความเกลียดชังของพวกเขาย่อมจะฝังลึกลงไปอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะซ่อนความรู้สึกของตน และรอเวลาที่จะโจมตีเรากลับอย่างรุนแรงเป็นแน่”
ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้น เราก็ควรจะจัดการตระกูลฮาริโต้ทันทีที่เราออกจากเมืองเฟิงหยาง” หมิงตงพูดขึ้น
ไม่ต้องรีบร้อน งานปัจจุบันในมือของเราคือเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของเรา และรอจนกว่ากลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้สร้างขอบเขตที่เหมาะสมของการควบคุม เร็ว ๆ นี้ กระทั่งตระกูลฮาริโต้ก็ต้องมาอ้อนวอนขอเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี เจี้ยนเฉินตอบ เขาตระหนักถึงความจริงที่ว่าการฆ่าบุคคล 2 คนจะสร้างปัญหาให้มากขึ้นสำหรับเขาในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นที่ดีที่สุดที่จะกำจัดต้นตอทันที
หมิงตงพยักหน้าลงในความคิดของเขา ก่อนที่จะกล่าวออก งั้นเอาอย่างนี้ ทำไมเราไม่ปล่อยตระกูลฮาริโต้ไป และให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจัดการพวกเขา”
“ความคับข้องใจนี้ มันได้บรรเทาเมื่อข้าเดินทางมาเมื่อโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ ข้าพอใจแล้ว เราควรจะพักคืนนี้ แล้วจะกลับพรุ่งนี้เช้า ไปที่เมืองชั้นหนึ่ง เพื่อรวบรวมกลุ่มทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินตอบ
ดี งั้นเราต้องกลับไปก่อน ทักษะมายาพริบตานั้นลึกลับมากเกินไปสำหรับที่ข้าจะเข้าใจ ตอนนี้ระดับของความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ข้ารู้สึกว่าข้าเข้าใจได้มากขึ้น หมิงตงพยักหน้า เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขา
เจี้ยนเฉินได้แต่ถอนหายใจ เมื่อเขาได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงทักษะมายาพริบตา มีความเสียใจบนใบหน้าของเขา ทักษะการต่อสู้นี้ลึกซึ้งนัก สามารถใช้งานได้กับพลังเซียน เขาไม่สามารถที่จะใช้ทักษะการต่อสู้นี้ เนื่องจากเขาไม่ได้มีพลังเซียนอีกต่อไป เขาไม่มีอะไรที่จะพูดถึงมันได้
ข้าสงสัยว่า ข้าจะสามารถใช้พลังบรรพกาล และถ้าข้าจะสามารถใช้มันบังคับพลังบรรพกาลกับทักษะมายาพริบตา เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง เขารู้ว่ามันอีกยาวไกล จนกว่าที่เขาสามารถใช้พลังบรรพกาล เนื่องจากความยากของการบ่มเพาะพลังของมัน เส้นทางเดียวของเขา ในตอนนี้คือการรวบรวมผู้ครอบครองอาวุธและดูดซับพลังงานภายใน เพื่อปรับแต่งให้เป็นพลังบรรพกาล แต่มันต้องใช้เวลาจำนวนมากที่จะบรรลุงานนี้
พลังบรรพกาลนั้น มันเทียบเท่ากับพลังของเทพผู้ครอบครองสรรพสิ่ง แม้ว่าเขาจะได้ปรับแต่งแกนอสูรเข้าไป แต่มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น
เจี้ยนเฉิน เจ้าน่าจะพักผ่อนได้แล้ว เราจะพาเจ้าไป โหยวเยว่พูดเบา ๆ กับเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นไป
ทันใดนั้นที่หมิงตงเปิดประตู ร่างพร่าพรายสีแดงสดใสก้าวเข้าไปในห้องด้วยฝีเท้าสั่นไหวและล้มลงกับพื้น
เจี้ยนเฉินและหมิงตงหันมองอย่างฉับพลันไปที่สตรีในชุดสีแดง พวกเขาจดจำได้ว่า นางเป็นบุตรสาวครอบครัวหยุนจากสัปดาห์ที่แล้ว
เฮ้ เฮ้ เจ้ากำลังทำอะไร โผล่พรวดเข้าไปห้องของเราแบบนี้ หมิงตงถามขึ้นด้วยความงุนงง
เมื่อนางยืนขึ้นมาได้ ด้วยใบหน้าที่ซีดและผมที่หลุดลุ่ยจากลมของนาง รูปลักษณ์ของนางนั้นได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสมบูรณ์
สายตาของหญิงสาวยิงตรงไปเจี้ยนเฉิน ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว หลังจากลังเลอยู่เพียงเสี้ยววินาที นาง กล่าวว่า ท่านใต้เท้า ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ข้ามีเรื่องที่ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้า ถ้าท่านช่วยข้าทำลายครอบครัวหยุนแล้ว ข้าจะตอบแทนท่านด้วยทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี นางกล่าวออกด้วยท่าทีสงบนิ่ง
……….
