ตอนที่ 572: ตัวตนของไป๋เหลียน (1)
หลังที่เห็นปฏิกิริยาจากเจี้ยนเฉิน ทำให้ทุกคนในห้องต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รู้จักเจี้ยนเฉินมากที่สุด เช่น หมิงตง โหยวเยว่ และตู่กูเฟิง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเจี้ยนเฉินมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึงในการแสดงออกของเขา โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเพียงทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี
เจี้ยนเฉิน มีอะไรผิดปกติกับทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋ ? ดวงตาใสของโหยวเยว่จ้องมองที่เจี้ยนเฉิน นางสังเกตพลางถามด้วยเสียงนุ่ม มันเป็นเสียงที่แสนไพเราะที่จะฟัง มันราวกับเสียงของนก
หมิงตงมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสงสัยว่า หากทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีนี้มันทำให้เจี้ยนเฉินเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋อาจมีค่ามากกว่าที่พวกเขาได้คาดคิดไว้
พวกเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่ตกใจ แม้แต่เด็กสาวเองก็ตกใจกับปฏิกิริยาของเจี้ยนเฉิน ตะลึงจนพูดไม่ออก นางได้แต่ยืนอย่างไม่รู้ สงสัยว่านางทำอะไรผิด
หัวหน้าครอบครัวหยุนจ้องมองลูกสาวของเขาด้วยความกระวนกระวายที่เพิ่มมากขึ้นและส่งเสียงดัง นังเด็กบ้า อย่าพูดจาโกหกพกลมเช่นนั้น เจ้าอาจคิดหรือว่าจะโกหกคนฉลาดเช่นพวกเขาได้ ? รีบกลับบ้านกับข้า เป็นเด็กดีเสีย เขากังวลมากว่าเจี้ยนเฉินและคนอื่นจะเชื่อจริง ๆ ว่านางมีทักษะการต่อสู้ และจะขัดขวางเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะนำนางเข้าไปขังไว้ นี้คือความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาที่พยายามจะพานางออกไปเพื่อเก็บงำความลับของนางไว้
ตู่กูเฟิงไม่ได้หยุดผู้ชายเข้ามาในครั้งนี้ ให้เขาบุกเข้ามาในห้องโดยไม่มีปัญหา เขาพยายามคว้าจับผู้หญิง อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินนั้นมีแววตาที่แฝงประกายอันตราย ตามที่เขาร้องออก ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในห้องนี้ ไปซะ ! กับคลื่นของมือข้างขวาของเขา คลื่นพลังงานจากโลกระเบิดออกมาและกระแทกเต็มที่เข้าไปในร่างกายของชายคนนั้น
หัวหน้าของครอบครัวหยุนนั้นเป็นเพียงแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และไม่อาจที่จะป้องกันการโจมตีของเจี้ยนเฉินได้ ไม่สามารถแม้แต่จะตอบสนอง ร่างกายของเขาถูกโยนกลับมาจากการโจมตีมหาศาลและกระแทกเข้าที่ผนังข้างหลังเขา การกระแทกอย่างหนักทำให้เขาถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปากของเขา
เจี้ยนเฉินนั้นควบคุมพลังเป็นพิเศษ เขาเพียงแค่เจาะจงพลังไปที่หัวหน้าครอบครัวหยุน มันไม่มีพลังงานเกินเข้าไปในโรงเตี้ยม ทว่าด้วยแรงโจมตีมหาศาลนั้นทำให้ทหารของครอบครัวหยุนและลูกสาวของเขาหวาดกลัว ทุกคนหันไปมองเจี้ยนเฉินด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
กับเขาที่เป็นเพียงแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวหยุนนั้นถือว่าเป็นเพียงคนธรรมดาในเมืองเฟิงหยาง อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในขุมกำลังระดับกลาง ดังนั้นเมื่อบุคคลเช่นเขาถูกส่งบินไปโดยไม่มีการต่อต้านโดยเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุไม่เกิน 20 ปี มันทำให้ทุกคนได้แต่มองตกใจ
ดวงตาของเจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่หญิงสาวและกระตุ้นถามนางว่า เจ้ามีทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋จริง ๆ หรือ ?
