ตอนที่ 1961 มุ่งสู่เส้นทางวิญญาณ (7)
จวินอู๋เหยาพูดว่า “วันนี้เหนื่อยแล้ว ไว้ต่อพรุ่งนี้”
พวกเฉียวฉู่ไม่ได้สงสัยอะไร แค่ก้มหน้าดูสภาพตอนนี้ของตัวเอง
จวินชิงยืนอยู่ในลานบ้าน และกล่าวว่า “เราจะออกเดินทางไปอาณาจักรล่างวันนี้ เรื่องร่างกายของอู๋เสีย……”
“ข้าดูแลเอง” จวินอู๋เหยาพูด
จวินชิงพยักหน้า ด้วยพลังของจวินอู๋เหยา เมื่อเขาพูดเช่นนั้น ก็ย่อมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม จวินชิงไม่ถามอะไรอีก แค่พาร่างของพวกเฉียวฉู่ไปเตรียมการให้เรียบร้อย
การที่วิญญาณออกจากร่าง แม้ว่าจะไม่มีสติ แต่ร่างกายก็ยังทำงานอยู่ พวกเขาต้องป้อนอาหารเหลวทุกวัน เทียบกับสภาพของพวกเฉียวฉู่ก่อนหน้านี้ การดูแลพวกเขาแบบนี้ง่ายกว่า
ก่อนจะเคลื่อนขบวนเดินทางไปอาณาจักรล่าง จวินอู๋เสียได้ตื่นขึ้นมา นางเดินออกมานอกเมืองพร้อมกับจวินอู๋เหยาเพื่อดูกองทัพเตรียมพร้อมออกเดินทาง
ครั้งนี้ต้องแยกจากกันอย่างน้อยหนึ่งปี จวินอู๋เสียมองจวินชิงด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ จากนั้นสายตาของนางก็มองไปที่เยว่เย่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา
“ท่านอา! รอก่อน” จวินอู๋เสียจูงมือเยว่เย่เดินไปหาจวินชิง
เยว่เย่ซ่อนอยู่ด้านหลังจวินอู๋เสียอย่างประหม่า จวินชิงยิ้มอ่อนโยนขณะมองท่าทางเขินอายของเยว่เย่ด้วยความรู้สึกเอ็นดู
“ท่านอา รบกวนท่านพาเย่เอ๋อร์กลับไปที่วังหลินอ๋องด้วย เย่เอ๋อร์เป็นศิษย์ของข้า นางยังเด็กมาก แต่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมด้านการรักษา อาณาจักรกลางยังไม่สงบ นางต้องการสภาพแวดล้อมที่มั่นคงเพื่อให้นางได้เรียนรู้สิ่งต่างๆให้มากขึ้น ข้าเคยพูดกับมู่เฉินแล้ว ให้เขาช่วยชี้แนะเย่เอ๋อร์หลังจากที่กลับไป” จวินอู๋เสียมองเยว่เย่ที่ขี้กลัว แม้ว่าเยว่เย่จะไม่เคยพูดอะไร แต่จวินอู๋เสียก็ยังรู้สึกได้ว่าชีวิตในวิหารเงาจันทราได้ส่งผลกระทบต่อเยว่เย่อย่างใหญ่หลวง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การอยู่ที่นี่อาจเป็นการทำร้ายเยว่เย่ในรูปแบบหนึ่ง ทำไมไม่ลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้นางเพื่อที่นางจะได้เริ่มต้นใหม่
ในอาณาจักรล่าง ไม่มีใครรู้อดีตของนาง นางไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวอีก
“ได้สิ” จวินชิงยิ้ม เขาก้มตัวลงมองเยว่เย่ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังจวินอู๋เสีย
“เย่เอ๋อร์ เจ้าอยากกลับบ้านกับปู่ไหม?” พูดจบเขาก็ยื่นมือออกมา
เยว่เย่มองจวินชิงอย่างประหม่า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย เมื่อเห็นจวินอู๋เสียพยักหน้า นางก็ยื่นมือเล็กๆออกมาวางลงบนมือใหญ่ของจวินชิง
“ท่านปู่……”
“เด็กดี” จวินชิงมองเยว่เย่ที่ว่านอนสอนง่ายด้วยรอยยิ้ม หลานสาวของเขาโตเร็วมาก ไม่ต้องให้เขาคอยเป็นห่วงหรือดูแลนางเลย ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันนานๆ ทำให้จวินชิงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
“ท่านพี่ ข้าไปนะ” เยว่เย่ถูกจวินชิงจับมือเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเยว่อี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังจวินอู๋เสีย เยว่อี้ยังคงอยู่ที่อาณาจักรกลางเพื่อติดตามผู้อาวุโสอิ่งกลับไปที่ตระกูลจ้าน
เยว่อี้พยักหน้า แม้ว่าเขาจะทำใจแยกจากกันไม่ได้ แต่เขาก็ยังดีใจแทนเยว่เย่ พวกเขามีแค่กันและกันพึ่งพากันเพื่ออยู่รอดมานานหลายปี เขาจะมองไม่เห็นถึงความรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าในใจของเยว่เย่ได้อย่างไร?
