บทที่ 985 ทดสอบจอมยุทธขั้นเซียงเทียน-9

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“หลิงหยุน..หลี่เคิ่นวู๋จู่ประสงค์จะจับน้าหญิงของเจ้านั้น นับว่าเป็นการกระทำที่เกินไปก็จริงอยู่ แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จไม่ใช่รึ”
  “ยิ่งไปกว่านั้น..ตอนนี้เจ้าก็ได้ทำร้ายมือกระบี่คุนหลุนไปแล้วถึงสามคน เพียงแค่นั้นก็นับว่าสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับเขาคุนหลุนอย่างมากแล้ว หากเจ้ายังต้องการสังหารหลี่เคิ่นวู๋อีก..”
  ระหว่างที่พูดนั้น..นักพรตชงซวีก็ได้เดินเข้าไปใกล้หลิงหยุน พร้อมกับขยิบตาส่งสัญญาณให้กับหลิงหยุนเป็นนัยๆ..
  หลิงหยุนทบทวนคำพูดของนักพรตชงซวีเมื่อครู่นี้จึงได้รู้ว่านักพรตชงซวีนั้นใช้คำว่า ‘เขาคุนหลุน’ ไม่ใช่ ‘สำนักกระบี่คุนลุน’!
  เขาคุนหลุนงั้นรึ!
  สีหน้าที่ทางที่ลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูดดีของนักพรตชงซวีนั้น ทำให้หลิงหยุนนึกขันไม่น้อย จึงได้ถามนักพรตผ่านกระแสจิต
  -ท่านนักพรต..ไม่ทราบว่าท่านต้องการจะบอกอะไรข้ากันแน่!–
  นักรตชงซวีเองก็ตอบกลับหลิงหยุนผ่านกระแสจิตทันทีเช่นกัน
  -หลิงหยุน..ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่ายอดฝีมือมากมายที่เจ้าสังหารในคืนนี้ จะไม่เป็นอันตรายต่อเจ้าในวันข้างหน้า.. แต่ต้องไม่ใช่เขา!–
  หลิงหยุนสัมผัสได้ว่านักบวชชงซวีมีบางอย่างปกปิดตนเองอยู่และคำตอบของเขาเมื่อครู่ก็ไม่ใช่คำตอบที่หลิงหยุนต้องการรู้ เขาจึงถามต่อว่า
  -ข้าไม่เข้าใจ!เหตุใดข้าสังหารยอดฝีมือมากมายได้ แต่สังหารหลี่เคิ่นวู๋ไมได้ ศรีษะของเขามีค่ามากกว่าคนอื่นหรืออย่างไรกัน?–
  หลิงหยุนยังคงไม่เข้าใจกับความไม่สมเหตุสมผลในคำตอบ!
  สีหน้าของนักพรตชงซวีดูเหมือนจะยิ่งลำบากใจมากกว่าเดิมเขาขมวดคิ้วคล้ายลังเล ก่อนจะหันไปมองหลวงจีนเจี๋วยหยวนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมาพูดกับหลิงหยุนด้วยสีหน้าจริงจัง
  “หลิงหยุน..หากเจ้าสังหารหลี่เคิ่นวู๋ เจ้าจะต้องพบกับหายนะที่แท้จริง!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับสะท้านเข้าไปในหัวใจแต่ยังคงสงบนิ่ง และฟังด้วยความตั้งใจ..
