ตอนที่ 236 ฝ่าบาทฆ่าคน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลัน “……” ในสายตาของจีเฉวียนเห็นนางเป็นเด็กโง่? 

 

 

“เอาเถอะ ข้าเชื่อฟังออกจะตาย” ตู๋กูซิงหลันพยักหน้า คลี่ยิ้มให้กับเขา “ฝ่าบาทรีบเสด็จไปจัดการเรื่องยุ่ง ไม่ต้องทรงห่วงหม่อมฉันหรอกเพคะ” 

 

 

ใบหน้าถูกหยิกจนแก้มแดง เวลายิ้มออกมาก็ยิ่งน่าดูใหญ่แล้ว 

 

 

ชั่วขณะนั้นเอง จีเฉวียนทรงรู้สึกว่าพระทัยกำลังละลายแล้ว 

 

 

ในตอนนั้น คนทั้งคนคล้ายดั่งภูเขาน้ำแข็งที่ละลายลงมา กลายเป็นสายน้ำอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ หวานจนเลี่ยน 

 

 

………………….. 

 

 

 

 

 

ตำหนักเย็น 

 

 

ตอนนี้มีคนมาจำนวนไม่น้อยแล้ว 

 

 

ทั้งหัวหน้าราชองครักษ์ ขุนนางอวี้ซื่อประจำเมืองหลวงตู๋กูเจวี๋ย และยังมีผู้คนในวังอีกจำนวนหนึ่ง 

 

 

ลานหน้าตำหนักเย็นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด 

 

 

ในอากาศยามค่ำคืนยังคงมีเสียงฟ้าร้อง แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะมีฝนตกเลยสักนิด 

 

 

“อ้ายย่าห์ มีคนตายแล้ว มีคนตายแล้ว…..” ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง มีเสียงสตรีหวีดร้องเสียงแหลม 

 

 

พอผู้คนทั้งหลายมองตามไปถึงได้เห็นว่าเป็นเต๋อเฟยที่ผ่ายผอมเสียจนไม่เป็นผู้เป็นคน นางโบกสองมือไปมา ด้วยท่าทางประหนึ่งคนบ้ากระโดดโลดเต้นไปทั้วทั่งตำหนัก 

 

 

ประตูหน้าต่างในเรือนของเหยียนเฉียวหลัวไหวตามแรงลม ภายในห้องเหยียนเฉียวหลัวกอดเหยียนหยุนเอาไว้ร่ำไห้เสียงดัง 

 

 

“เสด็จพี่รัชทายาท ท่านอย่าได้ทำให้ข้าตกใจเช่นนี้….” 

 

 

เมื่อจีเฉวียนเสด็จมาถึง สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้แล้ว 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวคุกเข่าอยู่บนพื้น กอดเหยียนหยุนที่ใบหน้าซีดขาวเอาไว้ในอ้อมแขน 

 

 

บนอกของเหยียนหยุน มีธนูอยู่ดอกหนึ่ง 

 

 

หัวธนูปักเข้าไปในเนื้อจนมิด ริมโอษฐ์ของเหยียนหยุนมีเลือดสีดำไหลออกมา สถานการณ์ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง 

 

 

โต๊ะเก้าอี้ภายในห้องถูกพลิกกระจัดกระจาย บนพื้นยังมีหยดเลือกกระเซ็น ดูไปเหมือนดั่งผ่านการต่อสู้มาอย่างรุนแรง 

 

 

ทันทีที่เห็นจีเฉวียน เหยียนเฉียวหลัวก็ยิ่งโศกเศร้ากว่าเดิม “ฝ่าบาท เสด็จพี่รัชทายาททรงนำความจริงใจมาขอไถ่ตัวข้ากลับแคว้น แต่ฝ่าบาทกลับทรงทำกับพวกเราพี่น้องเช่นนี้?” 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวทางหนึ่งกล่าวอย่างชิงชัง ทางหนึ่งก็น้ำตาไหลอย่างคลุ้มคลั่ง “ตั้งแต่อายุสิบสามข้าก็หลงรักท่าน ต่อให้ท่านไม่ชอบข้า ไม่ยอมรับข้า แค่ไล่ข้ากลับออกไปก็พอแล้ว ไยจึงต้องลงมือสังหารเสด็จพี่รัชทายาทของข้าด้วย?” 

