ตอนที่ 31 สังหาร โดย Ink Stone_Fantasy
“จิ้งชิว ข้าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย จะกลับมาโดยเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
อวี๋จิ้งชิวกำลังสำแดงศาสตร์กระบี่อยู่ นางยิ้มพลางมองสามีแวบหนึ่ง นับตั้งแต่สามีกลับมาแล้ว นางก็อารมณ์ดียิ่งนัก หากวันคืนต่อจากนี้สามารถมีสามีอยู่เคียงข้างได้ ต่อให้มิอาจหลุดพ้นแล้วตายไป นางก็ยินดี นางพูดยิ้มๆ ว่า “ได้สิ”
จากนั้นก้าวออกไปก้าวหนึ่ง มิติก็บิดเบือนไป ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในอากาศอันบิดเบี้ยวแล้วก็หายวับไป
……
เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นดินแดนเก้าเมฆาแล้ว สำหรับเขาที่เข้าถึงการส่งถ่ายในระยะทางอันไกลลิบแล้ว อากาศอันสับสนอลหม่านอันกว้างใหญ่และโลกทิพย์ทั้งห้า…ล้วนสามารถไปถึงได้ในพริบตา! ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงอดทอดถอนใจออกมามิได้…‘จักรพรรดิเก้าเมฆา’ ผู้มีผลสำเร็จทางด้านอากาศเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่ง สูงส่งกว่าบรรพชนห้วงอากาศเสียอีก ศาสตร์ลับภาพทั้งสี่ที่เขายังไม่สำเร็จ ที่แท้แล้วเป็นศาสตร์ลับอันใดกันแน่
ระดับอย่างจักรพรรดิเก้าเมฆา ภาพที่สี่เป็นเพียงภาพที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น
ต้องรู้ไว้ว่าค่ายกลคูหาที่เขาวางเอาไว้นั้น ตลอดคืนวันอันยาวนานมาจวบจนวันนี้ก็มิมีผู้ใดสามารถแก้กลได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศพลางเงยหน้ามองดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้าแล้ววิเคราะห์พิกัดที่ตนเองอยู่ “คลาดเคลื่อนอยู่บ้าง หากผเดินทางผ่านทางเชื่อมกาลมิติก็เกรงว่าคงต้องใช้เวลาราวสองชั่วยามจึงจะไปถึงได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงสาวเท้าออกไปอีกครา มิติบิดเบือนไป เขาทะลุตรงไป แล้วไปถึงทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้มือกระบี่มารเป็นอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง
“ใกล้มากแล้ว”
“หากข้ายินดีทำล่ะก็ จะสามารถไปถึงได้รวดเร็วนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงจนใจ “ทว่าสามารถไปถึงได้ในชั่วจอกชาหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิกล้าเปิดเผยออกมามากเกินไป
เพราะยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่เข้าถึงการส่งถ่ายอันไกลโพ้นก็พอมีอยู่บ้าง แต่ ‘ขั้นรวมเป็นหนึ่ง’ ที่สามารถเข้าถึงการส่งถ่ายในระยะอันไกลโพ้นได้นั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เคยได้ยินเลย! หรือเป็นเพราะหูตาของตนไม่กว้างไกลพอ แต่ดีร้ายอย่างไรตนก็เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ ในเมื่อตนไม่เคยได้ยิน ฉะนั้นเรื่องพรรค์นี้เก็บไว้เป็นความลับก่อนจะดีกว่า
รอให้ถึงตอนที่ตนสำเร็จเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนแล้ว ค่อยสำแดงออกมาต่อสาธารณชนอีกครั้ง ก็จะมิมีผู้ใดสงสัยแล้ว ผู้อื่นย่อมต้องคิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญระบบศาสตร์โบราณไปควบคู่กันด้วย!