เยว่เย่มองเยว่อี้เป็นครั้งสุดท้ายขณะที่ถูกจวินชิงพาไปขึ้นรถม้า
ผู้อาวุโสอิ่งที่ยืนอยู่ข้างเยว่อี้มองตามหลังเยว่เย่ด้วยความรู้สึกโหยหา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้
เมื่อเห็นเยว่เย่ปีนขึ้นไปบนรถม้าและประตูก็ปิดลง ดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ท่านปู่”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ผู้อาวุโสอิ่งเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ
เยว่เย่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างรถม้า ใบหน้าเขินอายเล็กน้อยขณะมองผู้อาวุโสอิ่ง และพูดอย่างอายๆว่า “ท่านปู่ ข้าไปแล้วนะ ลาก่อน” พูดจบ นางก็มุดหัวกลับไปซ่อนในรถม้าโดยไม่รอให้ผู้อาวุโสอิ่งได้โต้ตอบ
แค่เสียงเรียก “ท่านปู่” คำเดียวเท่านั้น ก็ทำให้ผู้อาวุโสอิ่งน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันได้
ตอนที่ 1962 มุ่งสู่เส้นทางวิญญาณ (8)
ขณะที่ฉูหลิงเย่ก้าวขึ้นรถม้า สายตาของนางก็มองไปที่จวินอู๋เสียในวินาทีสุดท้ายเพื่อบอกลานางอย่างเงียบๆ
ในขณะเดียวกัน ไป๋อวิ๋นเซียนนั่งอยู่ในรถม้า มองโม่เฉี่ยนเยวียนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง สายตาของนางที่จับจ้องมองเขาซ่อนความรู้สึกที่ไม่มีใครรู้ แต่ความรู้สึกนั้นแฝงด้วยความสิ้นหวัง คล้ายกับความรู้สึกของเขาขณะที่มองจวินอู๋เสียผ่านหน้าต่าง
จวินอู๋เสียยืนเคียงข้างจวินอู๋เหยาที่นอกเมือง มองส่งกองทัพห้าหมื่นนายของอาณาจักรล่าง ครอบครัว และสหายออกเดินทาง
กองทัพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเคลื่อนพลมุ่งหน้าไปทางเส้นขอบฟ้าท่ามกลางอาทิตย์อัสดง ค่อยๆลับหายไปจากสายตาของจวินอู๋เสีย
คืนนั้น จวินอู๋เสียหลับลึกมาก ในความฝันนางได้กลับไปที่อาณาจักรล่าง กลับไปที่วังหลินอ๋อง ได้เห็นจวินเสี่ยนนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ มีรอยยิ้มใจดีอยู่บนใบหน้า และเหมือนนางจะได้เห็นวิญญาณของ “พ่อ” อยู่ด้านหลังเขา
ในคืนเดียวกันนั้น จวินอู๋เหยากลับนอนไม่หลับ เขานั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ในลานบ้าน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
“นายท่านเจว๋ วิญญาณของคุณหนู……” เย่เม่ยมองสีหน้าของจวินอู๋เหยาแล้วรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ด้วยพลังของจวินอู๋เหยา จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเหนื่อยกับแค่การดึงวิญญาณออกจากร่างไม่กี่ร่าง?