หมิงตงจ้องมองเด็กสาวด้วยท่าทางขบคิด “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าเป็นบุตรีของครอบครัวหยุน น่าประหลาดเสียจริง บุตรีของครอบครัวหยุนมาขอร้องพวกเราให้กำจัดคนในครอบครัวเดียวกัน เจ้ากินยาอะไรผิดสำแดงเข้าไปรึเปล่า ? เจ้าบอกว่ามีทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี แล้วพวกเราจะเชื่อได้เช่นไร หรือเจ้าคิดว่าพวกเราเป็นเด็ก 3 ขวบ ? “
นางดูมีเริ่มมีท่าทีกระกระวาย “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ ทักษะการต่อสู้ที่ข้ากล่าวถึงมีอยู่จริง ตราบเท่าที่เจ้าช่วยข้าทำลายครอบครัวหยุน ข้าจะยกมันให้กับเจ้า”
“ดี ข้าเข้าใจแล้ว นังเด็กร้ายกาจ เจ้าแอบเก็บความลับไว้จากข้าตลอดเวลา ! ” ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งจากหัวหน้าครอบครัวหยุนและบรรดาทหารที่แข็งแกร่งของเขากรูกันเข้าไปในห้อง ตาของเขาจับจ้องที่เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ พวกเขาดูเด็กสำหรับเขา ชายผู้นั้นรู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถนำตัวบุตรีของเขากลับไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่นางกล่าวเช่นนั้นกับพวกเขา
“ใต้เท้า ข้าคือหัวหน้าครอบครัวหยุน เด็กสาวคนนี้เกิดบ้าคลั่งและพยายามที่จะฆ่าพ่อของนางเอง คำพูดของนางเชื่อถือไม่ได้ อย่างไรก็ตามทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีเป็นสิ่งที่นางกุเรื่องขึ้นมา เชื่อถือไม่ได้ ข้าจะพานางกลับบ้าน ถ้าพวกเรารบกวนท่าน พวกเราก็ต้องขออภัยด้วย” ผู้ชายอธิบายกับเจี้ยนเฉินด้วยถ้อยคำสุภาพ มันใช้เวลาเพียงชั่วครู่สำหรับเขาในการวางแผนที่จะพูดอะไร ตั้งแต่บุตรสาวของเขาเริ่มพูด เขาก็สามารถบอกได้ว่ากลุ่มคนที่อยู่ในห้องนี้ไม่ใช่คนที่เขาสามารถต่อกรได้
ดังนั้น หัวหน้าครอบครัวหยุนหันไปหาบรรดาทหารของเขาที่อยู่ข้างนอก “ทำไมพวกเจ้ายังรอช้าอยู่อีก ? รีบมาพาตัวบุตสาวของข้ากลับไปบ้าน ! “
“ขอรับ” เหล่าทหารตอบรับและเข้ามาจับกุมตัวนาง
หลังจากที่เท้าของพวกเขาก้าวเข้ามาในห้อง ตู่กูเฟิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขวางพวกเขาไม่ให้เข้ามา ด้วยการจ้องมองอย่างข่มขู่ เขากล่าวว่า “ออกไป ใครอนุญาตให้พวกเจ้าเข้ามาในห้องนี้ ? “
สะดุ้ง หัวหน้าครอบครัวหยุนยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเด็กหนุ่มเหล่านี้ไม่อาจล่วงเกินได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไร ” ช.. ใช่ พวกเราจะไม่เข้าไปในห้องโดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน ถ้าเช่นนั้นพวกเราขอร้องให้ท่านยินยอมให้พวกเราพาตัวบุตรสาวที่บ้าคลั่งของข้ากลับบ้าน พวกเราจะไม่ทำให้พวกท่านหนักใจอีกต่อไป”
ดวงตาของเจี้ยนเฉินจ้องมองอย่างสงบไปที่เด็กสาว “แม่นาง ถ้าเจ้ายินดีจะจากไป”
