บทที่ 513 ความลำบากทำให้เห็นมิตรแท

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ฟิ้ว!

ทุกคนในที่นี้ไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือเดือดดาลของเย่เทียนก็ฟาดเข้าที่หน้าของฉีหยุนเผิงอย่างแรง

น่าสงสารฉีหยุนเผิงที่มีรอยฝ่ามือสีแดงสดปรากฏบนแก้มฉับพลัน หน้าครึ่งแถบบวมแดงขึ้นมา

คิ้วเรียวของฉินโล่หยินเลิกขึ้นเล็กน้อย เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้และหันหลังเดินออกไป

“เจ้า เจ้าน้องชายคนนี้ลงไม้ลงมือจริงๆเหรอ วิลล่าฉินหยุนห้ามลงมือกันเองนะ คราวนี้เขาต้องลำบากแน่”

หลังจากผงะด้วยความตกใจ ทุกคนในที่นี้ต่างได้สติกลับมา เมื่อสังเกตว่าฉินโล่หยินออกไปแล้ว สายตาที่มองเย่เทียนต่างฉายแววเวทนา

เจิ้งเหวยหวาเองก็อ่อนใจมากเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

“นาย นายกล้าตบฉันเหรอ?”

ฉีหยุนเผิงทั้งตกใจทั้งผวา เขากุมใบหน้าเจ็บแสบ หน้าตาเหลือเชื่อ

“ตบนายแล้วทำไม ฉันทนนายมานานแล้วโว้ย”

เย่เทียนถ่มน้ำลายใส่ด้านข้าง ก่อนจะถีบเข้าไปอย่างแรง

ตึ้ง!

ยังไงซะฉีหยุนเผิงก็อยู่ในตำแหน่งสูงส่งมานานหลายปี ต่อให้เย่เทียนไม่ได้ใช้ชี่ทิพย์ ก็ถีบเขาล้มไปข้างหลังทั้งเก้าอี้

พวกไห่เหวินคังก็รีบลุกขึ้นและหลบไปด้านข้าง ไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วยเลยสักนิด

พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่กินสบายในแวดวงธุรกิจมาหลายปี เรื่องชิงดีชิงเด่นนี่งานถนัด แต่จะให้เขาพวกสู้ด้วยกำลังเหมือนพวกนักเลงคงยาก

“เหล่าเจิ้ง หนูฉินไปตามคนมาแล้วนะ คุณไม่รีบเข้าไปจับแยกหน่อยเหรอ”

เฉียนหย่งซือกระโจนมาอยู่ข้างกายเจิ้งเหวยหวา และเตือนด้วยความหวังดี

“คุณคงไม่ได้บอกกฎระเบียบของวิลล่าฉินหยุนกับเขาใช่มั้ย มีเรื่องกันที่นี่ เขาอยากตายรึไง?”

เหว่ยฉีจื้อก็มาอยู่ข้างกายเจิ้งเหวยหวา

“บางทีพวกคุณอาจจะคิดว่าเมื่อกี้ผมทำไปเพราะต้องการดูแลเย่เทียน แต่…..”

เจิ้งเหวยหวาหัวเราะเฝื่อนๆและส่ายหน้า “ความจริงผมทำไปเพราะหวังดีกับฉีหยุนเผิง จากที่ผมรู้มา จนกระทั่งบัดนี้ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นปรปักษ์กับเย่เทียนล้วนไม่พบจุดจบที่ดี”

สีหน้าเฉียนหย่งซือประหลาดขึ้นมา “เหล่าเจิ้ง คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย”

“ผมจะหลอกพวกคุณทำไมกัน”

เจิ้งเหวยหวาไม่ได้ปิดบังอะไร เขาพูดตรงๆ “ตระกูลเจิ้งแห่งเมืองเจียงหนันในอดีตพวกคุณรู้จักกันใช่มั้ย”

“เมื่อก่อนท่านฉินก็เคยพูดถึงตระกูลเจิ้งอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเบื้องหลังพวกเขามีพรรคชิงเฉิงสนับสนุนอยู่ เราถึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร”

