นักบวชทั้งสี่จากเขาหลงหู่– ชางซง ซีเสีย จุ้ยจู่ และชิงเฟิง ล้วนถูกหลิงหยุนสังหารตายจนหมดแล้ว และครั้งนี้นักบวชทั้งสี่ก็ได้เดินทางไปสู่ปรโลกอย่างไม่มีวันหวนกลับ..
หลิงหยุนยืนนิ่งพร้อมกับกวาดสายตาไปยังร่างไร้วิญญาณทั้งสี่แล้วจึงพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พวกเจ้าอ้างมาร..อ้างปีศาจ.. ฝ่ายหนึ่งมาเพื่อสังหารข้า ส่วนอีกฝ่ายก็คิดจะสังหารเซียนเอ๋อ!”
“เวลานี้ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายต้องจบชีวิต”
หลังจากพึมพำออกไปแล้วหลิงหยุนก็ไม่สนใจร่างไร้วิญญาณที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้นอีกเลย แต่กลับก้มลงสำรวจตามร่างกายของตนเอง!
หลังจากที่ชางซงและพี่น้องทั้งสามคนได้กินยาเม็ดหลงหู่เข้าไปพวกเขาก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ได้ในทันที แม้ว่าหลิงหยุนจะสังหารพวกมันได้ แต่ก็ต้องสูญเสียมากเช่นกัน..
เวลานี้ไหล่ซ้ายของเขาถูกกระบี่ของอันทรงพลังของชางซงแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส..
กระบี่ที่ชางซงแทงเข้าใส่หลิงหยุนครั้งสุดท้ายนั้นเขาได้ถ่ายเทพลังปราณทั้งหมดลงไป และหมายที่จะแทงเข้าที่จุดตายของหลิงหยุนซึ่งก็คือหัวใจ!
แต่ระหว่างที่ชางซงแทงกระบี่เข้าใส่หลิงหยุนนั้นหลิงหยุนเองก็ไม่รีบร้อนที่จะหลบปลายกระบี่ของชางซง เพราะเขาเองก็ต้องการสังหารชางซง ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามให้ได้โดยเร็วที่สุดเช่นกัน!
หากหลิงหยุนเพียงคนเดียวแต่ต้องรับมือกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ที่คลุ้มคลั่งพร้อมกันถึงสามคนไปเช่นนี้ ก็ยากที่เขาจะเอาชนะได้..
หลิงหยุนจึงต้องใช้ยุทธวิธีชีวิตแลกชีวิต!เขาจงใจเปิดช่องว่างให้ชางซงโจมตีได้ และปล่อยให้ชางซงแทงกระบี่เข้าใส่อย่างที่ต้องการ..
เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น..ที่หลิงหยุนจะสามารถสังหารชางซงได้!
แต่หลิงหยุนกลับคิดไม่ถึงว่า..กระบี่ในมือของชางซงจะสามารถทำลายเกราะป้องกันชั้นดีอย่างดาราคุ้มกาย และผ้าแพรไหมดำของเขาได้ จึงทำให้หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัสมากในครั้งนี้!
ในคืนที่หลิงหยุนประมือกับเฉินจี้ยนห่าวและโทคุงาวะ มุโตะอยู่ที่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้น เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้เลย!
‘ดูท่าพลังปราณของกระบี่เล่มนั้นน่าจะแกร่งถึงขั้นเซียงเทียน-9 เลยสินะ!’
หลิงหยุนได้แต่แอบประเมินอยู่ในใจระหว่างที่เรียกยันต์บำบัดออกมาสองสามแผ่นจากนั้นจึงติดยันต์ไว้ที่บาดแผลบนไหล่ด้านซ้ายพร้อมกับร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์โดยไม่คิดที่จะปิดบังอีกต่อไป..
สิ้นเสียงสั่งการของหลิงหยุนยันต์บำบัดก็ออกฤทธิ์ในทันที และบาดแผลภายนอกของเขาก็หายวับไปในพริบตา เหล่ายอดฝีมือต่างก็มองเห็นกันถ้วนหน้าว่า เวลานี้บาดแผลที่ไหล่ของหลิงหยุนนั้นหายวับไปราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีได้เห็นภาพเช่นนั้นกับตาตัวเอง ทั้งคู่ยังถึงกับตกตะลึง และได้แต่อ้าปากกว้างอยู่เช่นนั้น
“น่าเสียดายชุดผ้าแพรไหมดำนี้จริงๆ..”
บาดแผลที่ไหล่ของหลิงหยุนนั้นได้รับการรักษาจนหายอย่างรวดเร็วแล้วแต่เสื้อที่ตัดเย็บด้วยผ้าแพรไหมดำนั้น กลับเป็นรูเพราะปลายกระบี่..