 

 

“เสด็จพี่รัชทายาทช่างน่าสงสาร เขากำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ ต่อไปก็จะได้เป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจที่สุดของแคว้นเหยียนกลับต้องมาตายใต้น้ำมือของท่าน ความรุ่งเรืองในชีวิตของเขายังไม่ทันจะได้เริ่มขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ” 

 

 

เหยียนเฉียวหลัวเจ็บปวดชอกช้ำ ทุกถ้อยคำที่กล่าวออกไปล้วนเปล่งเสียงดังราวกับเกรงว่าจะไม่มีคนได้ยิน” 

 

 

“ฝ่าบาทฆ่าคนแล้ว ฝ่าบาทฆ่าคนแล้ว ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฝ่าบาทฆ่าคนอีกแล้ว…..” ภายในสวน เต๋อเฟยที่ได้ยินเสียงของเหยียนเฉียวหลัวชูมือขึ้นวิ่งพล่านไปทั่ว 

 

 

หากมิใช่เพราะว่าเหล่าองครักษ์จับตัวนางเอาไว้เกรงว่านางก็คงจะหนีออกไปนอกตำหนักเย็น ทำให้คนทั่วทั้งเมืองได้รู้เรื่องเสียแล้ว 

 

 

“ฮิ ฮิ ฝ่าบาททรงฆ่าคนแล้ว ฝ่าบาททรงฆ่าคนแล้ว” เต๋อเฟยถูกจับตัวเอาไว้ก็ยังไม่วายเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะอย่างโง่งม ท่าทางดั่งเป็นคนบ้าจริงๆ 

 

 

“ฝ่าบาท ทรงฟังสิเพคะ ขนาดคนบ้าก็ยังรู้ ว่าพระองค์ลงมือกับเสด็จพี่รัชทายาท” ภายในห้องเหยียนเฉียวหลัวโอบกอด ‘ร่าง’ เหยียนหยุนเอาไว้ มุมปากมีรอยยิ้มเย็นผุดขึ้นมา 

 

 

นางพึ่งจะพูดจบ จีเฉวียนก็เสด็จเข้าไปภายในห้อง หลี่กงกงรีบยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง ฮ่องเต้ทรงประทับนั่งลงแล้วก็กวาดพระเนตรมองไปทางเหยียนเฉียวหลัวครั้งหนึ่ง 

 

 

“ว่ามาเถอะ ว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่?” 

 

 

“ฝ่าบาท เสด็จพี่รัชทายาทของข้าสิ้นแล้ว พระองค์ก็ยังทรงเย็นชาเช่นนี้ได้อยู่อีกหรือเพคะ?” เดิมทีเหยียนเฉียนหลัวคิดว่าจีเฉวียนจะต้องตกตะลึงอยู่บ้าง หรือไม่ก็กล่าวคำพูดอื่นกับนาง คิดไม่ถึงว่าพอเอ่ยพระโอษฐ์ก็ตรัสถามนางเช่นนี้ 

 

 

“เราไม่ใช่หมอหลวง เขาตายแล้ว เรายังจะรักษาเขาจนฟื้นขึ้นมาได้อีกหรือ?” จีเฉวียนพระสรวลเสียงเย็น “ปากเจ้าร้องบอกว่าเราฆ่าเขา ตนเองกลับเตรียมการเอาไว้อย่างพรักพร้อม แล้วเรื่องอะไรเราจึงจะต้องเสียเวลาไปยื้อยุดกับเจ้าด้วย?” 

 

 

“ฝ่าบาทยังทรงเป็นเช่นดั่งกาลก่อน แม้แต่การจะแสดงสีพระพักตร์ใดๆ ออกมาก็ยังเกียจคร้านที่จะทำถึงเพียงนี้” เหยียนเฉียวหลัวยังคงโอบเหยียนหยุนเอาไว้ เพียงแต่ยามเมื่อมองดูจีเฉวียนก็เพิ่มพูนความประทับใจขึ้นมาอีก 

 

 

ที่นางชื่นชอบที่สุดก็คืออุปนิสัยที่แม้ว่าภูเขาถล่มลงมาก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้าของเขา 

 

 

ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถสั่นคลอนเขาได้ทั้งนั้น 

 

 

ความสงบเงียบ ความอดกลั้น ความเจ้าเล่ห์มากแผนการ ทั้งหมดเขาสามารถใช้พวกมันได้อย่างหมดจดเยี่ยมยอด 

 

 

ที่จริงแล้วแม้กระทั่งลูกไม้ต่างๆ ที่นางใช้ออกมา เขาก็สามารถดูออกได้ในแวบเดียว 

 

 

“องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนเสด็จมายังต้าโจวเพื่อไถ่ตัวองค์หญิง ขณะที่เสด็จมาเยี่ยมเยือนองค์หญิงในตำหนักเย็นก็ถูกมือสังหารที่เตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกฆ่าทิ้ง” เหยียนเฉียวหลัวพูดพลาง ก็มองดูจีเฉวียนที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปด้วย “ฮ่องเต้แห่งต้าโจวสังหารองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ท่านว่า เรื่องนี้พอแพร่กลับไปที่แคว้นเหยียน กระจายไปจนทั่วทั้งแผ่นดิน ท่านยังจะได้รับผลดีอีกหรือ?” 

