EG บทที่ 680 ให้การสนุบสนุน

 

“นั่นคือเหตุผลของนาย?”

“ยังมีเหตุผลอื่นอีกครับ พวกเขาหยิ่งเกินไป พวกเขาดูถูกประเทศจีนและใช้ช่องโหว่ของสัญญาเพื่อใช้ประโยชน์จากเราหลายต่อหลายครั้ง”

เฝิงหยู่ตอบ

“แล้วรัฐบาลจีนควรช่วยนายยังไง? ให้บอกทั้งโลกในสิ่งที่นายพูดงั้นหรือ??”

รัฐมนตรีจู้ถามด้วยความสงสัย

“ผมไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลจีนบอกกับคนทั่วโลกหรอกครับ ผมแค่ต้องการให้รัฐบาลจีนกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทพวกนั้น! แค่นี้ล่ะครับที่ผมต้องการ! ในปัจจุบันญี่ปุ่นต้องการให้เราช่วยเศรษฐกิจของพวกเขา ถ้าไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็คงจะเข้าสู่ภาวะถดถอย สถานะของประเทศจีนต่อนานาประเทศก็เพิ่มขึ้น หลังจากที่สหภาพโซเวียตถูกโค่นลง รัสเซียและประเทศอื่นๆโดยรอบได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับเรา อเมริกาเองก็ต้องการที่จะทำงานร่วมกับเราเพื่อหามาตรการต่อต้านรัสเซีย การตีสนิทกับศัตรูที่อยู่ไกลในขณะที่จ้องโจมตีศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต นั่นหมายความว่าจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญที่สุดในโลก แน่นอนว่าสถานะทางการเมืองของญี่ปุ่นไม่สามารถเทียบกับเราได้! นั่นคือเหตุผลที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศอื่นๆและพวกเขาจะต้องก้มหัวให้กับเรา!”

เฝิงหยู่กล่าวเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศในปัจจุบัน

“อเมริกาจะไม่สนับสนุนญี่ปุ่นหรือ? หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2จบลง ญี่ปุ่นก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจก็เพราะการสนับสนุนจากอเมริกา”

ผู้อำนวยการฝางขัดขึ้นมา

“ถ้าญี่ปุ่นไม่พยายามซื้อโลกทั้งใบเศรษฐกิจของประเทศก็จะไม่เสื่อมถอยเร็วนักเพราะอเมริกาไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวได้เร็วหรอกครับ อย่างน้อยอเมริกาก็ต้องการเป็นมหาอำนาจและไม่ต้องการให้ใครแซงตัวเอง อีกอย่างนะครับเราคงไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านที่มีเจตนาร้ายเช่นนี้ขยับขึ้นมาท้าท้ายเราหรอกครับ!”

“เท่าที่ผมทราบมาพวกเขาเรียกร้องคำขอโทษจากฝ่ายรัฐบาลเมืองปักกิ่งไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลจีนกลาง การที่พวกเขาเอ่ยชื่อรัฐบาลจีนออกมาก็เพื่อข่มเราเท่านั้น  หากรัฐบาลเมืองปักกิ่งยอมขอโทษรัฐบาลญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ใช้โอกาสนี้เรียกร้องสิ่งต่างๆเพิ่มมากขึ้นและเราก็จะเสียผลประโยชน์ในที่สุด มันคงไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลของเราต้องการหรอกใช่มั้ยครับ?”

รัฐมนตรีจู้และผู้อำนวยการฝางได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านสายตา แม้การวิเคราะห์ของเฝิงหยู่จะมีช่องโหว่จำนวนมากแต่ภาพรวมถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาเคยวิเคราะห์ในประเด็นนี้และได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับเฝิงหยู่ พวกเขารู้สึกว่าบริษัทญี่ปุ่นต้องการใช้รัฐบาลของตัวเองเพื่อทดสอบท่าทีของรัฐบาลจีน

เฝิงหยู่เห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรจึงตัดสินใจพูดต่อ

“พวกท่านยังจำเนื้อหาในหนังสือประวัติศาสตร์ได้มั้ยครับ? ในช่วงราชวงศ์ชิงมีการพูดกันว่าสังคมชั้นนำคือชาวต่างชาติและตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนถึงทุกวันนี้ชาวจีนจำนวนมากก็ยังมีความคิดนี้กันอยู่ หลายคนยังคิดว่าชาวต่างชาติมีฐานะดีกว่าชาวจีน แม้แต่ตอนที่เราไปเจรจาธุรกิจกับบริษัทต่างชาติพวกเขาก็ยังดูถูกเราเมื่อเห็นว่าเราเป็นบริษัทจากประเทศจีนและอ้างว่ามีบริษัทจากญี่ปุ่นติดต่อพวกเขาไปแล้ว นอกจากนี้นะครับ นโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นยังเอื้อประโยชน์กับบริษัทในประเทศดีกว่าที่ประเทศจีนเป็น รัฐบาลท้องถิ่นในหลายๆมณฑลก็กำลังทำสิ่งนี้อยู่และชาวจีนส่วนใหญ่ก็กำลังถูกกีดกันจากสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ  มันน่าหดหู่นะครับ ชาวต่างชาติดีกว่าพวกเราจริงๆหรือ?”

เฝิงหยู่ไม่ได้พูดเกินจริง เมื่อครั้งที่ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเริ่มก่อตั้งพวกเขาต้องวิ่งเต้นไปติดต่อในหน่วยงานราชการจำนวนมากและได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีนัก หากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่มีหุ้นส่วนเป็นชาวฮ่องกงการเจรจาและการดำเนินการเอกสารต่างๆจะยากมากขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัทต่างๆในฮ่องกงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนมากกว่าบริษัทจากประเทศอื่นๆ ทำให้การทำธุรกิจของบริษัทฮ่องกงและมาเก๊าเป็นไปอย่างราบรื่น

รัฐมนตรีจู้ขมวดคิ้วสงสัยและหันไปมองผู้อำนวยการฝางทันที ผู้อำนวยการฝางจึงพยักหน้ารับว่าสิ่งที่เฝิงหยู่พูดเป็นความจริง สิ่งนี้เกิดขึ้นในบางพื้นที่และเขาก็ได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าหน้าที่รัฐบางคนลืมอุดมการณ์ของตัวเองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตำแหน่งทางการเมือง! พวกเขาลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองทำงานรับใช้ใครอยู่!”

รัฐมนตรีจู้ต้องการเร่งเศรษฐกิจจีนให้เติบโตและก้าวไปอีกหนึ่งระดับ เขาต้องการให้จีนเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุดแต่เขาก็ไม่เคยใช้วิธีก้มหัวให้คนอื่นเพื่อแลกกับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน การก้มหัวให้คนอื่นถือเป็นสัญญาณอันตรายและอาจมีผลกระทบรุนแรง เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้!

“ถึงแม้เราจะกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นแต่ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นกัน พวกเขาสามารถเพิกเฉยต่อเราและอ้างว่าเป็นเพียงข้อพิพาททางธุรกิจเท่านั้น”

ผู้อำนวยการฝางกล่าวขึ้น

“อย่าลืมนะครับว่าประธานหลี่ นักธุรกิจชาวฮ่องกงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตเช่นกัน เขาคือราชาแห่งวงการท่าเรือโลก! เกือบ 40 % ของท่าเรือสำคัญๆของโลกก็มีเขาเป็นเจ้าของและประธานหลี่เองก็เคยบอกผมว่า 80 % ของสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นคืออาหารทะเล หากญี่ปุ่นมีปัญหากับประธานหลี่ล่ะก็? ค่าธรรมเนียมในการขนส่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

“แล้วประธานหลี่เขาจะยอมร่วมมือด้วยเหรอ?”

ผู้อำนวยการฝางเอ่ยถามอีกครั้ง

“แน่นอนครับ! ตอนนี้มีคนกล่าวหาไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตนะครับ จะมีใครยอมอยู่เฉยๆและทนต่อเรื่องนี้ได้ล่ะ? ยิ่งเป็นประธานหลี่ยิ่งไม่มีทาง!”

หากเป็นคนอื่นๆเฝิงหยู่ไม่มั่นใจนักแต่ถ้าเป็นประธานหลี่เขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถโน้มน้าวใจเขาได้

“นายเองก็จะทำบางอย่างด้วยใช่มั้ย?”