ถึงแม้ว่าบาดแผลสาหัสภายนอกจะหายไปแล้วแต่อาการบาดเจ็บภายในนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถรักษาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
คืนนี้หลิงหยุนกระอักเลือดออกมาถึงสามครั้ง..ครั้งแรกตอนที่เข้าไปช่วยฉินตงเฉี่วย ส่วนอีกสองครั้งก็คือตอนประมือกับนักบวชจากเขาหลงหู่ และทุกครั้งที่หลิงหยุนกระอักเลือดออกมานั้น อาการบาดเจ็บภายในของเขาก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกครั้ง…..ไอลีนโนเวล
หากไม่จำเป็นต้องแข่งกับเวลาเช่นนี้หลิงหยุนก็ยังสามารถใช้ความได้เปรียบในเรื่องของวิชาตัวเบาที่รวดเร็วของตนเองต่อสู้กับศัตรูไปได้เรื่อยๆ
แต่หลิงหยุนจำเป็นต้องแข่งกับเวลาที่จำกัดเขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถกำจัดศัตรูได้โดยเร็วที่สุด และไม่สามารถที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับศัตรูได้เพียงอย่างเดียว..
เวลานี้..เส้นลมปราณภายในร่างกายของหลิงหยุนเริ่มติดขัด แต่เขายังคงเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้หายโดยเร็วที่สุด และเพื่อใช้สังหารศัตรูด้วย..
“ยังเหลืออีกสิบกว่าคนสินะ..”
หลิงหยุนค่อยๆก้าวเท้าเดินตรงไปทางจื่อหยางซึ่งเวลานี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งพลังปราณในร่างกายก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว จึงไม่สามารถต่อสู้กับหลิงหยุนได้อีกแล้ว..
จื่อหยางจ้องมองกระบี่ในมือของหลิงหยุนนิ่ง..ในใจของเขานั้นรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอย่างมาก พวกเขาทั้งหกคนประมือกับหลิงหยุนเพียงคนเดียว แต่เวลานี้ทั้งหกคนกลับเหลือเพียงชายสองคน และหญิงหนึ่งคนเท่านั้น
ครั้งนี้มือกระบี่คุนหลุนทั้งสามคนได้เดินทางออกจากเทือกเขาคุนหลุนทั้งหมดต่างก็คิดว่าเพียงแค่ออกมาคุ้มครองคุณชายแห่งสำนักกระบี่คุนหลุน และเมื่อสามารถกลับไปเทือกเขาคุนหลุนได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง พวกเขาก็จะได้รับคำชื่นชมและของกำนัลเป็นสิ่งตอบแทน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า.. เวลานี้ทั้งหมดกลับถูกเด็กหนุ่มอายุเพียงแค่สิบแปดปีทำร้ายจนต้องไปนอนกองอยู่กับพื้น!
หลิงหยุนเดินผ่านจื่อหยางไปอย่างเงียบๆและผ่านจื่อกวงที่ไร้เรี่ยวแรงไปอีกเช่นกัน แล้วร่างของหลิงหยุนก็เดินตรงไปหาหลี่เคิ่นวู๋ที่อยู่ห่างไป..
“หลิงหยุน..สภาพของพวกเราเช่นนี้ พวกเรารู้ตัวดีว่าถึงอย่างไรก็คงต้องตายอย่างแน่นอน! แต่ขอร้องได้โปรดไว้ชีวิตคุณชายด้วยเถิด!”
“พวกเจ้ามาร้องขอความเมตตาจากข้าตอนนี้ไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยแล้วรึ”
หลิงหยุนจ้องมองจื่อกวงพร้อมกับพูดออกมาอย่างเหยียดหยัน“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าไปแล้ว แต่พวกเจ้ากลับไม่สนใจ หากต้องตายตอนนี้ก็อย่าได้ตำหนิข้า!”
“พวกเจ้าจำคำพูดของข้าไม่ได้แล้วรึ..เมื่อครู่ข้าประกาศออกไปว่า หากผู้ใดกล้าทำร้ายน้าหญิงของข้า มันผู้นั้นต้องตายสถานเดียว!”
หากไม่ใช่เพราะหลี่เคิ่นวู๋ฉลาดจนคิดที่จะจับฉินตงเฉี่วยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองแล้วล่ะก็..หลิงหยุนก็คงจะไม่ต้องสังหารผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ และคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้อีกด้วย!
“ข้ากับสำนักกระบี่คุนหลุนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันแต่พวกเจ้ากลับคิดที่จะสังหารข้า.. เท่านั้นยังไม่พอ พวกเจ้ายังคิดที่จะจับตัวน้าหญิงของข้าด้วย พวกเจ้าไม่ทำเกินไปหน่อยรึ”
พูดจบหลิงหยุนก็ยกปลายกระบี่ขึ้นชี้ไปยังร่างของหลี่เคิ่นวู๋พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เวลาของข้ามีน้อยไม่มีเวลามาพร่ามไร้สาระกับพวกเจ้ามาก หากพวกเจ้าสองคนจะหนีไปตอนนี้ ข้าก็จะไม่ขัดขวาง แต่เขา.. ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนทั้งจื่อกวง และจื่อหยาง แม้กระทั่งจื่อเยี่ยที่นอนหายใจรวยรินใกล้ตาย ก็ถึงกับร่างกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง..