ปัญหาต้องอยู่ที่วิญญาณของคุณหนูแน่
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์เป็นเหมือนกับข้า” จวินอู๋เหยาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ความสุขผุดขึ้นในดวงตาหงุดหงิดของเขา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมการเจอกันแค่ช่วงสั้นๆของพวกเขาจึงทำให้เขาไม่อยากจากนางไปอีก
เดิมทีพวกเขาก็เหมือนกันอยู่แล้ว
“อะไรนะ?” เย่เม่ยผงะไปเล็กน้อย
“เรื่องนี้จะต้องไม่แพร่ออกไป ห้ามพูดให้นางได้ยินด้วย” จวินอู๋เหยาสั่งด้วยสายตาคมกริบ
เย่เม่ยคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันทีและพูดว่า “ขอรับ”
เช้าวันรุ่งขึ้น จวินอู๋เหยาก็เข้ามาในห้องของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียเตรียมตัวพร้อมแล้ว นางมองจวินอู๋เหยาที่เดินเข้ามาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“วันนี้จะทำได้หรือเปล่า?” จวินอู๋เสียค่อนข้างผิดหวังที่การดึงวิญญาณเมื่อวานล้มเหลว
จวินอู๋เหยาพยักหน้า
“ส่งมือมา” จวินอู๋เหยาพูดขึ้น
จวินอู๋เสียไม่เข้าใจแต่ก็ทำตาม นางวางมือเล็กๆขาวเนียนลงบนมือของจวินอู๋เหยา
ไม่รู้ว่ามีดมาอยู่ในมือจวินอู๋เหยาตั้งแต่เมื่อไร เขากดมีดลงบนแขนของจวินอู๋เสียแล้วกรีดให้เป็นแผลตื้นๆ เลือดไหลออกจากบาดแผลนั้น แต่จวินอู๋เสียไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นจวินอู๋เหยาก็ใช้ปลายนิ้วแตะที่เลือดของจวินอู๋เสีย แล้ววาดสัญลักษณ์อย่างหนึ่งลงบนหว่างคิ้วของนาง
“นี่……” จวินอู๋เสียอยากถามอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นนางก็เวียนหัวและหมดสติล้มลงในอ้อมแขนของจวินอู๋เหยาทันที
จวินอู๋เหยาหรี่ตามองจวินอู๋เสียที่หมดสติ ร่างของนางค่อยๆโปร่งแสงขึ้นทีละนิดต่อหน้าต่อตาเขา เสื้อผ้าบนร่างทะลุผ่านร่างของนางร่วงลงบนพื้น
“เย่เจี๋ย” จวินอู๋เหยาเรียกเสียงเย็นชา
เย่เจี๋ยที่ยืนรออยู่ข้างนอกจัดการเผาเสื้อผ้ากระดาษพร้อมวันเวลาเกิดของจวินอู๋เสียในกระถางไฟทันทีที่ได้ยินเสียงของจวินอู๋เหยา เมื่อพวกมันไหม้ไฟจนหมด เสื้อผ้าที่เย่เจี๋ยวาดก็ปรากฏบนร่างของจวินอู๋เสีย
ตอนที่จวินอู๋เสียตื่น นางยังคงรู้สึกมึนๆอยู่ เด็กสาวพบว่าวิญญาณของนางออกจากร่างเรียบร้อยแล้ว และเจ้าแมวดำก็นอนหลับอยู่ข้างๆนาง ส่วนจวินอู๋เหยานั่งมองนางอยู่ด้านข้าง ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ตอนที่ 1963 มุ่งสู่เส้นทางวิญญาณ (9)
จวินอู๋เสียดึงคอเสื้อของนาง ความรู้สึกของเสื้อผ้าค่อนข้างแปลก นางสามารถสัมผัสมันได้ แต่ก็รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย แม้ว่าเสื้อผ้าจะโปร่งแสง แต่ก็ไม่เปิดเผยร่างกาย นางดึงเสื้อและมองเข้าไปที่หน้าอกของตน ดอกไม้สองดอกผลิบานอยู่ในนั้นอย่างเงียบๆ และใต้ดอกไม้พวกนั้นก็มีมังกรสีดำที่ค่อยจางไปอย่างช้าๆ
มันคืองูทะยาน!
