ตอนที่ 806 ชัยชนะ!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 806 ชัยชนะ!

ประกายแสงโปรยปรายจากขอบฟ้า

ทั่วทั้งบริเวณกลับตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนสาดสายตาตกตะลึงเมื่อมองไปที่ขอบฟ้า

สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและตกตะลึง เห็นชัดว่าไม่มีใครคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้

นั่นคือโยวหมิงนะ!

จอมยุทธ์เหี้ยมโหดอันดับสองของบันทึกมังกรหงส์ นอกเหนือจากฟังยี่เขาก็เป็นคนที่อัจฉริยะหลายคนยกย่อง แม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างหลิ่วเหยียนและคนที่อยู่ระดับเดียวกันอย่างซูปี้เยี่ยและคนอื่นๆ ยังต้องหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับโยวหมิง

การปะทะก่อนหน้าอย่าว่าแต่มู่เฉินที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสามเลย ต่อให้เป็นหลิ่วเหยียน ซูปี้เยี่ยหรือคนอื่นก็ไม่สามารถรับการโจมตีเช่นนั้นได้!

ทว่าความจริงช่างเต็มไปด้วยปาฏิหาริย์…

ทุกสายตาจ้องมองร่างสูงโปร่งอ่อนเยาว์ด้วยแววตกตะลึง ความเงียบงันกินเวลาอยู่นานก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเสียงฮือฮา

บนท้องฟ้า ซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเฉวียนมองหน้ากัน จากนั้นแววสั่นไหวและรอยยิ้มขื่นก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา

“มู่เฉิน…ทรงพลังจริงๆ” ติงเฉวียนเอ่ย แม้แต่คนที่ชอบการต่อสู้อย่างเขายังต้องยอมรับว่าการแสดงศักยภาพของมู่เฉินตื่นตาจนลืมหายใจไปเลยทีเดียว เพราะเขารู้ว่าหากตนเองอยู่ในตำแหน่งของมู่เฉิน ต่อให้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็ต้องชดเชยด้วยราคาแพงลิ่ว

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หลิ่วเหยียนแพ้เขา” ซูปี้เยี่ยกับหงหยูพยักหน้า ถ้าก่อนหน้าพวกนางคิดว่าหลิ่วเหยียนประมาทต่อมู่เฉินจนพ่ายแพ้ละก็ ตอนนี้พวกนางก็เข้าใจแล้วว่ามู่เฉินครอบครองพลังที่น่ากลัวจริงที่สามารถเอาชนะหลิ่วเหยียนได้

“ดูท่าหลังจากจบศึกมังกรหงส์ครั้งนี้ ชื่อเสียงของมู่เฉินจะขจรขจายไปทั่วภูมิภาคทางเหนือแน่นอน…”

ขณะที่ทั่วบริเวณตกอยู่ในความโกลาหล มู่เฉินที่อยู่บนท้องฟ้าก็ไม่ได้สนใจเลย สีหน้าของเขาซีดเซียวอย่างที่สุด การใช้วิชาแสงบุปผาทำลายลายเมื่อครู่กินพลังของเขาอย่างใหญ่หลวง

แต่แม้ว่าแสงบุปผาทำลายฟ้าของดอกแมนดาลาจะสามารถต้านกระบวนท่าสังหารของโยวหมิงได้ แต่ร่างกายของมู่เฉินก็ไม่ได้ผ่อนคลายลง สายตาแหลมคมพุ่งตรงไปที่โยวหมิงที่อยู่ห่างออกไป ทว่าตอนนี้ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายกลับเขียวคล้ำ แม้แต่สายตาก็เย็นเยือกลงกว่าเดิม

เห็นชัดว่าความล้มเหลวนี้จุดเพลิงโทสะให้กับคนเจ้าเล่ห์และเหี้ยมโหดเข้าให้แล้ว

เขาไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า ท่าไม้ตายที่เขามั่นใจหนักหนากลับถูกจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามต้านทานไว้ได้!

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่หลิ่วเหยียน ซูปี้เยี่ยและคนอื่นยังต้านทานไม่ได้!

“ฮ่าๆ ครั้งนี้ข้าประมาทแกไปแล้วจริงๆ…” สายตาของโยวหมิงบาดลึกราวกับจะเจาะทะลวงร่างมู่เฉิน เสียงลึกต่ำที่อัดแน่นด้วยเพลิงโทสะดังก้อง

“แต่ว่าการต้านรับเมื่อครู่คงทำให้แกใช้คลื่นหลิงในตัวหมดแล้วสินะ? แกจะทำอะไรต่อไปได้อีกเหรอ?!” น้ำเสียงของโยวหมิงฟังดูน่าขนลุกขณะที่รังสีสังหารพวยพุ่งออกจากร่างทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง

“โยวหมิง!”

