บทที่ 511 งานเลี้ยงรวมตัวของบรรดาหัวหน้าใหญ่เมืองเจียงหวย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เมื่อสาวกระต่ายออกไปแล้ว เจิ้งเหวยหวาก็หยิบบัตรเพชรไปรูดที่ประตู ประตูห้องถึงเปิดออกช้าๆ

ในนั้นมีสี่คนนั่งรออยู่นานแล้ว แต่ละคนล้วนแต่มีบารมีน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่

“เหล่าเจิ้ง คุณมาสายนะ! ต้องดื่มก่อนหนึ่งแก้วเป็นการทำโทษ!”

ไม่รอให้เย่เทียนเห็นหน้าคนข้างในชัดๆ ชายวัยกลางคนหัวเกรียนคนหนึ่งก็กล่าวทักทายอย่างสนิทสนม

“ช่วไม่ได้นี่ ผมต้องไปรับเพื่อนก่อน”

เจิ้งเหวยหวาหัวเราะเหอะๆ และเดินนำเย่เทียนเข้าไปในห้อง

เย่เทียนเพิ่งจะมีเวลาพิจารณาทั้งหมดนี้อย่างละเอียด แต่ละคนอายุพอๆกับเจิ้งเหวยหวา ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเขา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

“เพื่อน?”

สายตาของคนหัวเกรียนถึงทอดไปที่เย่เทียน เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “สวัสดีน้องชาย ฉันเป็นประธานของบริษัทฉีซื่อแห่งเมืองหลิงเจียง ฉีเหลียงเผิง”

“บริษัทฉีซื่อแห่งเมืองหลิงเจียง?”

สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย บริษัทฉีซื่อคือบริษัทอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลิงเจียง มีฐานะเหมือนกับตระกูลฉินในเมืองเจียงนัน!

“น้องชาย ไม่ทราบว่าคุณเป็นคุณชายของประธานคนไหนเหรอ”

ฉีเหลียงเผิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มีความไม่พอใจขึ้นมานิดๆ

เขายอมวางทิฐิลงและเป็นฝ่ายบอกประวัติก่อนแล้ว ทำไมไอ้เด็กคนนี้ถึงไม่รู้จักดูสถานการณ์เลยล่ะ?!

“เถ้าแก่ฉีเข้าใจผิดแล้วครับ ผมเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ไม่ได้เป็นคุณชายอะไรหรอกครับ”

มีหรือที่เย่เทียนจะไม่เห็นความไม่พอใจของฉีเหลียงเผิง แต่เขาใส่ใจที่ไหน

“เอ๋?!”

ฉีเหลียงเผิงผงะ ก่อนที่สีหน้าจะอึมครึมลงอย่างรวดเร็ว “น้องชาย คุณจะไม่ให้เกียรติฉันเกินไปหรือเปล่า”

เขาจะเชื่อคำพูดของเย่เทียนได้ยังไง ถ้าเป็นแค่คนตัวเล็กๆจริง เจิ้งเหวยหวาจะตั้งใจไปรับเหรอ? แล้วยังกล้าพามาที่นี่ด้วย

“ทำไมผมต้องหลอกคุณด้วยครับ ผมไม่มีหน้าที่การงานด้วยซ้ำ เป็นเพียงคนไร้อาชีพครับ”

คำพูดนี้ของเย่เทียนไม่ได้โกหก เขาไม่มีอาชีพอยู่แล้ว

“คนไร้อาชีพ?!”

ฉีเหลียงเผิงผงะ เขาหันไปมองเจิ้งเหวยหวาด้วยสีหน้าพิกล และพูดด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน “เหล่าเจิ้ง ทำอะไรของคุณครับ ทำไมยิ่งอยู่ยิ่งกลับไปที่เดิมล่ะ”

เจิ้งเหวยหวาขมวดคิ้วทันที และเอ่ยเสียงเข้ม “เขาคือเย่เทียน”

“เย่เทียน?!”

“ดาวดวงใหม่แห่งวงการแพทย์ที่ลือกันให้ทั่วในเน็ตวันนี้เหรอ?”

