ตอนที่ 237 นางน่ารักมากเลย

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“อ๊ากอ๊ากอ๊าก….” ดวงวิญญาณของเหยียนหยุนกัดฟันร่ำร้อง 

 

 

ยิ่งเขาดิ้นรน เส้นใยสีดำของเหยียนเฉียวหลัวก็ยิ่งรัดแน่น เส้นใยสีดำนั่นยังคมกริบยิ่งกว่ามีด แทบจะตัดท่อนขาของเขาขาดออกมา 

 

 

เพียงแค่ครู่เดียว เขาก็ต้องยอมจำนน 

 

 

จากนั้นเหยียนเฉียวหลัวก็หันกลับมามองดูจีเฉวียน เห็นเขายังคงเงียบงันไม่กล่าววาจา ก็พูดขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท เสด็จพี่รัชทายาทของข้าก่อนที่จะสิ้นไปได้เขียนหนังสือโลหิตเอาไว้ฉบับหนึ่ง พระองค์โปรดจะทอดพระเนตรดูหรือไม่เพคะ?” 

 

 

พูดแล้วนางก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีแต่เลือดผืนหนึ่งออกมา คลี่ออกเบาๆ เปิดให้เห็นมุมด้านหนึ่ง “หากว่าพระบิดาได้เห็นหนังสือโลหิตฉบับนี้ ไม่รู้ว่าจะทรงเสียพระทัยถึงเพียงไหน” 

 

 

พูดไปนางก็ค่อยๆ คลี่จดหมายเลือดฉบับนั้นออกอ่าน “ข้ารัชทายาทแคว้นเหยียน เหยียนหยุน….” 

 

 

อ่านไปเพียงไม่กี่คำนางก็หยุดลง มองดูจีเฉวียน นัยตาเต็มไปด้วยความกระหาย “ฝ่าบาท ที่ด้านนอกมีคนมากมายคอยฟังอยู่ พระองค์อยากจะปล่อยให้ข้าอ่านจนจบจริงๆ หรือเพคะ? เสด็จพี่รัชทายาทสิ้นไปอย่างน่าสงสาร แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์ใช้แรงเฮือกสุดท้านเขียนหนังสือโลหิตเอาไว้…. 

 

 

อย่าว่าแต่แคว้นเหยียนของเราจะต้องไม่มีวันยินยอมเลิกรา หากแคว้นอื่นๆ ได้รับรู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงจะต้องร่วมมือกันมาจัดการแคว้นต้าโจวเป็นแน่?” 

 

 

“พระองค์ปรารถนาจะได้มาซึ่งแผ่นดิน ไหนเลยจะทรงยอมเป็นศัตรูกับคนทั้งมวลเพราะเรื่องนี้ได้ นี่ไม่ใช่หนทางที่พระองค์จะสมควรเลือก” 

 

 

ว่าแล้ว เหยียนเฉียวหลัวก็วางร่างของเหยียนหยุนลง นางลุกขึ้นยืน เส้นผมที่เคยถูกไฟลนถูกสางจนเรียบร้อย ใบหน้ารูปไข่ผุดรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นมา 

 

 

ท่อนแขนทั้งสองของนางเผยออกมา จนมองเห็นรอยขีดข่วนหลายรอย หยดเลือดที่กระจายอยู่บนพื้นล้วนมาจากร่างของนาง นางเดินเข้าไปหาจีเฉวียนช้าๆ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่จีเฉวียนอย่างไม่ยอมวางตา “ฝ่าบาท ท่านก็รู้หลายปีมานี้เฉียวหลัวรักแต่ท่านมาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยนใจมาก่อน ตอนนั้น ข้าไม่ใส่ใจฐานะที่เป็นตัวประกันของท่าน คิดแต่อยากจะอยู่กับท่านเท่านั้น เห็นหรือไม่ว่าข้ามิใช่ผู้ที่ยิดติดอยู่กับยศถาบรรดาศักดิ์” 

 

 