ขณะที่โยวหมิงเพลิงโทสะสุมเต็มอก เสียงตะโกนกร้าวก็ดังขึ้นจากอีกฝั่ง เสียงนั้นทำให้โยวหมิงถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขารีบหันหน้าไปมองยังทิศทางนั้น ในสมรภูมิของไฉ่เซียวกับฟังยี่ แรงดึงดูดที่แผ่ออกมาจากกระแสน้ำวนสายรุ้งเพิ่มขึ้น รอยร้าวละเอียดปรากฏบนดอกบัวใต้ร่างของฟังยี่

บนดอกบัวใบหน้าของฟังยี่เคร่งขรึมผิดปกติ คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากร่างกายของเขาอย่างไม่สิ้นสุดเทลงไปในดอกบัวเพื่อเสริมพลังต้านทาน

ยามนี้เขาได้แต่ขมขื่นในใจ ก่อนหน้านี้ความตั้งใจของเขาพุ่งไปที่สมรภูมิของโยวหมิงกับมู่เฉิน แต่ใครจะคิดว่าท่าไม้ตายของโยวหมิงจะถูกมู่เฉินต้านไว้ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ทำให้เขาหัวใจสั่นสะท้านแค่ไหน ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ในการควบคุมคลื่นหลิงของเขา

ด้วยสายตาเฉียบแหลมของไฉ่เซียว ต่อให้ฟังยี่มีรูโหว่เล็กจิ๋วนางก็ยังจับจุดได้ ดังนั้นเมื่อแรงดึงดูดกวาดออกไปก็ทำให้เกิดรอยร้าวบนดอกบัว ส่งผลให้มันสูญเสียพลัง แม้ฟังยี่จะรีบแก้ไขสถานการณ์ทันท่วงที แต่เขาก็สูญเสียโอกาสสำคัญไปแล้ว…

ในการเผชิญหน้าเช่นนี้ หากเขาสูญเสียโอกาสชี้ขาด ก็เพียงพอที่จะทำให้แพ้

ดังนั้นภายใต้กระแสน้ำวนสายรุ้งที่หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว คลื่นหลิงปริมาณมหาศาลรอบร่างฟังยี่ก็ถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างไม่สิ้นสุด รอยร้าวบนตัวดอกบัวยังพล่านออกไปเรื่อยๆ เห็นชัดว่าเขาทนได้ไม่นานแล้ว

ในช่วงเวลาดังกล่าวแม้แต่คนที่สงบนิ่งอย่างฟังยี่ยังอดตะโกนเรียกโยวหมิงไม่ได้ เพราะว่าถ้าโยวหมิงยังกำจัดมู่เฉินไม่ได้อีก เขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของฟังยี่ สายตาของโยวหมิงก็เปลี่ยนไป สุดท้ายเขาก็กัดฟันแน่นกระทืบเท้าทำให้มิติบิดเบี้ยวพร้อมกับร่างเขาหายไป

แต่เมื่อโยวหมิงหายไป ปีกหงส์ฟ้าขนาดใหญ่ก็สยายที่แผ่นหลังมู่เฉิน เพียงกระพือครั้งเดียว ร่างเขาก็ไปปรากฏตัวในอีกหลายพันจั้ง

ในจังหวะนั้น โยวหมิงก็มาปรากฏตรงจุดที่มู่เฉินเคยอยู่ เขามองมู่เฉินที่ตั้งรับได้และหนีไปไกลด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

เห็นชัดว่าอีกฝ่ายจับการกระทำของเขาได้

“ดูเหมือนพวกแกจะเป็นฝ่ายแพ้แล้วนะ” มู่เฉินมองโยวหมิงจากระยะไกลพร้อมกับรอยยิ้มผุดบนใบหน้าซีดเซียว

“ทำไม? ตอนนี้แกทำได้แค่หนีไปแบบลูกหนูงั้นเรอะ?” โยวหมิงแค่นเสียง เมื่อพูดจบร่างก็วาบหายไปอีกครั้ง

วาบ!