  –ชีวิตของหลี่เคิ่นวู๋มีค่ายิ่งกว่าทองคำ!เขาเป็นถึงบุตรชายคนเล็กของหัวหน้าสำนักกระบี่คุนหลุน – หลี่เจี้ยนถาง หากเจ้าสังหารหลี่เคิ่นวู๋ สำนักกระบี่คุนหลุนไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่ เฮ้อ.. เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าและครอบครัวของเจ้าคงต้องพังพินาศ และแทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเจรจาต่อรองเลย..-
  แต่หลิงหยุนตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ“หากคิดจะแก้แค้นก็มาหาข้าได้! ก็แค่สำนักกระบี่คุนหลุน เหตุใดข้าต้องกลัวด้วย”
  เมื่อนักพรตชงซวีเห็นหลิงหยุนยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และตีหน้าซื่อเช่นนั้น เขาก็ถึงกับกระทืบเท้าพร้อมกับพูดเป็นนัยว่า
  –นี่เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดเลยงั้นรึ!สำนักกระบี่คุนหลุนเปรียบเสมือนผู้ดูแลปกป้องทางเข้าเขาคุนหลุน หากเจ้าทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจ ก็เท่ากับเป็นการท้าทายเกียรติของคุนหลุนด้วย!-
  สำนักกระบี่คุนหลุนเขาคุนหลุน และคุนหลุน!
  คำพูดเพียงประโยคเดียวของนักพรตชางซวีแต่กลับเน้นย้ำคำว่า ‘คุนหลุน’ ถึงสามคำ!
  แม้คำพูดของนักพรตชงซวีจะฟังดูกำกวมเข้าใจยากแต่หลิงหยุนก็พยายามครุ่นคิด และจับความนัยพิเศษบางอย่างจากคำพูดประโยคดังกล่าวได้ พร้อมกับคิดว่า
  ‘สำนักกระบี่คุนหลุนปกป้องทางเข้าเขาคุนหลุนงั้นรึหรือว่าบนเขาคุนหลุนจะมีทัศนียภาพที่งดงามมาก จนต้องมีการปกป้องดูแลผู้ที่จะขึ้นไป?’
  ‘หากทำให้สำนักกระบี่คุนหลุนขุ่นข้องใจก็เท่ากับเป็นการท้าทายเกียรติของคุนหลุนงั้นรึ ภูเขาจำเป็นต้องมีเกียรติด้วยหรืออย่างไร? เว้นแต่ว่าเขาคุนหลุนจะมีเทพสถิตอยู่!
  หลิงหยุนพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้างจึงแสร้งทำเป็นถามออกไปว่า “อะไรคือ ‘คุนหลุน’ งั้นรึ”
  ดูเหมือนสำนักกระบี่คุนหลุนจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญและเขาคุนหลุนก็คงไม่ใช่ด้วยเช่นกัน..
  ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่‘คุนหลุน’ เสียมากกว่า!
  เพราะนักพรตชงซวีบอกกับหลิงหยุนว่าหากเขาทำให้สำนักกระบี่คุนหลุนขุ่นข้องใจ ก็เท่ากับเป็นการท้าทายเกียรติแห่งคุนหลุน และมีเพียงคน หรือกลุ่มคนเท่านั้นที่จะสามารถมีเกียรติได้ไม่ใช่หรือ
  และครั้งนี้..นักพรตชงซวีถึงกับเป็นฝ่ายยกมือขึ้นเกาศรีษะเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของหลิงหยุน เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และประหลาดใจของหลิงหยุน ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งเครียด แล้วหันกลับไปมองหลวงจีนเจี๋วยหยวนอีกครั้ง
  หลวงจีนเจี๋วยหวนเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกันใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่สามารถตัดสินใจได้ และคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่น..
  จากนั้น..หลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าสายตาของคนทั้งคู่นั้น เปลี่ยนมาจับจ้องอยู่ที่แขนข้างซ้ายของเขาเนิ่นนาน..
  ถึงแม้แขนซ้ายของหลิงหยุนจะไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษนอกจากรอยคราบเลือดมากมายเท่านั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าที่นิ้วมือข้างซ้ายของตนเองนั้นมีแหวนพื้นที่สวมอยู่..
  แต่แล้วจู่ๆนักพรตชงซวีก็เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน เขายิ้มให้พร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า
  “นี่เจ้าไม่รู้จักคุนหลุนจริงๆงั้นรึ”
  หลิงหยุนฝืนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ขออภัย.. ข้าไม่ทราบจริงๆ!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็จ้องมองนักพรตชงซวีและหลวงจีนเจี๋วยหยวน พร้อมกับคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่ต้องการ..