“ข้ารู้ดี ในใจของพระองค์ปรารถนาแผ่นดิน ทะเยอทะยานอยากจะครอบครองดินแดนทั้งหมด ข้าช่วยท่านได้! จริงๆ นะ! มีแต่ข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะยืนอยู่เคียงข้างท่าน กลายเป็นผู้สนับสนุนจากภายในที่มีกำลังมากที่สุด ท่านต้องการรวบรวมแผ่นดิน ข้าก็จะช่วยท่านชิงมันมา เหยียบเอาไว้ที่ใต้เท้า!” 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น จีเฉวียนประทับนั่ง ส่วนนางยืนอยู่ข้างหน้า ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นคลั่งไคล้ขึ้นมา “ฝ่าบาท ท่านรู้หรือไม่ว่า นับตั้งแต่การประลองกับสัตว์ร้ายในต้าเหยียนปีนั้น ท่านยืนอยู่เหนือภูเขาซากสัตว์ร้ายนับร้อบนับพัน ตลอดทั้งร่างมีแต่เลือด ดวงตาเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร ข้าก็ถูกใจท่านเข้าแล้ว” 

 

 

“ข้ารู้ว่า จะช้าหรือเร็วสักวันหนึ่ง ท่านจะกลายเป็นประมุขผู้ครองแผ่นดินทั้งหมด ข้าก็รู้ว่า องค์หญิงแคว้นเหยียนที่อ่อนแอนั้นไม่เหมาะสมกับท่าน ดังนั้นตลอดหลายปีมานี้ข้าถึงได้มีความพยายาม พยายามจะเปลี่ยนเป็นเข็มแข็ง พยายามเพื่อจะได้มีคุณสมบัติที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน ยังมี….ข้าไม่เสียใจว่าจะต้องขโมยแผนที่ขุมทรัพย์ของพระบิดาออกมา เพียงเพราะว่าอยากจะเป็นกำลังให้กับท่าน แล้วไยจึงทำกับข้าเช่นนี้? 

 

 

“ตอบรับข้ามันยากนักหรืออย่างไร?” 

 

 

นางยิ่งทียิ่งเขยิบเข้ามาใกล้ จนแทบจะนั่งลงไปบนตักของจีเฉวียนอยู่แล้ว 

 

 

นางยกสองมือขึ้นมา คิดจะสัมผัสใบหน้าที่งดงามไร้ที่ตินั้น 

 

 

จีเฉวียนคือความใฝ่ฝันของนาง เพียงแวบแรกที่เห็นก็ตัดสินใจไปชั่วชีวิต 

 

 

มิว่าจะต้องสละสิ่งใดไปก็ตาม นางก็จะต้องได้เขามาให้ได้! 

 

 

ต่อให้ต้องสังหารพี่ชายของตนเอง ขอเพียงได้กลายเป็นสตรีของเขา ไม่ว่าอะไรนางก็ทำได้ทั้งนั้น! 

 

 

“พี่ชายเฉวียน หัวใจของท่านทำจากหินผาหรืออย่างไร? ท่านมิได้ชอบข้าบ้างสักนิดเลยหรือ?” ปลายนิ้วของเหยียนเฉียวหลัวเกือบจะสัมผัสลงไปบนใบหน้าของจีเฉวียน 

 

 

เขายังทรงประทับอยู่เช่นเดิม มิได้ขยับแขนขาเลยสักนิด 

 

 

สายตาของเขามองไปยังด้านหลังของเหยียนเฉียวหลัว ‘ร่าง’ ของเหยียนหยุน 

 

 

………………….. 

 

 

ที่ด้านนอกห้อง ตู๋กูซิงหลันแอบฟังคำสารภาพรักของเหยียนเฉียวหลัวจบไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขตอนอยู่ที่แคว้นเหยียนไปทำอะไรเอาไว้ ถึงได้ทำให้คนหลงใหลจนถึงเพียงนี้ ขนาดพี่ชายของตนเองก็ยังกล้าฆ่าตาย จะเป็นจะตายก็ขอแต่งกับเขาให้ได้ 

 

 

ในโลกก่อนนางเคยได้บังเอิญเจอกับแฟนคลับที่สติไม่ดีคนหนึ่ง การสะกดรอยตามในทุกรูปแบบของเขาทำเอานางต้องปวดหัวอย่างหนัก ยามนี้เมื่อนางมองไปยังเหยียนเฉียวหลัวก็คล้ายกับว่าได้เห็นแฟนคลับผู้นั้นอีกครั้ง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันได้แต่ส่ายศีรษะ นางหันไปมองดูดวงวิญญาณของเหยียนหยุน 

 

 

องค์รัชทายาทแคว้นเหยียนผู้นี้มีเคราะห์หนัก ต่อให้หลับฝันเขาก็คงจะนึกไม่ถึงว่า ตนขโมยไก่ไม่สำเร็จซ้ำยังต้องเสียข้าวสารไปกำมือ เอาตนเองไปแขวนคอแท้ๆ 