มู่เฉินทะยานตัวออกไปไกลอีกครั้งหนึ่งพลางเอ่ยเสียงเบา “ทำไมต้องมาใช้วิธียั่วให้เข้าสู้ด้วยล่ะ?”

มู่เฉินรู้ชัดว่าโยวหมิงต้องการบีบให้เขาสู้กัน แต่ทำไมเขาต้องโง่ทำตามด้วยล่ะ? นอกจากนี้หลังจากการต่อสู้ขมขื่นก่อนหน้า คลื่นหลิงในร่างเขาก็ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม หากต้องสู้กันซึ่งหน้ากับโยวหมิงตอนนี้ละก็ นับเป็นการกระทำที่โง่เง่าแบบสุดๆ

ตอนนี้เขาต้องทำเพียงลากเวลาออกไปจนกระทั่งพวกเขาได้รับชัยชนะ นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าฟังยี่กับโยวหมิงที่เคยสงบนิ่งเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว

เนื่องจากการที่โยวหมิงสูญเสียความสงบนิ่งไปนี่เอง มู่เฉินถึงได้หลบหนีการไล่ตามของเขาได้

บนท้องฟ้า ร่างสองร่างวูบไหวไปมา ฝ่ายหนึ่งไล่ตามฝ่ายหนึ่งเหาะหนี แม้ทุกชั่วเวลาจะอันตราย แต่มู่เฉินก็ไม่เปิดโอกาสให้โยวหมิงโจมตีอะไรได้

การไล่ล่าและหลบหนีทำอยู่หลายรอบ ทุกคนสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารแรงกล้ารอบตัวโยวหมิง สายตามืดครึ้มราวกับอยากจะฉีกทึ้งมู่เฉินเป็นชิ้นๆ

แสงวูบไหวอีกครั้งหนึ่งขณะร่างของโยวหมิงหยุดนิ่ง เขามองมู่เฉินด้วยสายตามืดมน ทำให้ร่างกายของฝ่ายหลังเกร็งขึ้นพร้อมตั้งรับอยู่ในใจ

โยวหมิงไม่ได้โจมตีออกไปด้วยแรงโทสะอีก แต่สูดหายใจลึกก่อนที่ความโกรธในดวงตาจะค่อยๆ จางหายไป เขาไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นจึงรู้ว่าถ้าเขายังอยู่ในสภาพแบบนี้ ก็ไม่มีทางจะจับมู่เฉินได้

เมื่อสายตาของโยวหมิงค่อยๆ เปลี่ยนกลับเป็นเฉยเมย หัวใจของมู่เฉินก็กระตุก ชายคนนี้รับมือยากยิ่งนัก เขาสามารถระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว โยวหมิงที่อยู่ในอาการสงบนับว่าอันตรายที่สุด

โยวหมิงส่งสายตาเย็นชาให้มู่เฉิน ก่อนจะวาดตราประทับอย่างรวดเร็วด้วยสองมือ แสงดำมืดพุ่งออกจากร่างเปลี่ยนเป็นเงาร่างเลือนรางสีดำสองร่าง

ร่างของโยวหมิงค่อยๆ ดูพร่าเลือนกลายเป็นแบบเดียวกับร่างสองร่างที่เขาเรียกออกมา

วาบ!

ร่างดำมืดทั้งสามหายไปอย่างผิดปกติ

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปพร้อมกับปีกหงส์ฟ้าเบื้องหลังขยับกระพือ เขาถอยไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่กวาดมาหา

ฮึ่ม!

ทันทีที่มู่เฉินพุ่งหลบออกไป มิติรอบด้านก็บิดเบี้ยว ระลอกมิติกระเพื่อมในสามทิศทางก่อนที่ร่างสามร่างจะปรากฏตัว ปิดกั้นทางหนีทีไล่ของมู่เฉินไว้

“ข้าจะดูว่าแกจะหนีไปยังไง!”

ร่างทั้งสามเอ่ยน่าขนลุกขณะตราประทับฝ่ามือพร้อมกับรังสีสังหารแรงกล้าปิดล้อมร่างของมู่เฉินไว้ ตัดสินจากภาพนี้ หากเขาถูกโจมตีเข้าก็คงได้รับบาดเจ็บหนักต่อให้มีกายามังกรหงส์ก็ตาม

เผชิญหน้ากับการโจมตีฉับพลันของโยวหมิง มู่เฉินก็ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว ดวงตาจึงกะพริบอย่างบ้าคลั่ง

ตู้ม!