  แต่หลิงหยุนกลับได้ยินนักพรตชงซวีกระแอมเบาๆก่อนจะตอบกลับมาว่า “พวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน!”
  หลิงหยุนได้ฟังคำตอบของนักพรตชงซวีก็แทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด และได้แต่คิดในใจว่า
  ‘เฮ้อ..เสียเวลาจริงๆ ไม่ยอมแพร่งพรายให้ข้าได้รู้บ้างเลย!’
  หลิงหยุนเห็นสีหน้าของนักพรตชงซวีและหลวงจีนเจี๋วยหยวนแล้วจึงได้แต่คิดว่าเขาคงไม่สามารถคาดคั้นเอาความลับจากคนทั้งคู่ได้แน่ จึงวกกลับมาที่เรื่องของตนเองทันที..
  “พวกท่านสองคนอย่าหลอกให้ข้ากลัวดีกว่า!เพราะข้า – หลิงหยุน.. สะกดคำคำนั้นไม่เป็น และไม่สนใจว่าจะท้าทางเกียรติของคุนหลุนหรือไม่..”
  “ในเมื่อหลี่เคิ่นวู๋กล้าแตะต้องน้าหญิงของข้าข้าก็จำเป็นต้องสังหารเขา!”
  เนื่องจากหลี่เคิ่นวู๋เป็นผู้ที่มีความเป็นเลิศในด้านวรยุทธหากเขาได้ประมือกับหลี่เคิ่นวู๋ก่อนหน้านี้ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าระหว่างเขากับหลี่เคิ่นวู๋นั้น ผู้ใดจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และผู้ใดจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะกันแน่
  แต่แน่นอนว่า..หลิงหยุนกำลังหมายถึงการประมือด้วยวรยุทธเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่นับรวมถึงไพ่ตายมากมายในมือของเขา!
  เพราะหากหลิงหยุนใช้ไพ่ในมือที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยหลี่เคิ่นวู๋ย่อมต้องพ่ายแพ้ให้แก่เขาอย่างแน่นอน แต่ที่หลิงหยุนกังวลก็คือว่า หากปล่อยหลี่เคิ่นวู๋ไป เขาอาจจะกลับมาสร้างปัญหาให้กับคนรอบตัวหลิงหยุนในวันข้างหน้าได้..
  เพราะหลี่เคิ่นวู๋นั้นนับว่าเป็นชายหนุ่มที่ยะโสโอหังและถือตัวอย่างมาก เมื่อครั้งที่เขาปรากฏตัวบนยอดเขาแห่งนี้ เขาก็ปรากฏตัวในชุดเสื้อคลุมสีขาวอย่างสง่างาม
  แต่สภาพของหลี่เคิ่นวู๋เวลานี้..เสื้อคลุมสีขาวสะอาดเมื่อครู่ ได้ถูกยันต์เตโชเผาไหม้ไปหมดแล้ว และกระบี่ที่รักยิ่งของเขาก็ถูกหลิงหยุนฟันขาด อีกทั้งเนื้อตัวเวลานี้ก็ถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม และมีเลือดไหลออกมาทั่วร่างกาย สภาพเช่นนี้.. มีหรือที่หลี่เคิ่นวู๋จะไม่รู้สึกอับอาย!
  หลี่เคิ่นวู๋ผู้หยิ่งยะโสและถือดีแต่เวลานี้กลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นนอนว่าย่อมต้องรู้สึกเจ็บปวด และอับอายยิ่งนัก แล้วมีหรือที่เขาจะไม่รู้สึกเคียดแค้นหลิงหยุนกับฉินตงเฉี่วยสุดใจ..
  และด้วยอุปนิสัยของหลิงหยุนมีหรือที่เขาจะยอมให้คนเช่นนี้มีชีวิตรอดลงจากเขาหลงเหมินได้ นั่นไม่เท่ากับเป็นการปล่อยเสือเข้าป่าอย่างนั้นหรือ?