เกิดความสิ้นหวังขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว นางรู้ดีว่าวันนี้นางจะมีชีวิตรอดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือของเจี้ยนเฉิน นางรู้ว่าการกลับไปยังครอบครัวหยุนจะหมายถึงการถูกขังตลอดไปสำหรับนาง ตอนนี้ทักษะการต่อสู้ของนางถูกล่วงรู้แล้ว
นางกล่าววิงวอนอีกว่า “ข้าขอร้องได้โปรดช่วยเหลือข้า ท่านจะได้รับทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีตอบแทน”
หัวหน้าครอบครัวหยุนรู้สึกมีความสุขมากที่ได้รู้ว่ามันเป็นทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี เขารีบเก็บความรู้สึกอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวว่า “นังเด็กบ้า ! ใต้เท้า ได้โปรดอย่าสนใจสิ่งที่ลูกสาวของข้ากล่าว นางไม่มีทักษะการต่อสู้อะไรเลย อย่าสนใจนาง” เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการอุดปากของนางไม่ให้กล่าวอะไรออกมาอีก แต่ตู่กูเฟิง ผู้ซึ่งปิดกั้นทางเข้าได้ข่มขู่เขาให้อยู่เฉย ๆ
“ถ้าเจ้ามีทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี แล้วทำไมเจ้าไม่หากลุ่มอำนาจอื่นในเมืองเฟิงหยางให้ช่วยเหลือเจ้าในการประมูลเล่า ? ข้าคิดว่าพวกเขาทั้งหมดคงเต็มใจที่จะช่วยเหลือเจ้าเพื่อทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี ” เจี้ยนเฉินถาม
“ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาส และข้าก็ไม่เคยแน่ใจว่าทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีจะเพียงพอหรือไม่ที่จะช่วยข้าได้ ตอนนี้ข้าจนปัญญาแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่น ข้าขอร้องให้ท่านเชื่อข้า ถ้าท่านสามารถช่วยเหลือข้าได้ แล้ว ข้าจะบอกทักษะการต่อสู้ของครอบครัวมแม่ข้า ทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋ ข้ามั่นใจว่ามันเป็นทักษะการต่อสู้ที่ล้ำค่า” เด็กสาวอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง ยาแก้พิษอยู่กับคนของนาง เพราะฉะนั้นถ้านางถูกจับและส่งตัวกลับบ้าน นางก็ไม่สามารถแก้แค้นให้มารดาของนางได้ ไม่เพียงแค่นั้นร่างกายของนางเองก็จะถูกทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อทักษะการต่อสู้ และนางไม่สงสัยเลยว่าพ่อของนางเองจะกระทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้รับมัน
หลังจากได้ยินชื่อทักษะการต่อสู้ ใบหน้าเจี้ยนเฉินก็ตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่งในทันที ด้วยความประหลาด เขาสอบถามนางในทันที “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? ทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋ ถูกต้องหรือไม่ ? ” ทักษะการสู้รบนี้ทำให้เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ มันไม่ได้เป็นทักษะการสู้รบที่แปลกใหม่สำหรับเขา ในความเป็นจริงมันเป็นทักษะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมาของตระกูลไป๋