ทว่าเวลาเดียวกันกับที่โยวหมิงลงมือ ก็เกิดความวุ่นวายน่าตกใจขึ้น นั่นเป็นเพราะสมรภูมิอีกด้านหนึ่ง ดอกบัวใต้ร่างของฟังยี่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงดูดทรงพลังได้อีกต่อไป แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เมื่อดอกบัวแตกสลาย ร่างของฟังยี่ก็เผยให้เห็นภายใต้แรงดูด ร่างเขาถูกลากเข้าไปอย่างรุนแรง ขยับเข้าไปใกล้กระแสน้ำวนสายรุ้ง

ไฉ่เซียวมองฟังยี่ที่ถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนอย่างเย็นชา ทันทีที่เขาถูกดูดเข้าไปในนั้นก็ต้องตายแน่ แม้กระทั่งวิญญาณก็ไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้!

ฟังยี่ดิ้นรนสุดพลังแต่ก็ไร้ประโยชน์ ในเวลานี้แม้เขาจะเรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมาก็ไม่มีประโยชน์แล้ว กระแสน้ำวนสายรุ้งครอบงำเกินไปจริงๆ

ใบหน้าของฟังยี่เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มไม่สงบนิ่งอีกต่อไป เขามองไปกระแสน้ำวนสายรุ้งที่ดึงตัวเขาเคลื่อนเข้าไปใกล้ ความผันผวนอันตรายที่แผ่ออกมาจากมันทำให้แม้แต่เขายังขนลุกชัน

“บ้าเอ๊ย!”

ฟังยี่ตะโกนออกอย่างอดไม่ได้พลางกัดฟันกรอด ก่อนชิ้นหยกโบราณสีแดงจะปรากฏในมือที่กำไว้ จากนั้นเขาก็ขยี้สุดแรงโดยไม่ลังเล

ปัง!

ชิ้นหยกโบราณแตกออก มิติรอบตัวเขาก็บิดเบี้ยวรุนแรงเกิดเป็นหลุมมิติดูดเขาเข้าไปข้างในแล้วหายตัวไป

“ข้าฟังยี่จะจดจำความอับอายวันนี้ไว้แล้วจะมาคิดบัญชีภายหลังแน่นอน!” ขณะที่ร่างของฟังยี่หายไป ประโยคกราดเกรี้ยวของเขาก็ดังสะท้อนไปทั่วสวรรค์และโลก

จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนตกตะลึงกับภาพนี้ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก…

ฟังยี่หนีไปแล้ว!

ชิ้นหยกโบราณที่เขาบดไปก่อนหน้าชัดว่าคือสมบัติปกป้องที่ทางหมู่ตึกเทวะให้ไว้ เมื่อบดขยี้ทิ้งก็จะสามารถหลบหนีผ่านมิติได้ ดังนั้นตอนนี้ฟังยี่น่าจะหนีออกจากเขตหลงเฟิ่งแล้ว ซี่งก็หมายความว่าเขาสละสิทธิ์การแข่งขันชิงมรดกมังกรหงส์ด้วยเช่นกัน…

ไฉ่เซียวมองฟังยี่ที่เลือกจะหนีในท้ายที่สุดด้วยสายตาเย็นชา อึดใจร่างนางก็วาบหายไป

อีกสมรภูมิฝ่ามือยักษ์ของเงาทั้งสามกำลังจะตบลงบนร่างมู่เฉินเพื่อสังหาร ทว่าดวงตาของเขาที่กะพริบอย่างบ้าคลั่งกลับสงบลง จากนั้นรอยยิ้มเยาะสายหนึ่งก็กระตุกบนริมฝีปากส่งไปให้โยวหมิง

“ขอโทษนะ พวกข้าชนะแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน โยวหมิงก็สะดุ้งในหัวใจ แสงรุนแรงวูบไหวในม่านตา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ปล่อยไอ้เวรนี่ไปไม่ได้!

ตู้ม!

รังสีสังหารพลุ่งพล่านรอบตัวโยวหมิง ฝ่ามือใหญ่ทั้งสามก็พุ่งไปที่ศีรษะของมู่เฉินอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า

ทว่าจังหวะนั้น ขณะที่ฝ่ามือกำลังจะซัดลงมา มือเย็นหนี่งก็ตบที่แผ่นหลังเขา เสียงเย็นเยือกเสียดกระดูกดังในโสตประสาท ทำเอาเขาชะงักค้างทันที

“ขยับอีกหน่อยเจ้าตายแน่”