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลี่เคิ่นวู๋รีบกระโดดเข้าไปหาหลิงหยุนทันที พร้อมกับยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นพนมไว้ที่หน้าอก แล้วพูดขึ้นว่า..
  “อามิตตาพุทธ..ในเมื่ออาตมาอยู่ที่นี่ด้วย ย่อมไม่สามารถปล่อยให้ประสกสังหารคุณชายหลี่ได้อย่างแน่นอน! ขอประสกน้อยได้โปรดล้มเลิกความตั้งใจเสียเถิด!”
  น้ำเสียงของหลวงจีนเจี๋วยหยวนนั้นไม่ใช่การบีบบังคับแต่เป็นน้ำเสียงของการอ้อนวอน แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจแรงกล้าของหลวงจีนเจี๋วยหยวน ที่ต้องการจะปกป้องชีวิตของหลี่เคิ่นวู๋..
  แต่หลิงหยุนก็ยังคงคืนยันหนักแน่น“ไต้ซือ.. หากข้ายืนกรานจะสังหารเขาให้ได้ ท่านจะขวางข้าจริงๆงั้นรึ”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนยิ้มขื่นพร้อมตอบกลับไปว่า“เมื่อครู่อาตมาเห็นวิชาตัวเบาของประสก นับว่าเป็นวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศยิ่งนัก! แต่อาตมาก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถคุ้มครองประสกหลี่ได้อย่างแน่นอน!”
  หลิงหยุนเองก็มั่นใจว่าด้วยฤทธิ์ของยันต์เทวะเหินประกอบกับความเร็วของวิชาตัวเบาของตนเองหลวงจีนเจี๋วยหยวนไม่น่าจะรวดเร็วไปกว่าเขาอย่างแน่นอนเช่นกัน..
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนบอกว่า..หากเขาอยู่ใกล้กับหลี่เคิ่นวู๋ในระยะสามเมตร หลิงหยุนจะไม่สามารถทำอันตรายหลี่เคิ่นวู๋ได้แน่…..novel-lucky
  จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปมองนักพรตชงซวี..
  นักพรตชงซวียิ้มขื่นเช่นกันพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลิงหยุน.. ข้าเองก็เช่นกัน! คืนนี้ยังไงเจ้าก็ห้ามสังหารคุณชายหลี่!”
  หลิงหยุนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเขาเงื้อกระบี่ในมือขึ้นเตรียมพร้อม ในขณะเองนักพรตชงซวีก็พูดต่อว่า..
  “หลิงหยุน..เจ้าต้องเข้าใจว่าที่ข้ากับไต้ซือเจี๋วยหยวนทำเช่นนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเจ้า แต่พวกเรากำลังช่วยเจ้าต่างหากเล่า..”
  “แต่ข้าก็ยังต้องการทดสอบอยู่ดี..”
  หลิงหยุนใช้มังกรคำรามร้องตอบและเสียงของเขาก็ดังไปทั่วทั้งเขาหลงเหมิน ในเวลาเดียวกันก็ใช้วิชาเงาลวงตาเข้าล้อมร่างของหลี่เคิ่นวู๋ไว้ และเวลานี้ก็มีหลิงหยุนถึงสิบสองคนมรากำลังล้อมหลี่เคิ่นวู๋ไว้ตรงกลาง..
  วิชาเงาลวงตาครั้งนี้ทำให้หลิงหยุนสามารถแยกร่างออกมาได้ถึงสิบสองร่าง!
  และนี่คือเงาลวงตาขั้นสูงสุดหลังจากที่หลิงหยุนได่ใช้ยันต์เทวะเหินเข้าช่วย..
  เคร้ง..เคร้ง..
  เสียงอาวุธทั้งสองชนิดกระทบกันดังกังวานขึ้นอย่างต่อเนื่องและคฑาในมือของหลวงจีนเจี๋วยหยวนก็กระแทกเข้ากับกระบี่ทั้งสิบสองเล่มของหลิงหยุนในทันที!