 

 

ยังดีที่ชะตาของเขายังไม่ถึงฆาต ธนูดอกนั้นจึงเบนออกไปเล็กน้อย หากว่าพยายามช่วยก็คงจะยังทันอยู่ 

 

 

ร่างกายของตู๋กูซิงหลันพึ่งจะฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ในมือของนางมียันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่ง นางปิดตาลง อาศัยช่องว่างขณะที่เหยียนเฉียวหลัวกำลังสารภาพรัก ผนึกยันต์แผ่นนั้นลงไปบนวิญญาณของเหยียนหยุน 

 

 

ได้ยินเสียงพรึ่บเบาๆ เส้นใยสีดำที่รัดรึงดวงวิญญาณของเขาเอาไว้ก็มอดไหม้จนขาดสิ้น 

 

 

วิญญาณของเหยียนหยุนกลายเป็นอิสระ เขารีบหันไปมองทางหน้าต่างโดยทันที จึงได้เห็นใบหน้ากลมๆ ที่งดงามอยู่ภายใต้บานหน้าต่าง เพียงแค่สบตาครั้งเดียว หัวใจของเหยียนหยุนก็เต้นตึกตักอย่างแรง 

 

 

น่ารักมากๆ! 

 

 

ในแคว้นต้าโจวแม้แต่นางกำนัลก็ยังน่าหลงใหลขนาดนี้เลยหรือ? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมัดผมจุกสองข้างอย่างนางกำนัล ตัวก็อวบอ้วนขึ้นมากกว่าเดิม ตอนนี้นางหยิบเอายันต์ขึ้นมาอีกแผ่นหนึ่ง พลางท่องคาถาเบาๆ ก็เห็นยันต์ในมือเกิดเป็นดวงไฟสีน้ำเงิน 

 

 

“รัชทายาทแคว้นเหยียน หากว่าเซียนอย่างข้าช่วยชีวิตท่าน ท่านจะตอบแทนเช่นไร?” ตู๋กูซิงหลันถามออกไป 

 

 

นี่เป็นการสื่อสารผ่านทางวิญญาณ ไม่ได้เปิดปากเอ่ยออกไป ยันต์แผ่นนี้ก็ถ่ายทอดความคิดของนางไปยังเหยียนหยุน 

 

 

เหยียนหยุนตกตะลึงไปเล็กน้อย ตอบกลับมาอย่างโง่งมว่า “ข้ายังมีทางช่วยได้อีกหรือ?” 

 

 

“หากว่าเจ้าอยากจะตายๆ ให้จบสิ้นไป เซียนอย่างข้าก็ไม่มีความเห็นอื่น” 

 

 

“ข้ายังไม่อยากตาย ท่านเซียนช่วยข้าด้วย เจ้าต้องการอะไร ข้าจะให้ทุกอย่าง!” รัชทายาทเหยียนรีบตอบอย่างรวดเร็ว “ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าให้ได้ ก็จะไม่ขอขมวดคิ้วเลยสักนิด!” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยกมุมปาก คลี่ยิ้มออกมาดุจดอกทานตะวันอยู่นอกหน้าต่าง “ย่อมต้องมีสิ่งที่จะขอให้ท่านยกให้” 

 

 

พูดแล้ว ก็เห็นนางส่งยันต์ในมือเข้าไปใน ‘ร่าง’ ของเหยียนหยุน 

 

 

……………………. 

 

 

ภายในห้อง 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวยังคงมองดูจีเฉวียนอย่างหลงใหล 

 

 

คำพูดมากมายกล่าวออกไปจนหมดแล้ว ก็ยังไม่เห็นฮ่องเต้จะทรงมีปฏิกริยาใดๆ หากมิใช่เพราะว่าเขายังคงหายใจอยู่ นางคงนึกว่าเขาเป็นร่างปลอมไปเสียแล้ว 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวเปิดปาก คิดจะกล่าวต่อไป ก็พลันเห็นฮ่องเต้เอ่ยขึ้นมา “เขายังไม่ตาย” 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวหัวเราะเสียงเย็นชา “ฝ่าบาท พี่ชายรัชทายาทของข้าตายจนตัวแข็งไปแล้ว หรือท่านมีอำนาจเหนือแผ่นฟ้า สามารถจะชุบชีวิตของเขาได้?” 