ไม่รอให้ฉีเหลียงเผิงพูดอะไร ชายวัยกลางคนใส่แว่นตาอีกคนหนึ่งในห้องเดินเข้ามา และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหล่าเจิ้ง คุณนี่ไวนี่หว่า เพิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่เองก็เจอตัวจริงแล้ว”

แม้ว่าชายใส่แว่นตาจะพูดกับเจิ้งเหวยหวา ทว่าสายตากลับจับจ้องไปที่เย่เทียน และมองขึ้นมองลงอย่างพิจารณา ไม่มีท่าทีจะแนะนำตัวเอง

“เหล่าเฉียน คุณอย่าหัวเราะเยาะผมเลย”

เจิ้งเหวยหวาส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่เลว

“เอาล่ะ ไหนๆก็มาแล้ว ยังไงซะก็ยังมีที่ เข้ามานั่งก่อนสิ”

เวลานั้น ชายหัวล้านตรงกลางที่นั่งอยู่ตรงที่ประธานปริปากกะทันหัน และชี้ที่ว่างข้างๆสามสี่ที่

“ในเมื่อพี่ไห่เอ่ยปากแล้ว มัวยืนอยู่ทำไมกัน”

ผู้ชายด้านขวาชายหัวล้านตรงกลางหัวเราะอย่างมุ่งร้าย “เหล่าเจิ้ง ไม่ว่ายังไงคุณก็มาสายนะ ต้องดื่มทำโทษก่อนสามแก้ว”

“เหล่าเจิ้ง อย่ามัวยืนเอ๋ออยู่สิ”

เหล่าเฉียนโอบไหล่เจิ้งเหวยหวาและหัวเราะร่วน พร้อมเดินไปทางโต๊ะ “ไม่ได้ยินที่เหล่าเหยาพูดเหรอ? ดื่มทำโทษก่อนสามแก้ว”

“ได้ๆๆ ต้องดื่มอยู่แล้ว”

เจิ้งเหวยหวาพยักหน้าให้กับชายหัวล้านตรงกลางที่ถูกเรียกว่าพี่ไห่อย่างขอบคุณนิดหน่อย พร้อมเดินไปที่โต๊ะกับเหล่าเฉียน และหยิบไวน์บนโต๊ะมารินหนึ่งแก้วก่อนจะกรอกเข้าปาก

“เจ้าหนุ่ม ที่คุณมานั่งกับพวกเราได้ถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติที่สุดของคุณในชีวิตนี้”

ฉีเหลียงเผิงเห็นท่า ก็หันไปแค่นเสียงเย็นใส่เย่เทียน และรีบเดินมาที่โต๊ะเช่นกัน

คราวนี้เย่เทียนเหมือนโดนเมินอย่างจงใจ ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักนิด

แต่เย่เทียนก็ไม่ได้ใส่ใจ เขายักไหล่ด้วยความยังไงก็ได้ และเดินมานั่งลงข้างกายเจิ้งเหวยหวาเงียบๆ ตั้งใจพินิจพิเคราะห์คนเหล่านี้ แต่จับจ้องไปที่พี่ไห่ซะส่วนใหญ่

ตั้งแต่นาทีที่ผลักประตูเข้ามา เย่เทียนก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่าคนเหล่านี้ล้วนเอาพี่ไห่เป็นที่ตั้ง ต่อให้เป็นเจิ้งเหวยหวาก็มองเขาด้วยสายตายำเกรง

คนที่แม้แต่เจิ้งเหวยหวา ฉีเหลียงเผิงยังยำเกรง และถูกเรียกว่าพี่ไห่…..

ทันใดนั้น รูม่านตาเย่เทียนหรี่ลง สายตาฉายแววตะลึงอย่างไม่ปิดบัง

ไม่มีสาเหตุอื่น ตัวพี่ไห่เองก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงประธานของเม่าเหลียนกรุ๊ปซึ่งเป็นหนึ่งในห้าร้อยอันดับบริษัทใหญ่ของโลก บุคคลสำคัญของวงการการเงิน

“คุณชายเย่ ทั้งหมดนี้เป็นบุคลากรที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงหวยหรือแม้กระทั่งในทั้งประเทศ”

“คนที่นั่งที่ประธานคือไห่เหวินคัง ประธานของเม่าเหลียนกรุ๊ป ส่วนคนที่นั่งอยู่ทางขวาคือ เหว่ยฉีจื้อ ประธานของเถิงหลงกรุ๊ป ชื่อเต็มของเหล่าเฉียนคือเฉียนหย่งซือ เป็นประธานของเฉียนก้วนกรุ๊ป ฉีหยุนเผิงแนะนำตัวเองแล้ว ผมจะไม่บรรยายอะไรมาก”