 

 

“แต่ว่าฝ่าบาททรงวางพระทัยได้ เนื่องเพราะพระองค์ทรงมีโชคอย่างยิ่ง มีองค์หญิงแคว้นเหยียนที่รักท่านอย่างลึกล้ำเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง ข้าย่อมต้องไม่ยอมให้ท่านบอบช้ำเสียหายเป็นแน่” 

 

 

“ยังคงเป็นประโยคเดิม ข้าต้องการเป็นฮองเฮาของท่าน ขอเพียงท่านยอมรับปาก การตายของรัชทายาทต้าเหยียนก็จะเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลยสักนิด” 

 

 

น้ำเสียงของเหยียนเฉียวหลัวเย็นชา นางลูบลงไปบนร่างกายที่เย็นชืดของเหยียนหยุน หัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ 

 

 

เหยียนหยุนคือไอ้โง่ที่คิดว่าตนเองฉลาด ปากก็บอกว่าจะช่วยเหลือนาง แต่ที่จริงกลับคิดจะฆ่านาง ใช้ความตายของนางมากระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้น ทำตนเป็นผู้เฒ่าหาปลา 

 

 

ในเมื่อเขาไม่มีน้ำใจระหว่างพี่น้องก่อน ก็อย่าได้มาโทษที่นางลงมือเ**้ยมโหดชิงฆ่าเขาบ้างแล้วกัน 

 

 

นี่เป็นอุบายในอุบาย ใช้หนึ่งชีวิตของเขามาแลกกับตำแหน่งฮองเฮาแห่งต้าโจวของนาง ก็นับว่าคุ้มอยู่ 

 

 

ต่อให้จีเฉวียนเก่งกาจเพียงไร แต่เมื่อต้องแบกรับชีวิตของคนที่สูงส่งเช่นนี้ คิดๆ ดูแล้วเขาคงจะต้องหมดหนทางเป็นแน่ 

 

 

ประเด็นสำคัญคือการลงมือครั้งนี้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว พอคิดจะรับมือก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว 

 

 

“ฝ่าบาท เฉียวหลัวหลงรักท่านมานานหลายปีแล้ว ทั้งยังไม่เคยเปลี่ยนใจมาก่อน ความจริงใจของข้าพระองค์ไยจะต้องทรงผลักไสออกไปจนไกลลิบอีก?” เหยียนเฉียวหลัวเริ่มจากใช้การข่มขู่ ยามนี้ค่อยเปลี่ยนเป็นไม่อ่อนบ้างแล้ว 

 

 

นางไม่กลัวว่าจีเฉวียนจะไม่รับปาก เพราะอย่างไรเสียเหยียนหยุนก็ตายไปแล้ว สำหรับนางแล้วนี่จึงเป็นไม้ตายสำคัญ 

 

 

จีเฉวียนมองดูรอยยิ้มที่เย็นชาของนาง จนเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนที่อยู่ในแคว้นต้าเหยียนนั้น องค์หญิงน้อยผู้นี้หน้าตาเป็นเช่นไรกันแน่ 

 

 

โลกนี้ก็มีแต่ความไร้น้ำใจเช่นนี้แหละ เพื่อเป้าหมายแล้ว แม้แต่การฆ่าพี่ชายของตนเองก็ยังถือเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่อาจจะธรรมดาไปกว่านี้อีก 

 

 

หลังจากที่จีเฉวียนเสด็จออกมาแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็แอบตามออกมาอย่างเงียบๆ 

 

 

นางเปลี่ยนเป็นชุดของนางกำนัล หมอบอยู่ตรงมุมกำแพง 

 

 

เจาะรูตรงหน้าต่างขึ้นมารูหนึ่ง ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในได้ทั้งหมด 

 

 

ธนูบนอกของเหยียนหยุนปักลงไปลึกมาก บนลำคอของเขายังมีร่อยรอยเล็บขูดข่วน ราวกับว่าถูกบางสิ่งครูดผ่าน 

 

 

ดูจากนรลักษณ์ของเขาแล้ว ใบหน้าอิ่มเอิบ จมูกโด่งเป็นสัน เป็นลักษณะของคนที่อายุยืนยาว 

 

 

เส้นอายุของเขายังไม่ทันขาด อายุยังน้อยก็ต้องมาจากไปเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ 

 

 

ยามนี้ ดวงวิญญาณกึ่งโปร่งใสของเขากำลังล่องลอยอยู่เหนือ ‘ร่าง’ ของตนเอง จดจ้องไปยังเหยียนเฉียวหลัวและก็หันมาจ้องจีเฉวียนอีกด้วย 

 

 

สุดท้ายแล้วสายตาของดวงวิญญาณนั้นก็มาหยุดอยู่บนร่างของเหยียนเฉียวหลัว นัยของของเขาเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น 

 

 

เขาอ้าปากกัดฟันกรอดคิดจะเข้าไปจัดการเหยียนเฉียวหลัว แต่กลับเห็นเหยียนเฉียวหลัวหันมาทางวิญญาณของเขาแวบนึง นางขยับปลายนิ้วน้อยๆ ก็เห็นเส้นใยสีดำสามเส้นจากปลายนิ้วของนางพุ่งเข้าไปพันลำคอ เอวและขาของดวงวิญญาณเหยียนหยุนเอาไว้ 

 

 

ทันทีที่เส้นใยสีดำนั้นกระตุก ท่อนขาของวิญญาณเหยียนหยุนก็ขาดออกมาเกือบครึ่ง