ระหว่างนั้นจื่อเยี่ยก็รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายผลักหลี่เคิ่นวู๋ให้ลุกขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“คุณชาย..หนีไปเร็วเข้า!”
จากนั้นก็พุ่งร่างของตนเองเข้าขวางหลิงหยุนไว้ทันที..จื่อหยางกับจื่อกวงเองก็เช่นกัน ทั้งสองคนเดินลมปราณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด พุ่งตามร่างของหลิงหยุนไปเช่นกัน
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจก่อนจะตวัดกระบี่ในมือเข้าใส่ร่างของมือกระบี่คุนหลุนทั้งสามคน และใช้วิชาเงาลวงตาพุ่งไปยืนตรงหน้าหลี่เคิ่นวู๋อย่างรวดเร็ว!
เมื่อหลี่เคิ่นวู่ได้ยินเสียงกรีดร้องดังอยู่ข้างหลังเขาก็ตกใจ และกลัวตายจนลืมที่จะวิ่งต่อไป..
“ความจริงข้าเองก็ไม่คิดที่จะสังหารเจ้าเลยแต่เป็นเจ้าที่รนหาที่เอง!”
หลิงหยุนเงื้อกระบี่ในมือขึ้น..
“อามิตตาพุทธ..ประสกหลิงหยุนได้โปรดช้าก่อน!”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปากหลวงจีนเจี๋วยหยวนร่างของหลวงจีนก็พุ่งไปยืนขวางหน้าหลิงหยุนไว้แล้ว พร้อมกับยกคฑาใหญ่ในมือขึ้นกั้นกระบี่ของหลิงหยุนที่ฟันใส่ร่างของหลี่เคิ่นวู๋ทันที..
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย..และเปลี่ยนมาฟาดฟันกระบี่ในมือเข้าใส่ไต้ซือเจี๋วยหวยนแห่งเส้าหลินแทน
จากนั้นนักพรตนามว่าชงซวีก็กระโดดตามเข้ามาเขามองหลิงหยุนด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจกพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน..เจ้าฆ่าหลี่เคิ่นวู๋ไม่ได้!”
หากจะพูดไป..ตั้งแต่เส้าหลินและบู๊ตึ๊งขึ้นมาบนเขาหลงเหมินนั้น เขาก็วางตัวเป็นกลางอย่างมาก ทำให้ความรู้สึกที่หลิงหยุนมีต่อสำนักทั้งสองนี้เปลี่ยนไป แต่หลิงหยุนก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของพวกเขาว่าเหตุใดจึงทำเช่นนี้..
เหตุผลของเส้าหลินนั้นดูเหมือนจะเป็นคำพูดของหลวงจีนเจี๋วยหยวนที่ว่า ‘หลิงหยุนมีชะตาต้องกับพุทธองค์..’
ในขณะที่นักพรตชงซวีนั้นเปิดเผยตรงไปตรงมาและเขาเองก็เป็นฝ่ายประกาศจุดประสงค์ของตนเองกับหลิงหยุนตั้งแต่ขึ้นเขามา..
แต่ครั้งนี้..ทั้งคู่กลับทำให้หลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะเมื่อครั้งที่เขาสังหารหลิวซุ่ยเฟิง ศิษย์สำนักแดนใต้ และนักบวชจากเขาหลงหู่ ทั้งสองคนกลับไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว และนั่นทำให้หลิงหยุนดีใจอย่างมาก แต่เมื่อเขาต้องการที่จะสังหารหลี่เคิ่นวู๋ ทั้งหลวงจีนเจี๋วยหยวน และนักพรตซงซวีต่างก็เข้ามาขวางไว้ทันที!
หลิงหยุนรู้ดีว่า..ในบรรดายอดฝีมือบนเขาหลงเหมินแห่งนี้ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่จะเป็นอันตรายกับตนเองมากที่สุด ซึ่งก็คือหลวงจีนเจี๋วยหยวน และนักพรตซงซวีผู้นี้ และต่อให้หลิงหยุนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สูงสุด เขาก็ยังสามารถรับมือได้เพียงแค่คนใดคนหนึ่งเท่านั้น!
แต่ตอนนี้..ทั้งคู่กลับยื่นมือเข้ามาขัดขวางไม่ให้หลิงหยุนสังหารหลี่เคิ่นวู๋พร้อมๆ กันเช่นนี้!
หลิงหยุนได้แต่ปล่อยให้ปลายกระบี่วิเศษในมือชี้ลงพื้นพร้อมกับถามเสียงเบา “เหตุใดข้าจึงฆ่าเขาไม่ได้!”