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงโอ้เอ้ถ่วงเวลา ‘ชั่วจอกชา’ ออกไป แล้วจึงค่อยไปตามหามือกระบี่มารตามข้อมูลที่เขาให้มาอย่างไม่ขาดสาย จนพบมือกระบี่มาร
“มือกระบี่มาร เจ้าจะดิ้นรนต่อไปก็ไร้ประโยชน์ คราวนี้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน” ประมุขวังฉีอู่สวมอาภรณ์สีม่วงตลอดร่าง นัยน์ตาเรียวยาวมีไอหมอกจางๆ แฝงอยู่ เขาควบคุมผ่านระยะทางอันไกลโพ้นอีกครั้ง กลางท้องฟ้ารอบกายมือกระบี่มารพลันมีค่ายกลบดบังฟ้าและดวงตะวันปรากฏขึ้น แต่มือกระบี่มารกลับพยายามทะลุอากาศหลบหนีอย่างสุดชีวิต บางครั้งจึงชักกระบี่สีดำที่สะพายเอาไว้ออกมา
หลังชักกระบี่ออกมาแล้ว เขาก็เสียบกระบี่สีดำกลับเข้าไปในฝัก
ทุกครั้งที่ชักกระบี่ออกมา…อานุภาพก็ยิ่งใหญ่นัก
“เฮ้อๆ ไยจึงไม่มาอีก ยอดฝีมือของวังทวีสูญเล่า” มือกระบี่มารร้อนใจขึ้นมา
“อ้อ ประมุขวังฉีอู่หรือ” น้ำเสียงเย็นเยียบดังก้องขึ้นมา
บุรุษอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งทะลุอากาศมาแล้วปรากฏกายขึ้น ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ปิดบังรูปโฉมเพราะตามปกติแล้วเขาก็อยู่ในจักรวาลบ้านเกิด เมื่อมีเรื่องสำคัญจึงจะออกมาสักครั้ง ไนเมื่อมิได้อยู่ในดินแดนเก้าเมฆาเป็นระยะเวลานาน…จึงย่อมไม่จำเป็นต้องซ่อนเร้นสถานะแต่อย่างใด
ประมุขวังฉีอู่สีหน้าเปลี่ยนแปรไป “ตงป๋อเสวี่ยอิงรึ ไยจึงรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้เล่า ต่อให้ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์แห่งวังทวีสูญส่งเขามาด้วยตนเอง ระยะห่างมากถึงเพียงนี้ก็ต้องมีความคลาดเคลื่อนอย่างใหญ่หลวงจึงจะถูกต้อง”
“เฮอะ”
ประกายหนาวเหน็บวาบผ่านนัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิง
ฟิ้วๆๆ!!!
โลกอนธการชั้นแล้วชั้นเล่าร่อนลงมา ทันใดนั้นก็ปกคลุมประมุขวังฉีอู่ที่อยู่ไกลออกไป โลกอนธการหลากชั้นร่อนลงมาจากภาพลวงสู่ความเป็นจริง ประมุขวังฉีอู่คิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันการเสียแล้ว
“ไม่ดีแล้ว” ประมุขวังฉีอู่คำรามเสียงดังกึกก้อง แล้วกลายเป็นสัตว์ประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดลักษณะคล้ายกิ้งก่าตัวหนึ่ง
ปังงง…
โลกอนธการหนึ่งร้อยยี่สิบชั้นที่ทอดยาวต่อเนื่องกันระเบิดออกมาพร้อมกัน ร่างที่ประมุขวังฉีอู่กลายร่างไปเปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายถูกระเบิดออกจนเต็มไปด้วยบาดแผลอันทารุณ ทว่ายังคงสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นของประมุขวังฉีอู่เหลือบมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง แล้วเริ่มทะลุอากาศหลบหนีโดยไม่ลังเล “ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้เพิ่งจะบำเพ็ญได้นานสักเท่าใดกันเชียว แต่กลับสามารถทำร้ายร่างที่ข้าใช้พิษทิพย์จำนวนนับไม่ถ้วนในการดัดแปลงจนบาดเจ็บสาหัสได้เชียวหรือนี่”
ประมุขวังฉีอู่สัมผัสได้ถึงอันตรายก็เลือกที่จะหนีทันที
“หนีรึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงไล่สังหารไปตามร่องรอยในอากาศทันใด
หลบหนีต่อหน้าต่อตาผู้ท่องอากาศที่เข้าถึงการส่งถ่ายเป็นระยะทางอันไกลโพ้นคนหนึ่งน่ะหรือ หากหนีพ้นจริงๆ จึงจะเป็นการหมิ่นเกียรติกัน!