จู่ๆรัฐมนตรีจู้ก็เอ่ยถามขึ้นมา เฝิงหยู่จึงลูบจมูกตัวเองเบาๆ

“ผมเองก็พอมีอิทธิพลอยู่บ้าง ในบางพื้นที่ที่ผมรับผิดชอบผมมั่นใจว่าจะกดดันพวกเขาได้แต่ผมก็หวังว่าตัวเองจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเช่นกัน”

บริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมูลค่าทางการตลาดของพวกเขาอยู่ที่หลายพันล้านเหรียญสหรัฐ

หากมีเพียงบริษัทเดียวเฝิงหยู่ก็ไม่คิดที่จะกลัวพวกเขาแต่เมื่อทั้ง 4 บริษัทรวมหัวกันเช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่เฝิงหยู่จะเอาชนะได้ โชคดีสำหรับเฝิงหยู่ที่บริษัทญี่ปุ่นไม่ได้รวมตัวกันทั้งหมด เฝิงหยู่อาจให้ผลประโยชน์กับพานาโซนิคและบริษัทอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อให้พวกเขาพุ่งเป้าไปที่โซนี่และอีก 3 บริษัท ท้ายที่สุดบริษัทเหล่านั้นจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองที่แตกต่างกันภายในญี่ปุ่นอีกด้วย

นอกจากนี้เฝิงหยู่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากความคิดเห็นของประชาชนทั่วไป เขาสามารถวางไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตให้อยู่ในจุดที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ได้

แน่นอนว่ากลยุทธ์ทั้งหมดที่เขาคิดไว้รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือจากประธานหลี่ไม่สำคัญเท่ากับการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน หากรัฐบาลจีนยินดีให้การสนับสนุนเขาบริษัทญี่ปุ่นเกือบ 40 บริษัทก็ไม่จำเป็นสำหรับเขาเช่นกัน

นอกจากนี้บริษัททั้ง 4 บริษัทยังเป็นคู่แข่งกับวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิส์ในเรื่องมาตรฐานเครื่องเล่นดีวีดี เฝิงหยู่สามารถใช้สภากลางเครื่องเล่นดีวีดีโจมตีพวกเขาได้

ไม่ว่าจะเป็นพานาโซนิคและบริษัทอื่นๆจะเข้าข้างเฝิงหยู่อย่างแน่นอน

เฝิงหยู่ยังสงสัยอีกว่าโซนี่และอีก 3 บริษัทตั้งใจทำสิ่งนี้ขึ้นมา พวกเขาย่อมรู้ว่าผู้ถือหุ้นของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิส์และไอว่าอิเล็กทรอนิส์เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตซึ่งผู้ถือหุ้นหลักก็คือเฝิงหยู่และฟู่เกิงเฉิง ทั้ง 4 บริษัทต้องการใช้รัฐบาลของพวกเขาโจมตีไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉพาะ เพื่อชะลอการทำงานของวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิส์และไอว่าอิเล็กทรอนิส์ ดังนั้นพวกเขาจะมีเวลามากขึ้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดีขึ้นมาให้เหนือชั้นกว่าพวกเขา

เฝิงหยู่เล่าเรื่องเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดีให้รัฐมนตรีจู้ฟัง นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศจีนอย่างมาก หากปล่อยให้ญี่ปุ่นแซงหน้าพวกเขาไป คนจีนก็ยังจะต้องเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นต่อไป

“ฉันพอรู้เรื่องเครื่องเล่นวีซีดีอยู่บ้างและนายกำลังจะมีสินค้าออกใหม่เหรอเนี่ย? เราต้องรักษาความเป็นผู้นำของเราไว้! บริษัทจีนที่สามารถออกสิทธิบัตรให้ประเทศอื่นๆถือได้เป็นสิ่งที่ดียิ่งนัก เสี่ยวเฝิงนายทำได้ดีมาก!”

รัฐมนตรีจู้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินว่าบริษัทจีนสามารถก้าวไปได้อีกขั้นและสามารถเอาชนะบริษัทญี่ปุ่นที่ถือเป็นมือวางอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมนี้ได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเครื่องเล่นวีซีดีมาก่อนแต่เขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่มาพร้อมกับมัน

หากบริษัทที่มีศักยภาพเช่นนี้สามารถทำให้ประเทศจีนภาคภูมิใจได้ รัฐบาลจีนก็ต้องให้การสนับสนุนพวกเขาให้มากขึ้น!

ความตั้งใจที่แท้จริงของบริษัทญี่ปุ่นเหล่านั้นคือชะลอการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเล่นดีวีดี พวกเขาจะไม่มีทางสมหวังอย่างเด็ดขาด!

หากจะว่ากันตามจริงรัฐบาลจีนก็เงียบมาหลายปีแล้ว นี่คงถึงเวลาที่จะเชือดไก่ให้ลิงดูโดยการใช้ญี่ปุ่นเป็นประเทศตัวอย่าง พวกเขาจะแสดงให้เห็นว่าประเทศจีนไม่ใช่ใครก็จะมาล้อเล่นได้!