  ภายในเวลาอันรวดเร็วร่างของหลิงหยุนก็กลับเข้าไปยืนในตำแหน่งเดิมราวกับว่าไม่เคยได้เคลื่อนไปที่ใดมาก่อน มีเพียงแขนขวาที่รู้สึกเจ็บปวด และชาไปตลอดทั้งแขน..
  หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาแยกร่างได้ถึงสิบสองร่างแต่กลับถูกคฑาของหลวงจีนเจี๋วยหยวนสกัดไว้ได้ทั้งหมดในชั่วพริบตา!
  ‘แค่หลวงจีนแก่ๆของวัดเส้าหลินรูปเดียว แต่เหตุใดจึงได้มีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้นะ!’
  “อามิตตาพุทธ..อาตาขออภัยที่รุนแรงกับประสก! ประสกน้อย.. ถือว่าเป็นคำร้องขอจากอาตมาก็ได้..”
  “ได้โปรดล้มเลิกความคิดที่จะสังหารประสกหลี่ด้วยเถิด..!”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนกลับไปยืนในตำแหน่งเดิมเช่นกันใบหน้าสีแดงเข้มของเขากลับคืนสู่ความเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว..
  หลิงหยุนรู้สึกตกใจอย่างที่สุด!
  แต่ถึงกระนั้น..ก็ไม่ใช่หลิงหยุนที่ตกใจอยู่ฝ่ายเดียว หลวงจีนเจี๋วยหยวนเองก็เพิ่งเข้าใจว่า เหตุใดนักบวชจากเขาหลงหู่ และมือกระบี่ทั้งสามของสำนักคุนหลุนถึงได้พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนในเวลาอันรวดเร็วเช่นนั้น!
  หลิงหยุนไม่เพียงมีวิชาตัวเบาที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์แต่พลังของเขานั้นยังมหาศาลอีกด้วย!
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนได้แต่คิดว่าทั้งนักบวชจากเขาหลงหู่ และมือกระบี่สำนักคุนหลุนนั้น ถึงแม้ไม่ตายก็ต้องได้รับความอับอายอย่างมาก เพราะทั้งหมดต่างก็เป็นฝ่ายรุมล้อมหลิงหยุน แต่กลับไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวได้..
  เช่นนี้แล้ว..การตายน่าจะดีกว่าด้วยซ้ำไป!
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนนั้นแม้จะเพิ่งเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-9 แต่ขั้นเซียงเทียน-9 อย่างไรก็คือขั้นเซียงเทียน-9!
  แม้กระนั้น..หลังจากที่ปะทะกับกระบี่ของหลิงหยุนไปถึงสิบสองครั้ง พลังของหลวงจีนเจี๋วยหยวนก็ถูกใช้ไปถึงสามสิบส่วนในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งเวลานี้เขาเองก็ยังรู้สึกชาไปทั่วทั้งแขนอีกด้วย!
  นี่ยังไม่นับรวมข้อได้เปรียบของหลวงจีนเจี๋วยหยวนที่ใช้คฑาซึ่งมีน้ำหนักกว่ากระบี่ของหลิงหยุนมาก!
  “ฝีมือของไต้ซือไม่ธรรมดาเลยจริงๆ..”
  หลิงหยุนกำลังพยายามระงับเลือดที่อยู่ภายในจุดตันเถียนพร้อมกับกล่าวชื่นชมหลวงจีนเจี๋วยหยวนจากใจ..
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบหลิงหยุนไปว่า“ประสกน้อยกล่าวชมอาตมากเกินไป! หากประสกไม่ผ่านการต่อสู้กับยอดฝีมือหลายท่านมาก่อนหน้านี้ และพลังปราณยังคงสมบูรณ์สูงสุดแล้วล่ะก็.. อาตมาก็คงยากที่จะเอาชนะประสกได้!”