******
มือกระบี่มารจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาได้พลางร่อนลงมานั่งขัดสมาธิบนพื้นแล้วเริ่มขับพิษออกไปในทันที! ก่อนหน้านี้เขาถูกไล่สังหารมาตลอด จึงมิอาจแบ่งจิตใจมาขับพิษออกมากเกินไปได้ บัดนี้พิษทิพย์ภายในกายถูกกำจัดออกไปอย่างต่อเนื่องแล้ว
“บรรพชนทิพย์คิดค้นระบบ ‘ทิพย์’ นี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน แม้แต่พิษก็ยังร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ” มือกระบี่มารลอบพึมพำ
ก่อนระบบนี้จะถือกำเนิดขึ้น ก็มีผู้ที่ใช้พิษมาก่อน
แต่โดยทั่วไปการใช้พิษยังมิได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและมิได้ร้ายกาจเช่นนี้! รอให้บรรพชนทิพย์ถือกำเนิดขึ้นมาเสียก่อน ระบบ ‘ทิพย์’ ที่เขาคิดค้นขึ้นมานี้ เป็นการใช้หมื่นสรรพสิ่งได้ถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อ ค่ายกล อาวุธ พิษทิพย์ หุ่นเชิด…ต่างๆ เขาล้วนบรรลุถึงขั้นที่สูงส่งอย่างยิ่ง การใช้พิษของระบบอื่นๆ ก็ล้วนอ้างอิงตามการใช้ ‘พิษทิพย์’ ของระบบทิพย์ ทำให้ชื่อของ ‘พิษทิพย์’ พบเห็นได้บ่อยนัก
ผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอบางคนไม่เข้าใจว่า ‘พิษทิพย์’ มีความหมายว่าอะไร แล้วเรียกพิษที่ค้นคว้าว่า ‘พิษทิพย์’ ไปเสียหมด
“ฟิ้ว” มือกระบี่มารอ้าปาก ไอหมอกสีเทาสายหนึ่งถูกพ่นออกมาจากปากแล้วลอยออกไปตามลม
สีหน้าของมือกระบี่มารจึงน่ามองขึ้นมาก แม้ภายในกายจะยังคงมีพิษตกค้างอยู่ แต่กลับไม่เพียงพอให้เป็นภัยแล้ว
สวบ
เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
“พี่ตงป๋อ” มือกระบี่มารผุดลุกขึ้นทันที เขาพูดอย่างซาบซึ้งมากว่า “ครั้งนี้ติดค้างพี่ตงป๋อเป็นอย่างมาก มิเช่นนั้นชีวิตน้อยๆ นี้ของข้าก็คงสิ้นไปด้วยน้ำมือของประมุขวังฉีอู่ไปแล้ว เฮอะ ครั้งนี้ข้าถูกเขาลอบทำร้าย ในภายหน้าข้าต้องหาวิธีกำจัดเขาให้ได้เป็นแน่”
“ประมุขวังฉีอู่ตายแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
มือกระบี่มารสะดุ้ง “เขา เขาตายแล้วหรือ”
เขาคุ้นเคยกับประมุขวังฉีอู่ดียิ่งนัก
นี่คือยอดฝีมือที่อันตรายและมีพลังชีวิตแข็งแกร่งอย่างยิ่งคนหนึ่งของลัทธิทิพย์โบราณซึ่งบำเพ็ญทั้งระบบทิพย์และระบบโบราณ มีวิธีการรักษาชีวิตมากมายยิ่งนัก เขาคิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมารวดเร็วถึงเพียงนี้ ก็เพราะประมุขวังฉีอู่หนีไปแล้ว! คิดไม่ถึงว่าจะสังหารไปแล้วหรือนี่ นี่เพิ่งจะนานสักเท่าใดกันเชียว เขามือกระบี่มารถูกพิษเข้า ก็ต้องต้านรับประมุขวังฉีอู่นานถึงเพียงนี้
“เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง” มือกระบี่มารไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง แค่ชั่วครู่เล็กๆ เท่านี้ ประมุขวังฉีอู่ยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรก็ตายไปเช่นนี้แล้วหรือ
“อาศัยพลังภายนอกน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอธิบายประโยคหนึ่ง
อาศัยพลังภายนอกโดยแท้
ความสามารถในการรักษาชีวิตของประมุขวังฉีอู่แข็งแกร่งยิ่งนัก หากอาศัยพลังของตน เกรงว่าคงจะต้องไล่สังหารเป็นเวลาสักครึ่งวันจึงจะสามารถทำให้อีกฝ่ายตายได้! ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากสิ้นเปลืองเวลา จึงใช้น้ำเต้าสีดำเข้าช่วย ลูกไฟของน้ำเต้าสีดำซึ่งมีอานุภาพถึงเจดีย์ดาวชั้นที่หกบวกกับการกดดันด้วยบริเวณของ ‘แผนภาพคลื่นจาน’ ของตนเองและด้วยความช่วยเหลือของ ‘โลกอนธการหลากชั้น’ จึงสามารถโจมตีสังหารประมุขวังฉีอู่ได้อย่างรวดเร็ว
“การห้ำหั่นระหว่างความเป็นความตายไม่มีพลังภายนอกไม่พลังภายนอกอะไรหรอก” มือกระบี่มารกล่าว “พลังเช่นพี่ตงป๋อนี้ ข้านับถือจริงๆ ครั้งนี้พี่ตงป๋อช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ไปๆๆ ไปยังที่พำนักของข้า ที่พำนักของข้าอยู่ใกล้กับที่นี่มาก เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าจะรับรองพี่ตงป๋อเป็นอย่างดี พี่ตงป๋ออย่าได้ปฏิเสธเลย หากปฏิเสธจะถือว่าเป็นการดูหมิ่นข้านะ”
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นอีกฝ่ายกระตือรือร้นถึงเพียงนี้ก็รับปากทันที
ทั้งสองก็ทะลุอากาศมุ่งหน้าไปทันที
เพียงชั่วพริบตาเดียว
“หยุดก่อน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและมือกระบี่มารปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า มือกระบี่มารมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยความสงสัย “พี่ตงป๋อเป็นอะไรไปน่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับขมวดคิ้วมองลงไปเบื้องล่างด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามองนัก
…………………………..