บทที่ 512 นายเดาไม่ผิด

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คุณหุบปากไปไม่ได้เหรอ”

พอเห็นฉีหยุนเผิงด่ากระแทกกระทั้นเย่เทียน เจิ้งเหวยหวาก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที และมองค้อนเขาไป

“เหล่าเจิ้ง ผมก็แค่พูดไปอย่างนั้น ต้องโมโหขนาดนี้ด้วยเหรอ”

ฉีหยุนเผิงไม่สนใจสายตาดุดันของเจิ้งเหวยหวาเลยสักนิด เขามองเย่เทียนขึ้นลงหลายรอบ และพูดด้วยท่าทางถึงบางอ้อ “เขาคงไม่ได้เป็นลูกนอกสมรสของคุณหรอกใช่มั้ย”

“ฉีหยุนเผิง!”

เจิ้งเหวยหวาสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะคอกเสียงดุดัน “ถ้าคุณไม่ไว้หน้าเพื่อนผมก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องมาพูดจาแดกดันหรอก”

“ทำอะไรกันน่ะ”

พี่ไห่คิ้วขมวดเป็นปม เอ่ยเสียงเข้ม “ทุกคนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาสิบกว่าปี จำเป็นต้องทะเลาะกันเพราะคนนอกเหรอ”

ฉีหยุนเผิงกลับไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเลยสักนิด เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน “นั่นน่ะสิ เหล่าเจิ้ง คุณจำเป็นต้องโมโหใส่ผมเพราะคนนอกด้วยเหรอ”

“เหล่าฉี จะเล่นไพ่ก็เล่นไพ่ คุณไม่ต้องพูดมากได้มั้ย”

เฉียนหย่งซือออกหน้าช่วยให้สถานการณ์สงบ ขณะเดียวกันเขาแจกไพ่ให้ทุกคนเพื่อดึงความสนใจ

เจิ้งเหวยหวาเห็นท่า จึงกวาดสายตามองฉีหยุนเผิงด้วยความขมขื่น ก่อนจะเหลือบมองเย่เทียนด้วยความรู้สึกผิด

เขารู้จักพลังของเย่เทียนดี และเพราะเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่รู้จักกันมานานหลายปี เขาถึงโต้เถียงกับฉีหยุนเผิงด้วยเหตุและผล เขากับพี่ชายไม่รู้จักกันนานกว่านี้เหรอ ทำให้เย่เทียนโมโหจริงๆแล้วก็ต้องโดนส่งเข้าคุกอยู่ดี

อาจเพราะสาเหตุจากไห่เหวินคัง ฉีหยุนเผิงสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ และตั้งใจเล่นไพ่

เจ้านี่โชคค่อนข้างดี ชนะติดต่อกันหลายตา ได้เงินมาเกือบล้าน

แต่สำหรับทุกคนที่อยู่ที่นี่ จำนวนเท่านี้แค่เงินเล็กน้อย ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก

แกร๊ก!

เวลานั้น ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามากลับเป็นคนสนิทของเย่เทียน–ฉินโล่หยิน!

แต่เย่เทียนพอจะเดาเรื่องนี้ได้บ้างแล้ว จึงไม่ได้อึ้งมาก

ยังไงซะคนที่ทุกคนในที่นี้เต็มใจรอและเรียกว่าตาฉิน ใช้นิ้วเท้าคิดก็คิดได้ว่าต้องเป็นตระกูลฉิน ตระกูลไฮโซอันดับหนึ่งอันสมศักดิ์ศรีแห่งเมืองเจียงหนัน

“หนูฉิน ทำไมเป็นเธอที่มาล่ะ คุณปู่ของเธอล่ะ”

ฉินโล่หยินแตกต่างออกไป เดิมทีเธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะมาอยู่ที่นี่ จึงมีใจอยากถาม แต่เหว่ยฉีจื้อกลับหัวเราะและส่งเสียงถามก่อน

“อาไห่ คุณปู่ของหนูเป็นหวัดค่ะ กลัวจะทำให้คุณลุงคุณอาทั้งหลายติดไปด้วย เลยส่งหนูมาเป็นตัวแทนค่ะ”

ฉินโล่หยินได้ฟัง จึงข่มความสงสัยในใจลงและทักทายทุกคนในที่นี้เสียงหวาน

“เอาล่ะ เวลาของทุกคนมีค่า ในเมื่อมากันครบแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

ไห่เหวินคังพยักหน้าเล็กน้อย บอกให้เฉียนหย่งซือเก็บไพ่

“ฉันจะไม่เปลืองน้ำลายพูดจาไร้สาระ”

หลังจากฉินโล่หยินนั่งลงแล้ว ไห่เหวินคังถึงปริปากอีกครั้ง “ข้อเสนอของเหล่าเจิ้งเมื่อวานนี้แม้จะเสี่ยงมาก ตอนแรกฉันไม่ค่อยเห็นด้วย แต่….”

“คิดไม่ถึงว่าวันนี้หยงฟากรุ๊ปเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์พอดี และเรื่องในคืนนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ฉันได้ส่งคนไปวิเคราะห์ดูแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะยึดครองหยงฟากรุ๊ปในจังหวะนี้สูงมาก ไม่แน่อาจจะเบนความสนใจของทุกคนออกจากเหล่าเจิ้งได้”

“ขอบคุณครับพี่ไห่”

เจิ้งเหวยหวายิ้มออกในบัดดล และรีบลุกขึ้นขอบคุณ

เย่เทียนกลับตรงกันข้าม สีหน้าเขาประหลาดขึ้นมา คำพูดนี้ของไห่เหวินคังเผยข้อมูลออกมาไม่น้อยเลย

มิน่าล่ะเวลานี้เจิ้งเหวยหวาไม่อยู่จัดการปัญหาต่างๆในบริษัทแซ่เจิ้ง ที่แท้เขาอยากจะรวมหัวกับคนพวกนี้ทลายหยงฟากรุ๊ป ในเวลาเดียวกับที่เบี่ยงเบนความสนใจจากทุกคนยังหาเงินได้ด้วย

เกรงว่าที่จู่ๆเจิ้งเหวยหวาพาเขามาคงเพราะความบาดหมางระหว่างเขาและหยางหยงฟาที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นแหละ

เย่เทียนแอบตกใจ คิดไม่ถึงว่าที่คนเหล่านี้มารวมตัวกันจะเพื่อหารือเรื่องนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่าตัวเองช่วยพวกเขาไว้มากโดยไม่ตั้งใจ

ยังไงซะหยงฟากรุ๊ปก็เป็นธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ หากกำราบโดยไร้สาเหตุต้องเสียเงินทองไม่น้อย

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เรื่องระหว่างเขากับหยางหยงฟาเป็นการทำให้หยางหยงฟาได้ชื่อรังแกคนอ่อนแอโดยไม่ต้องสงสัย หากสร้างกระแสนำพาทิศทางวิจารณ์อีกหน่อย เงินที่ต้องใช้ลดลงอย่างแน่นอน

เฉียนหย่งซือเอ่ยขึ้นต่อด้วยรอยยิ้มกว้าง “ในเมื่อพี่ไห่พูดขนาดนี้แล้ว ผมก็เห็นด้วย”

“หนูก็เห็นด้วย” ฉินโล่หยินพยักหน้ารับปากเช่นกัน

ฉีหยุนเผิงและเหว่ยฉีจื้อที่เหลืออยู่ก็ไม่เห็นต่าง พวกเขาพากันพยักหน้าตกลง พอจะดูออกว่าพวกเขาไม่ได้เพิ่งเคยทำแบบนี้ครั้งแรก

เย่เทียนเห็นแล้วตาโตอ้าปากค้าง มิน่าล่ะตอนอยู่เมืองเจียงหนันต่อให้เบื้องหลังเจิ้นเซ่าเฉินมีการสนับสนุนจากพรรคชิงเฉิง ก็ไม่อาจเหนือกว่าตระกูลฉินได้

“ในเมื่อทุกคนไม่ว่าอะไร ทุกคนก็ลองว่ามาว่าอยากได้ส่วนไหนก่อน”

เมื่อเห็นว่าผ่านการอนุมัติหมด ไห่เหวินคังพยักหน้าอย่างพอใจ “ฉันขอไม่มาก ฉันอยากได้โปรเจ็คบูรณะเขตเก่าเมืองเอกที่หยงฟากรุ๊ปได้มาเมื่อช่วงก่อน”

“น้อง….เย่ ไม่ทราบว่าคุณมีที่สนใจมั้ย ลองพูดมาให้ผมช่วยพิจารณา”

เมื่อถึงเหล่าเจิ้งเหวยหวา เขากลับหันไปมองเย่เทียน อาจเพราะเกรงใจหัวหน้าใหญ่แต่ละคนในที่นี้ จึงไม่ได้เรียกว่าคุณชายเย่