เฉียนหย่งซือพยักหน้าอย่างใช้ความคิด “เดี๋ยวก่อน อยู่ๆคุณพูดถึงตระกูลเจิ้งนั้นทำไมเหรอเหล่าเจิ้ง ไหนบอกว่าพวกเขารนหาที่ตายไปล่วงเกินคนใหญ่คนโต จนโดนคนทั้งเจียงหนันรุมทลายจนสิ้นซากไม่ใช่เหรอ”

“ใช่แล้ว”

เจิ้งเหวยหวาพยักหน้าอย่างแแน่วแน่ ยื่นมือไปชี้เย่เทียนที่อยู่ไม่ไกล “จากผลลัพธ์ที่ผมสืบมาได้ คนที่พวกเขาล่วงเกินใกล้อยู่แค่ตรงหน้า”

“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม รอหนูฉินกลับมาลองถามเธอดูก็ได้ เชื่อว่าเธอรู้ดีกว่าผม”

“เป็นไปไม่ได้มั้งเหล่าเจิ้ง คุณไปรู้จักคนคนนี้ที่ไหนเหรอ”

เฉียนหย่งซือตาโตขึ้นมาในบัดดล คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนก็คือผู้บงการเบื้องหลังที่จัดการตระกูลเจิ้งแห่งเมืองเจียงหนัน!

“ผมรู้จักเขามานานแล้ว แต่ถ้าให้พูดว่ารู้จักดีก็เป็นเรื่องเมื่อไม่กี่วันมานี้”

เจิ้งเหวยหวาหัวเราะอย่างเหนื่อยใจ เขาพูดตรงๆ “ด้วยเหตุผลบางอย่าง พี่ใหญ่ผมจ้างคนไปเก็บเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงแต่จัดการคนที่พี่ใหญ่ผมจ้างมาได้ และยังสาวมาถึงตัวพวกเราอีกด้วย”

“ผมไม่ปิดบังพวกคุณแล้วกัน ที่พี่ใหญ่ผมเข้าตะรางก็ผมนี่แหละที่มอบหลักฐานกระทำความผิดของพี่ใหญ่ผมให้เขาเอง มิฉะนั้น…..”

“ไม่ใช่แค่บริษัทแซ่เจิ้งต้องล้มละลาย และเกรงว่าเราสองพี่น้องต้องตายกันทั้งคู่”

“โหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?!”

เห็นเจิ้งเหวยหวาไม่มีท่าทีพูดเล่น สายตาที่พวกเฉียนหย่งซือมองเย่เทียนก็เคร่งเครียดขึ้น

แต่เย่เทียนดันยังมีชีวิตอยู่มาจนป่านนี้ คงจะมีภูมิหลังใหญ่โตล่ะสิ

ขณะเดียวกัน เย่เทียนถีบฉีหยุนเผิงอย่างแรงอีกครั้ง จนเขาถอยไปหลายก้าว

“โอ๊ย!”

ฉีหยุนเผิงอดส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดไม่ได้ เขาไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเลย

ตอนนี้เขาโดนเย่เทียนถีบไปหลายทีแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามตอบโต้ แต่เขาจะสู้เย่เทียนได้ยังไง กระทั่งชายเสื้อของเย่เทียนก็ยังแตะไม่โดน

ทั้งหมดทั้งมวลเขาเป็นฝ่ายโดนอัดอยู่ตลอด ต่อให้มีใจอยากหนีแต่เย่เทียนก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป

“เหล่าเหว่ย คุณรีบมาช่วยผมสิ”

ด้วยความร้อนใจ ฉีหยุนเผิงรีบตะโกนขอความช่วยเหลือจากเหว่ยฉีจื้อเสียงดัง

ถ้าก่อนหน้านี้เจิ้งเหวยหวายังไม่ได้เล่าวีรกรรมสุดโต่งที่เย่เทียนทำไว้ เหว่ยฉีจื้ออาจจะหัวร้อนลุยเข้าไปช่วยก็ได้

แต่ ก่อนที่จะรู้ตื้นลึกหนาบางโดยละเอียดของเย่เทียน เขากล้าเข้าไปที่ไหน และตรงกันข้าม เขาถอยหลังไปหลายก้าว ราวกับต้องการบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน

ฉีหยุนเผิงแทบจะกระอักเลือด ปกติทุกคนเรียกขานกันเป็นพี่น้อง ตอนนี้แค่เด็กเมื่อวานซืนคนเดียวจำเป็นต้องดึงระยะห่างออกขนาดนี้เหรอ