นางไม่รู้ว่าทำไมเจี้ยนเฉินจึงได้สนใจทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋ แต่ทว่าด้วยกำลังของเขา มันทำให้นางกลัวและได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ประการเดียว
หมิงตง ส่งแผ่นหนังและพู่กันมา เขาบอกหมิงตง
อื้อ ! โดยไม่ชักช้า หมิงตงหันหลังเดินออกและนำสิ่งของทั้ง 2 รายการที่เจี้ยนเฉินต้องการมาจากทางโรงเตี๊ยม
วางทั้งแผ่นหนังและพู่กันลงบนโต๊ะ เจี้ยนเฉินบอกหญิงสาว เขียนทุกสิ่งที่เจ้ารู้เกี่ยวกับทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋ลงในนี้”
ได้ยินคำของเจี้ยนเฉิน หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะตอบว่า ถ้าข้าเขียนลงไป แล้วเจ้าจะยอมรับคำขอของข้า ? เจ้าจะทำลายครอบครัวของหยุนและฆ่าฆาตกรที่ฆ่าแม่ข้าหรือไม่ ?
ข้าสัญญา คราวนี้เจี้ยนเฉินไม่ลังเลที่จะตอบ
ได้รับคำสัญญาของเจี้ยนเฉิน หญิงสาวไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ถอนหายใจโล่งอก นางจะรู้ว่านี่จะต่อต้านความปรารถนาของมารดานางที่ไม่ให้บอกใครอีกเลย แต่ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันไม่มีทางเลือกอื่น
หญิงสาวได้ใช้พู่กันเขียนทักษะการต่อสู้ที่สมบูรณ์สำหรับเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วในทันที
ด้วยตัวอักษรที่เต็มแผ่นหนังในมือของเขา เจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะดูเนื้อหาด้านใน ยิ่งเขาอ่านมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น
ทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋นั้นไม่ใช่ว่าเจี้ยนเฉินไม่รู้จัก เนื่องจากมันเป็นทักษะการต่อสู้ของตระกูลไป๋ที่ถูกส่งลงมาจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อลุงไป๋เต๋าและมารดาของเขา ไป๋หยุนเทียน ต้องการให้ของขวัญแก่เขา เป็นทักษะต่อสู้ที่ดี แต่เขาไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังเซียนได้ ตั้งแต่เขาได้สูญเสียอาวุธเซียนของเขา นอกจากนี้ เขารู้ว่าทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋แบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ ระดับแรกคือระดับมนุษย์ ระดับต่อไปคือระดับปฐพี และระดับ 3 เป็นระดับสวรรค์
จากสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นได้เขียนมันขึ้นมา อธิบายระดับแรกและสองของทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋ คำต่อคำ มันเป็นฉบับที่สมบูรณ์แบบกว่าที่ไป๋เต้าและมารดาของเขาเคยบอกเขาว่า นี่มันมากเกินกว่าที่เจี้ยนเฉินจะเชื่อได้
ค่อย ๆ วางลงแผ่นหนังในมือลง เจี้ยนเฉินมองหญิงสาวอย่างจริงจัง บอกมา เจ้าเรียนรู้ทักษะปาฏิหาริย์น้ำของตระกูลไป๋มาจากที่ไหน ?
นี่เป็นสิ่งที่มารดาสอนข้า มันมีอะไรงั้นหรือ ? นางตอบด้วยความความงงงวย
มารดาเจ้ามีชื่อว่าอะไร ?
เมื่อเจี้ยนเฉินถามนาง หญิงสาวเริ่มคิดหนัก ค้นหาส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจในความทรงจำที่มีอยู่ของนาง นางไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่เริ่มคิดถึงแต่ความทรงจำที่เจ็บปวด นางร้องไห้ออกมา มารดาข้าชื่อไป๋หยุนไห่ !
ราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างกายของเจี้ยนเฉินเริ่มสั่นเทา เป็นแผ่นหนังที่มีทักษะการต่อสู้ร่วงจากมือของเขา มันช่างยากที่จะเชื่อ เจี้ยนเฉินมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ไป๋หยุนไห่ ไป๋หยุนไห่ ไป๋หยุนไห่ มารดาเจ้าเป็นคนสกุลไป๋. . . . . . .
หมิงตงและคนอื่น ๆ จ้องมองอย่างความสับสนที่เจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวไป๋ และไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ที่เจี้ยนเฉินมีกับพวกเขา เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมเจี้ยนเฉินต้องตะลึงเมื่อเขาได้ยินว่าแม่ของหญิงสาวเป็นคนสกุลไป๋
น้องชาย เจ้าเป็นอะไรไป ? หมิงตงไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ถามด้วยความเป็นห่วง เจี้ยนเฉินเป็นพี่น้องของเขา อารมณ์ของเจี้ยนเฉินจะมีอิทธิพลต่อเขาเช่นกัน
ราวกับตระหนักได้ถึงอารมณ์ในจิตใจของเขา เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ส่ายหน้า ข้าไม่เป็นไร กับที่สายตาของเขาหันกลับไปจ้องเขม็งที่หญิงสาว ในช่วงเวลานี้ แววตาที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก
เจ้าชื่ออะไร เจี้ยนเฉินถามอย่างแปลกใจ ปรากฏความอบอุ่นในน้ำเสียง
ข้าชื่อหยุนเหลียน ! ! นางตอบ ดวงตาสดใสของนางจ้องมองอย่างสงสัยที่เจี้ยนเฉินราวกับงุนงงเกี่ยวกับท่าทีของเจี้ยนเฉิน นางเป็นคนฉลาดและรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของเจี้ยนเฉิน
แม่ของเจ้าตายไปแล้วใช่มั้ย ? เจี้ยนเฉินถาม
เมื่อพูดถึงแม่ของนาง หยุนเหลียนดวงตาเริ่มเอ่อขึ้นด้วยน้ำตาอีกครั้งก่อนที่จะพยักหน้าของนาง
เจี้ยนเฉินถอนหายใจและเอ่ยว่า เช่นนั้นมารดาของเจ้าไม่เคยบอกเจ้าเกี่ยวกับตระกูลไป๋”
หยุนเหลียนมองอย่างว่างเปล่าไปที่เจี้ยนเฉิน ก่อนจะสั่นศีรษะ นางไม่เคยรู้เกี่ยวข้องกับครอบครัวไป๋
แม่ของเจ้าตายได้อย่างไร ? เจี้ยนเฉินถามคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชานัก
มีแสงสะท้อนออกมาจากสายตา มันเป็นความโกรธ หยุนเหลียนกัดฟันของนางแน่น แม่ของข้าถูกทุบตีจนตายด้วยหัวหน้าครอบครัวหยุน เขาเป็นสัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์ เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้จากแม่ของข้า เขาพยายามแย่งชิงมันจากนาง แต่แม่ของข้าต่อต้าน ร่างกายของนางก็อ่อนแอและหลังจากถูกทุบตีอย่างทารุณเช่นนั้น นางไม่สามารถที่จะทนอีกต่อไปได้ นางจากโลกนี้ไป . . . . . . .
หยุนเหลียนร้องไห้ออกมาตรงนี้ แม่ของข้าตายอย่างโหดร้ายเกินไป ข้าต้องแก้แค้นให้แม่ของข้า ฆาตกรที่ฆ่านาง มันไม่ใช่มนุษย์ แต่มันเป็นสัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์ ! ถึงแม้ว่าหัวหน้าครอบครัวหยุนจะเป็นบิดาของนาง แต่นางก็ไม่ได้มีความรู้สึกใดกับเขา นอกจากความเกลียดชัง
เจี้ยนเฉินกำหมัดอย่างแรง ในมือของเขาเต็มไปด้วยเสียงกระดูกลั่นด้วยการระเบิดของความโกรธของเขา
ตู่กูเฟิง ลากหัวของหัวหน้าครอบครัวหยุนออกมานี่ เจี้ยนเฉินคำราม
ตู่กูเฟิงจ้องมองอย่างลึกซึ้งไปที่เจี้ยนเฉินก่อนจะหันหลังกลับไป รีบเอาตัวชายที่ได้รับบาดเจ็บมา เขาโยนผู้ชายลงบนพื้นดิน
หัวหน้าครอบครัวหยุนได้รับบาดเจ็บหลังจากได้รับการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเจี้ยนเฉิน อย่างน่าเศร้า แม้กระทั่งตอนนี้ เขาพบว่าตัวเองยังไม่มีมีแรงลุกขึ้นมาได้อีก เซียนปฐพีไม่อาจต้านทานเซียนสวรรค์ได้ นับประสาอะไรกับเขาซึ่งเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
เจ้าสารเลว ! ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะถูกฝังอยู่กับแม่ของข้า หยุนเหลียนเตะหัวพ่อของนางด้วยความเกลียดชังทันที หลังจากที่นางซ่อนความรู้สึกของนางมานาน นางได้พบโอกาสที่จะแก้แค้น
ไม่มีใครในห้องหยุดนาง พวกเขาตัดสินใจที่จะดูอยู่รอบข้าง การที่มารดาของนางต้องจากไปด้วยน้ำมือของคนผู้นี้เพื่อทักษะการต่อสู้ มันเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความโกรธได้เป็นอย่างดี
ทันใดนั้น หยุนเหลียนก็เหนื่อยและล้มลงกับพื้น นางเริ่มร้องไห้ น้ำตาที่ไหลลงมา ไม่มีใครสามารถเข้าใจจิตใจของนางได้ และไม่มีใครสามารถเข้าใจความทรมานและความเจ็บปวดที่นางรู้สึก ในทางหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวหยุนคือบิดาของนาง และในทางอื่น ๆ ที่เขาเป็นคนฆ่าแม่ของนาง การเผชิญหน้ากับทางเลือกที่โหดร้ายเช่นนี้อาจเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับคนอื่น