 

 

“เขายังไม่ตาย” ฮ่องเต้ยังทรงตรัสอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม 

 

 

เหยียนเฉียวหลัว “……..” เขายังจะดื้อดึงเพื่ออะไร? เหยียนหยุนตายแล้วแน่นอน 

 

 

“ฝ่าบาท หรือว่าพระองค์คิดจะเสาะหาคนมาปลอมเป็นเสด็จพี่รัชทายาท เพื่อกลบเกลื่อน?” เหยียนเฉียวหลัวคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นางไม่มีทางประมาทจีเฉวียน เขาไม่ใช่คนที่จะนั่งรอความตายมาก่อน 

 

 

เพียงแค่ครู่เดียว เขาก็หาหนทางได้แล้ว? 

 

 

“พระองค์ทรงคิดว่า การปลอมเป็นเสด็จพี่รัชทายาทของข้าเป็นเรื่องง่ายๆ หรือเพคะ?” 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวพูดพึ่งจบไป ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง “เช่นนั้นก็คงต้องขออภัยด้วย ที่ข้าไม่ได้ตายแข็งทื่อตามความตั้งใจของเจ้า” 

 

 

ประโยคนี้ ทำเอาเหยียนเฉียวหลัวขนลุกขึ้นมาในทันที 

 

 

เป็นไปได้อย่างไร? 

 

 

นางชะงักไปครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ หันหน้ากลับไป 

 

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง:

 

 

เฉียวหลัว: ยกธงให้นางเลย มีความเป็นโจโฉมาก ‘ยอมทรยศผู้อื่น แต่ไม่ขอให้โลกทรยศ’ 

 

 

นางถือคติลงมือก่อนได้เปรียบสินะ แต่ว่าวิชามืดระดับขี้ผงของหนู ยังไม่ถือว่าเข้าขั้นนะคะ

 

 

เหยียนหยุน: รับปากอะไรไว้จ๊ะ รับปากมั่วๆ ระวังโดนถลกหนังนะคะคุณ 

 

 

ไรท์: เจอตัวละครโรคจิตอย่างเฉียวหลัว ทำให้ไรท์คิดถึงประสบการณ์ที่เคยเจอคนขับแท็กซี่โรคจิตคนหนึ่ง ตอนนั้นไรท์ท้องลูกชายคนโตได้หกเดือนมั้ง ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านช่วงเกือบๆ ทุ่มนึง พอปิดประตูรถ แท็กซี่ก็เริ่มดราม่าชีวิตเศร้าของเขาออกมา บอกว่ามีเมียกี่คนๆ เมียก็ทิ้ง ใครๆ ก็หาว่าผมบ้า บลาๆๆๆ เขาขับรถฉวัดเฉวียนมากๆๆๆๆ และถ้าไม่มองเราผ่านกระจกหลัง ก็คือหันมาคุยกันเลย (ในใจนี้ พี่ได้โปรดๆๆ มองถนน!) โชคดีที่บ้านใกล้ แค่15นาทีถึงแต่มันเป็น15นาทีที่น่ากลัวสุดในชีวิตของไรท์ มือซ้ายจับประตูพร้อมออกตลอดเวลา มือขวาจับท้องห่วงลูก ปากก็พูดว่า ‘พี่ไม่บ้าหรอกคะ พี่เป็นคนดี เป็นคนดีมากๆ รับคนท้องขึ้นรถ ขอบคุณนะคะที่พามาส่งบ้านอย่างปลอดภัย ไม่งั้นลำบากแย่เลย’ แต่จริงๆ ไรท์ให้เขาส่งอพาร์ทเม้นท์หน้าซอยบ้าน เพราะกลัวจัด ขอลงที่ๆ มีคน น้ำใสไฟสว่างไว้ก่อน (เดี๋ยวเดินเองอีกหน่อยก็ได้ ลงก่อนนั้นก็ไม่ได้ มืดและดูผิดสังเกตเกินไป) ที่ไรท์จะบอกคือ สังคมปัจจุบันอันตราย สิ่งสำคัญคือมีสติ กลัวได้แต่ต้องรู้จักสะกดตัวเองให้นิ่ง (ไม่ต้องบอกก็คงเดาได้ว่า ไรท์เดินเข้าอพาร์ทเม้นท์ไปนั่งขาสั่นอีก15นาที)