“เหล่าเหว่ย เราเป็นพี่น้องกันมาตั้งหลายปี คุณมาช่วยผมหน่อยไม่ได้เลยเหรอ”

เขารู้สึกเจ็บปวดมาก โดยไม่ทันตั้งตัวจึงโดนหมัดเย่เทียนเข้าให้อีกดอก เขาไม่ยอมตายใจตะโกนหาเหว่ยฉีจื้ออีกครั้ง

“หยุนเผิง อย่าพูดแบบนี้สิ เราสองคนมีความสัมพันธ์แค่เพื่อนร่วมงาน พี่น้องอะไรกัน”

“อีกอย่าง เรื่องต่อยตีเป็นเรื่องของคนหนุ่ม ผมจะไปเลขห้าอยู่แล้ว มีแรงเหลือที่ไหนกัน”

เหว่ยฉีจื้อแสดงความเป็นพี่น้องจอมปลอมให้เห็นอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะพูดอะไรเขาก็ไม่เข้าไปเด็ดขาด

“เหล่าเจิ้ง คุณเป็นคนพาเย่เทียนมา คุณยังอยากให้ผมช่วยคุณต่อกรกับหยงฟากรุ๊ปอยู่มั้ย คุณรีบบอกให้เขาหยุดสิ!”

ฉีหยุนเผิงสิ้นหวังไปอย่างสมบูรณ์ เขารีบเปลี่ยนเป้าหมายและฝากความหวังไว้กับเจิ้งเหวยหวา

“เหล่าฉี จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะ”

เจิ้งเหวยหวาจะเข้าไปขวางได้ยังไง เขารีบโบกมือ “เมื่อกี้ผมส่งสายตาให้คุณตั้งหลายรอบแล้ว ตอนนี้ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้”

“พี่ พี่ไห่…..”

ฉีหยุนเผิงพูดอะไรไม่ออกในบัดดล ได้แต่ทอดสายตาไปที่ไห่เหวินคัง

“จู่ๆฉันก็นึกได้ว่าที่บริษัทมีธุระต้องจัดการ ฉันโทรกลับไปสั่งกำชับก่อน”

แต่ไห่เหวินคังใจดำยิ่งกว่า เขาไม่รอให้ฉีหยุนเผิงตะโกนอะไรออกมาได้ก็ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหันหลังหนีออกจากห้อง

“เถ้าแก่ฉี เมื่อกี้นายสามหาวมากเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงหลบซ่อนไปมาล่ะ?”

เย่เทียนไม่สนอะไรแบบนั้นหรอก เขายิ้มเย็นและถีบไปอีกครั้ง

ฉีหยุนเผิงหมดหวังแล้วอย่างสิ้นเชิง เขาไม่มีความสามารถจะตอบโต้อะไรทั้งนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียน และแลกด้วยราคาที่โดนถีบอีกครั้ง เขากลับตะเกียกตะกายหนีออกจากทางที่เย่เทียนปิดไว้ได้ และมาถึงหน้าประตูห้องสำเร็จ

“ไอ้หนุ่ม อย่าโอหังให้มันมาก ที่นี่คือวิลล่าฉินหยุนนะ ในเมื่อกล้ามาทำร้ายฉัน นายก็รอรับการเอาคืนจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ที่มีประวัติมานานร้อยปีได้เลย!”

ฉีหยุนเผิงหัวเราะลั่นขึ้นมาซะอย่างนั้น ก่อนจะฟาดปุ่มแดงที่อยู่ขอบประตูอย่างแรง

กริ๊งกริ๊ง!

วินาทีต่อมา เสียงร้องประหนึ่งไซเรนก็ดั่งลั่นไปทั่วห้อง

“ไอ้หนุ่ม รอดูเลย อีกไม่นานคนของวิลล่าฉินหยุนก็มาแล้ว ฉันจะรอดูว่านายจะตายแบบไหน!”

ฉีหยุนเผิงที่โดนเย่เทียนต่อยจนหน้าฟกช้ำดำเขียวหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่ง สายตาที่มองเย่เทียนเต็มไปด้วยโทสะ แค้นจนอยากจะกลืนกินเย่เทียนเข้าไปในท้อง…..