ในช่วงที่ผ่านมางูทะยานค่อนข้างเงียบ ไม่ออกมาก่อปัญหาใดๆ เทียบกับบัวน้อยและอิงซู่แล้ว ร่องรอยของงูทะยานนั้นจางมาก มีเมฆสีทองหมุนวนอยู่ภายในหน้าอกของนาง ดูราวกับเป็นฐานรองดอกไม้พวกนั้น
จวินอู๋เสียจำเมล็ดสีทองที่จวินอู๋เหยาฝังลงไปในร่างกายของนางได้ทันที เมฆสีทองน่าจะมาจากเมล็ดสีทองนั้น
“มีอะไรผิดปกติหรือ? ให้ข้าดูซิ” จวินอู๋เหยาเข้ามาอยู่ข้างๆจวินอู๋เสียทันที พยายามจะมองลงไปในคอเสื้อที่จวินอู๋เสียดึงเปิดออกเล็กน้อย
จวินอู๋เสียปิดทันที
จวินอู๋เหยาแสร้งทำเป็นมองจวินอู๋เสียอย่างไร้เดียงสา “ข้าแค่อยากดูว่าเจ้าไม่สบายตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่มี ทุกอย่างปกติดี” จวินอู๋เสียรู้นิสัยจวินอู๋เหยาแล้ว นางไม่เชื่อสิ่งที่จวินอู๋เหยาพูดเลยแม้แต่น้อย
จวินอู๋เหยาหัวเราะเบาๆ แม้ว่าในใจจะรู้สึกเสียดายก็ตาม
อีกนิดก็จะเห็นแล้วเชียว
“ร่างกายข้าอยู่ที่ไหน?” สายตาของจวินอู๋เสียกวาดมองไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววร่างของตนเลย มีแต่เสื้อผ้าที่นางสวมใส่ก่อนหน้านี้ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น
“ข้าให้เย่เจี๋ยช่วยเก็บไว้แล้ว หนูนรกไม่สามารถกลืนสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงต้องสวมเสื้อผ้าแบบพิเศษให้กับร่างกายของเจ้าก่อนจึงจะทำได้” จวินอู๋เหยาพูดยิ้มๆ
[นั่นหมายความว่าร่างกายของนางอยู่ในท้องของหนูนรกงั้นหรือ?] จวินอู๋เสียรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่การอยู่เคียงข้างจวินอู๋เหยานั้น เรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้ได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จวินอู๋เสียจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
เมื่อดึงวิญญาณของจวินอู๋เสียสำเร็จ พวกเฉียวฉู่ต่างมองหน้ากันอยู่ที่ลานบ้าน ยังคงสงสัยเกี่ยวกับการอยู่ในสภาพวิญญาณเช่นนี้ เย่เจี๋ยได้วาดเสื้อผ้าให้จวินอู๋เสียมากกว่า 10 ชุดตลอดทั้งคืน นางวาดกระทั่งกระเป๋ามิติให้ด้วย เพื่อให้จวินอู๋เสียเก็บสิ่งของได้สะดวก
เฉียวฉู่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกอิจฉา เขาอยากขอให้เย่เจี๋ยวาดเสื้อผ้าให้เขาอีกสองสามชุด แต่ก็ถูกเย่เจี๋ยปฏิเสธด้วยเหตุผลว่านางต้องการ “ใช้เวลาทุกวินาทีวาดเสื้อผ้าให้กับคุณหนู” เฉียวฉู่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปรบเร้าเอากับเย่ฉาและเย่เม่ย
สุดท้ายเย่ฉาและเย่เม่ยก็บอกความจริงที่โหดร้ายกับเขา
มีเพียงเย่เจี๋ยที่สามารถวาดสิ่งของต่างๆลงบนกระดาษธรรมดาๆแล้วเผามันไปให้ได้ ถ้าคนอื่นอยากทำเช่นนั้น ก็ต้องเผาสิ่งของต่อหน้าศพของผู้รับ
ร่างของพวกเฉียวฉู่ถูกพาไปแล้ว ย่อมไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นได้
เย่เจี๋ยจดจ่ออยู่กับการวาดของแปลกๆทุกชนิดให้จวินอู๋เสีย เจ้าหนูนรกอ้วนกลมนอนกลิ้งอยู่ข้างๆเย่เจี๋ย มันกอดลูกเกาลัดพร้อมกับแทะอย่างเมามัน
สายตาของจวินอู๋เสียมองไปที่พุงกลมๆของหนูนรกอย่างอดไม่ได้ หนูนรกไม่ชินกับการถูกจ้อง มันกอดลูกเกาลัดไว้แน่น แล้วหันก้นปุกปุยของมันให้จวินอู๋เสียแทน
จวินอู๋เสียแทบใจละลายเมื่อเห็นเช่นนั้น
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว จวินอู๋เสียก็แจ้งกับทุกคนว่าพวกเขาจะออกเดินทางไปยังโลกวิญญาณในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นพวกผู้เยาว์ต่างตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ หลังจากกลายเป็นร่างวิญญาณ พวกเขาก็พบว่าตนไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด อย่างเมื่อคืนพวกเขาก็ตาสว่างกันจนถึงเช้า
มนุษย์กับวิญญาณมีความแตกต่างกันอย่างมาก ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงโลกวิญญาณ พวกเขาจะต้องปรับตัวให้ชินให้ได้