ขณะนั้น เจิ้งเหวยหวาดื่มไวน์เข้าไปได้สามแก้วแล้ว จังหวะที่คนอื่นพากันนั่งที่ เขาแนะนำให้เย่เทียนฟังเสียงเบา

“จริงๆด้วย”

เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่าสีหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่ในใจเขาสั่นสะเทือนสุดๆ

ไม่ต้องพูดถึงไห่เหวินคัง สามคนที่เหลือก็เป็นคนแนวหน้าของแวดวงธุรกิจในเขตต่างๆของเมืองเจียงหวย

มิน่าล่ะถึงนัดกันในที่ลับตาขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้ เศรษฐกิจของเมืองเจียงหวยคงต้องล้าหลังไปสามสิบปี เศรษฐกิจของทั้งประเทศต้องล้าหลังไปสิบปี!

สังเกตเห็นเจิ้งเหวยหวากระซิบกระซาบกับเย่เทียน ฉีหยุนเผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าฉายแววไม่พอใจ

สาเหตุที่พวกเขามารวมตัวที่นี่ก็เพราะทุกคนห่างกันไม่มาก เป็นบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกัน

แต่เจิ้งเหวยหวากลับพาคนหนุ่มมาโดยไม่บอกไม่กล่าว และเป็นแค่หมอที่เพิ่งมีชื่อเสียง หมายความว่ายังไงกัน?

บวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเข้าประตูมา ในใจของฉีหยุนเผิงไม่ชอบใจเย่เทียนเลยสักนิด

“เอาล่ะ ตาฉินยังไม่มา เรามาเล่นกันต่อเถอะ”

เฉียนหย่งซือยิ้มกว้างและหยิบไพ่ที่วางอยู่บนโต๊ะมาก่อนจะตะโกนใส่เจิ้งเหวยหวา “เหล่าเจิ้ง เล่นเกมไพ่กันเหมือนเดิม คุณจะเล่นด้วยมั้ย”

“เล่นสิ” เจิ้งเหวยหวาพยักหน้ายิ้มๆ

“น้องชายล่ะ เล่นด้วยกันมั้ย” เฉียนหย่งซือมองไปที่เย่เทียน

“เหล่าเฉียนคุณสับสนอะไรเหรอ คนตัวเล็กๆแค่นี้จะเล่นไหวได้ยังไง”

แต่ไม่รอให้เย่เทียนตอบ ฉีหยุนเผิงที่ไม่พอใจในตัวเขากลับชิงพูดดูหมิ่นออกมาก่อน

เมื่อเขาพูดแบบนี้ รอยยิ้มของเจิ้งเหวยหวาก็หุบลงเล็กน้อย และหันไปมองฉีหยุนเผิงอย่างไม่พอใจ

ไม่ว่ายังไงเย่เทียนก็เป็นคนที่เขาพามา ฉีหยุนเผิงทำแบบนี้เป็นการไม่ไว้หน้าเขาชัดๆ

แม้ว่าเย่เทียนก็ยิ้มอยู่เหมือนกัน แต่รอยยิ้มเย็นเยียบลงเล็กน้อย เจ้านี่ทำตัวเป็นปรปักษ์ตั้งแต่ที่เขามาถึง เขาเริ่มจะโกรธแล้วนะ

“งั้นพวกคุณเล่นเถอะครับ ผมดูก็พอ”

แม้จะพูดแบบนี้ แต่ตอนที่ยังไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มารวมตัวกันทำไม เย่เทียนก็กลั้นไว้ก่อนยังไม่ระเบิดอารมณ์

“เหล่าเฉียน ผมพูดไม่ผิดเห็นมั้ย”

ฉีหยุนเผิงยักไหล่ และพูดล้อเลียน “ถึงเราจะพนันกันไม่ใหญ่มาก แค่ตาละแสน แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับได้ทุกคน”

“คุณหุบปากไปไม่ได้เหรอ”

เจิ้งเหวยหวาก็เริ่มโกรธแล้ว เขาถลึงตาใส่ฉีหยุนเผิงด้วยความไม่พอใจ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น