เย่เทียนผงะ คิดไม่ถึงว่าเจิ้งเหวยหวาจะถามความเห็นของเขา และเข้าใจว่าเขาทำไปเพราะเห็นแก่ตัวเอง

ทุกคนได้ฟังแล้ว รวมถึงฉินโล่หยินต่างมีสายตาเปลี่ยนไป

“เหล่าเจิ้ง สมองคุณไม่ได้โดนประตูหนีบมาใช่มั้ย”

ฉีหยุนเผิงแค่นเสียงเย็น “เค้กมีก้อนแค่นี้ คุณคงไม่คิดจะยกส่วนแบ่งของตัวเองให้หรอกนะ”

เจิ้งเหวยหวาราวกับเดาได้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ เขาเหลือบมองเย่เทียนด้วยหางตา ก่อนจะกัดฟันและเอ่ย “เหมาะไม่เหมาะสมอะไรกัน ถ้าอย่างนั้นพวกคุณเลือกกันก่อนเลย ผมค่อยเลือกทีหลัง”

“เหล่าเจิ้ง ครั้งนี้หลักๆคือพวกเราอยากช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้คุณ การที่คุณให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ”

แต่ฉีหยุนเผิงกลับกัดไม่ปล่อย กวาดสายตามองเย่เทียนอย่างดูแคลน “อีกอย่าง ต่อให้คุณอยากยกให้ แต่อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะมีปัญญารับ”

เย่เทียนที่เงียบมาตลอดทนไม่ไหวแล้วในที่สุด เขาหัวเราะเย็นๆ “มีปัญหารับหรือไม่ก็เป็นเรื่องของผม ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่คนบางคนต้องมาจุ้นจ้านนะ”

ทุกคนชะงัก คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนแค่ไม่พูด พอพูดทีก็แข็งกร้าวขนาดนี้

นอกจากฉินโล่หยินและเจิ้งเหวยหวา ภาพจำของเย่เทียนในสายตาพวกเขามีเพียงหมอที่เพิ่งมีชื่อเสียง ใจกล้าแดกดันฉีหยุนเผิงขนาดนี้ ไม่กลัวโดนแก้แค้นเหรอ?

“กล้าพูดจาแบบนี้กับฉันเหรอ นายคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ”

ฉีหยุนเผิงไม่พอใจเย่เทียนมานานแล้ว เวลานี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายิ่งบันดาลโทสะเข้าไปใหญ่

“แล้วนายล่ะคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ ใครทำให้นายใจกล้าพูดจาแบบนี้กับฉัน”

เย่เทียนจะไปกลัวฉีหยุนเผิงได้ยังไง เขาแสยะยิ้มมุมปากออกมาทันที

แต่ท่าทางแบบนี้ของเขาที่อยู่ในสายเหล่าเจิ้งเหวยหวาทำให้เจิ้งเหวยหวาอดขนลุกในใจไม่ได้ เขารู้จักความน่ากลัวของเย่เทียนดี ต่อให้เป็นฉีหยุนเผิงก็คงต้องตายอย่างอนาถ

แต่ เขาคอยห้ามฉีหยุนเผิงอยู่หลายรอบแล้ว แต่เจ้านี่ดันไม่รู้จักแยกแยะ แบบนี้ก็โทษเขาไม่ได้แล้วนะ

“ไอ้หนุ่ม นายนี่โอหังจริงๆ เชื่อมั้ยว่าฉันโทรศัพท์แค่กริ๊งเดียวก็ทำให้นายไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้?!”

ฉีหยุนเผิงโกรธจนใบหน้าเหยเก

“งั้นเหรอ? นายก็โทรสิ ฉันก็อยากเห็นว่าใครกันที่จะจบชีวิตก่อน!”

เย่เทียนก็โมโหขึ้นมาเช่นกัน เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ จ้องหน้าฉีหยุนเผิงโดยไร้ความรู้สึก

“ทำไม นายอยากอัดฉันรึไง?”

ฉีหยุนเผิงลุกขึ้นตามโดยไม่ยอมแพ้ ไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตาเลยสักนิด

“นายเดาไม่ผิด ฉันจะอัดนายจริงๆ!”

เย่เทียนหัวเราะแหะๆ สะบัดมือขวาออกไปไวปานสายฟ้า และตบเข้าไปอย่างแรง…..