  ท่าทางที่เป็นมิตรและอ่อนน้อมถ่อมตนของหลวงจีนเจี๋วยหยวนนั้น ทำให้หลิงหยุนไม่ต้องการต่อสู้กับเขาต่อ..
  หลิงหยุนจัดเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองหลวงจีนเจี๋วยหยวนกับนักพรตชงซวีพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ดูเหมือนพวกท่านทั้งสองต้องการที่จะช่วยเขาให้ได้สินะ!”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนเห็นหลิงหยุนเก็บกระบี่เข้าไปเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีพร้อมกับพูดออกไปว่า
  “ประสกทำถูกต้องแล้ว..ดูเหมือนประสกจะมีชะตาต้องกับพุทธองค์จริงๆ!”
  แต่หลิงหยุนกลับมีสีหน้าเย็นชาและไม่สนกับคำชมของหลวงจีนเจี๋วยหยวนเลยแม้แต่น้อย..
  “เอาล่ะ..ข้าจะไม่สังหารเขาก็ได้! แต่ข้าขอถามอะไรเขาสักสองสามคำถามจะได้หรือไม่..”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนตอบกลับในทันที“เชิญประสกสอบถามได้ตามสบาย!”
  “หลี่เคิ่นวู๋ข้าขอถามเจ้า.. เหตุใดสำนักกระบี่คุนหลุนจึงต้องออกหน้าให้กับสำนักดาบสวรรค์เช่นนี้ เจ้าตอบข้ามา..”
  หลี่เคิ่นวู๋เห็นว่าครั้งนี้ในที่สุดตนเองก็สามารถมีชีวิตรอดได้แม้อยากจะยะโสโอหังเช่นเคย แต่ก็ไม่กล้า และตอบหลิงหยุนไปตามตรง
  “เจ้าสำนักดาบสวรรค์ก็คือศิษย์ที่ออกจากสำนักกระบี่คุนหลุน และนี่คือเหตุผลที่ข้าต้องออกหน้าช่วยพวกเขา”
  หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้..แม้ว่าหลี่เคิ่นวู๋จะตอบหลิงหยุนตามตรง แต่น้ำเสียงของเขานั้นก็บ่งบอกว่ายังเคียดแค้นหลิงหยุนอยู่มาก หลิงหยุนจึงค่อนข้างอึดอัดใจเล็กน้อย และพูดกับหลี่เคิ่นวู๋ไปว่า
  “หลี่เคิ่นวู๋..ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่อย่าคิดว่าครั้งนี้มีคนช่วยเจ้าแล้วข้าจะไม่กล้าสังหารเจ้าล่ะ! หากข้ายืนกรานที่จะฆ่าเจ้าจริงๆ ต่อให้เป็นเซียนก็ยากที่จะช่วยเจ้าได้!”
  หลิงหยุนร้องเตือนหลี่เคิ่นวู๋ด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วจึงเริ่มถามคำถามต่อไป..
  “สำนักกระบี่คุนหลุนกับสำนักกระบี่เทวะแห่งเขาเทียนซันเกี่ยวข้องกันหรือไม่ และเคยไปมาหาสู่กันหรือไม่?”
  ที่หลิงหยุนถามคำถามนี้กับหลี่เคิ่นวู๋ก็เพราะเกี่ยวพันถึงนางฉินจิวยื่อซึ่งแม่ของเขา!
  หลี่เคิ่นวู๋ได้ฟังคำถามของหลิงหยุนก็ถึงกับงุนงงพร้อมกับพึมพำออกไปว่า “สำนักกระบี่เทวะงั้นรึ เขาคุนหลุนอยู่ห่างจากเขาเทียนซันนับพันลี้ อีกทั้งยังมีแอ่งทาริมขวางกั้นระหว่างสองขุนเขา จะไปมาหาสู่กันได้อย่างไรเล่า?”
  หลิงหยุนขมวดคิ้วแน่นและเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองคงจะถามคนผิดไป..