ทุกคนที่ได้ยินแทบหยุดหายใจสัมผัสเย็บวาบกระจายไปทั่วห้องประชุมทันที
  จริงด้วย!
  นอกจากจุดประสงค์มันก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว!
  เมื่อไหรที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าล้มมันก็เป็นอัตรายต่อชีวิตของพวกเขาทุกคนรวมถึงชูฮัน
  มือของซูเฟิงกำหอกสีทองในมือแน่นอย่างเงียบๆแววตาาเป็นประกายจ้าอย่างเดือดดาล “น่าทึ่ง แต่ถ้าพวกมันกล้าจะทำแบบนี้ ก็ผ่านทีมนักฆ่าขนนกของฉันไปให้ได้ก่อนละกัน!”
  ทุกอย่างยังไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่เมื่อได้รับการวิเคราะห์ไตร่ตรองแล้ว ซูเฟิงก็มีความโกรธแค้นสุมอยู่ในอก ความทะเยอะทะยานของราชาลูกผสมมันมากขนาดต้องวางแผนการมากมายเพื่อจะตัดกำลังของชูฮันขนาดนี้?
  ”หึ!”
  น่าสมเพชที่ความตั้งใจของพวกมันถูกพวกเขาคาดเดาออกก่อนล่วงหน้าและก็ยังทำให้ซูเฟิงปรมรจารย์ระยะสูงสุดของกองทัพเขี้ยวหมาป่าโมโหอีก!
  ”ตึก!”
  เฉินช่าวเย่เอง็วางกระดูกไก่ลงมือเยิ้มน้ำมันเอื้อมไปจับปืนไรเฟิลของตัวเอง ท่าทางที่เงียบสงบมานานพลันกลายเป็นดุดันอย่างน่าเกรงขาม ชื่อของเทพเจ้ามือถือไม่ได้ได้มาเล่นๆ!
  กูเหลียงเฉินเพ่งมองแก้วน้ำตรงหน้าตัวเองสีหน้าอึมครึม และเอ่ยถามซางจิ่วตี้ขึ้นมา “หัวหน้าชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้ ตอนนี้ค่ายอยู่ภายใต้การดูแลของคุณจิ่วตี้ แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี พวกเราพร้อมรับฟังคำสั่งของคุณจิ่วตี้ครับ!”
  ”พรึบ!”   สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซางจิ่วตี้ทันทีอย่างพร้อมเพียงบรรยากาศนิ่งสงบ
  มองดูบรรยากาศของห้องประชุมหลูอี๋ที่นั่งเงียบปิดปากสนิทก็ช็อคค้าง เขาไม่เคยเห็นความเป็นหนึ่งเดียวและพร้อมเพียงของค่ายเขี้ยวหมาป่ามาก่อนจะกระทั่งตอนนี้ มันเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อ เขาเกรงว่าจากทุกค่ายทั่วทั้งจีนไม่น่าจะมีค่ายไหนเป็นอย่างค่ายเขี้ยวหมาป่าได้
  แต่ละคนไม่ว่าจะทหารหรือชาวบ้าน ทุกคนต่างพร้อมใจกันเป็นหนึ่งเดียวและกล้าหาญ!
  ดวงตาคู่งามของซางจิ่วตี้มีประกายวาวเธอสบตากับเหล่าผู้ติดตามของชูฮันอย่างเงียบๆ ความภาคภูมิในใจไม่สามารถปกปิดได้อยู่
  ดูสิชูฮัน…ถึงคุณจะไม่ได้อยู่ที่นี้ แต่ทั้งค่าย เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลาย ทุกคนต่างจดจำคำสั่งสองของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม!   ”ฉันก็ไม่รู้ว่าเราต้องเริ่มทำอะไรก่อนแต่ฉันรับประกันได้ว่าเมื่อไหร่ที่สงครามปะทุขึ้นมา มันจะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายหรือแปรทัพ และทรัพยากรที่จำเป็นทุกอย่างจะไม่หลุดจากระบบ ทุกอย่างจะต้องมีพร้อมใช้งาน” ซางจิ่วตี้พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ท่าทางกระตือรือร้นและภาคภูมิในตัวเองแสดงออกมาอย่างสง่างาม “คำถามสำคัญก็คือตอนนี้อีกฝ่ายตั้งใจจะโจมตีเรายังไง เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจำนวนของพวกมัน ความแข็งแกร่งของศัตร เวลาและแผนการต่อสู้ เราห้ามเพิกเฉยต่อเรื่องนี้”
  คำพูดของซางจิ่วตี้ทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบไปครู่หนึ่งทุกคนนิ่วหน้า ไม่ใช่เพียงแค่นั้นเพราะพวกเขาเองมีจุดด้อยที่สำคัญหลักๆที่เหมือนกันทุกคน…
  ”ชูฮันไม่ได้อยู่ที่นี้พวกเราจะสู้ศึกครั้งนี้ได้ยังไง?!” กูเหลียงพูดสิ่งที่ทุกคนกังวลเหมือนกันออกมา “แน่นอนว่าสนามรบเป็นประโยชน์ต่อเรา ในเมื่อเรารู้เจตนาของศัตรูล่วงหน้าแล้ว เราก็ควรจะจัดเตรียมสนามรบและเพิ่มความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของเรา เพื่อที่เมื่อสัตรูมาถึงเราจะได้เริ่มโจมตีก่อนเพื่อความได้เปรียบ แต่เราจะทำยังไงล่ะ นั่นคือประเด็น?”
  ทุกคนตกอยู่ในความเงียบหลูอี๋ที่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคนก็แสดงสีหน้าสยองขวัญ “อย่าบอกนะว่าในค่ายเขี้ยวหมาป่า นอกจากชูฮัน ไม่มีใครสามารถบัญชาการรบได้แล้ว?”
  ”ใช่”คำตอบของซูเฟิงนั้นรวดเร็วและมีอำนาจทำลายล้างสูงมาก
  ”พระเจ้า!”หลูอี๋หลุดอุทานตามออกมาแทบจะทันที “แล้วพวกคุณจะสู้ยังไง? ไม่มีใครอาสาเลย?”
  ”มันเป็นไปไม่ได้มันไม่ใช่การสู้กับฝูงซอมบี้ธรรมดาหรือกองกำลังศัตรู” กูเหลียงเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวล “แถมสงครามครั้งนี้ก็ยังยิ่งกว่าที่ผ่านทุกครั้ง กองทัพเขี้ยวหมาป่าเคยสู้กับกลุ่มลูกผสมเมื่อครั้งที่สงครามกลางภูเขา และตอนนี้พวกเราก็พยายามจนได้ชัยชนะมาอย่างยากลำบาก แต่นั่นก็เป็นเพราะการจัดแผนการรบครั้งนั้นไม่ใช่ฝีมือของราชาาลูกผสม ประกอบกับพวกเรามีกลยุทธ์ในการรบที่สมบูรณ์แบบของหัวหน้าชูฮัน เราถึงรอดกันมาได้” novel-lucky
  ”แต่ครั้งนี้มันเป็นแผนการที่วางโดยราชาลูกผสม…” ซางจิ่วตี้สีหน้าเศร้าสร้อย “พวกเราถูกหลอกเข้าเต็มๆ!”
  ”ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือกำลังใจของกองทัพ”กูเหลียงเฉินพูดต่อ “พวกเราคาดเดาความปลอดภัยของชูฮันจากรายชื่อบนเสาหิน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจเรื่องนี้ หลายคนสับสนได้ง่าย พวกเขายินยอมที่จะเชื่อข่าวลือมากกว่า และตอนนีผู้คนจำนวนมากในค่ายเขี้ยวหมาป่าต่างกำลังเป็นกำลังและพวกเขาก็เริ่มจะสร้างปัญหา”
  คำพูดของกูเหลียงเฉินทำให้อารมณ์ของหลาายคนดิ่งลงเข้าไปอีกลูกผสมพากองทัพซอมบี้มุ่งหน้ามา และไหนจะข่าวลือที่กระจายไปทั่วว่าชูฮันตาายแล้ว
  ตอนนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่อย่างแท้จริง!
  และในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบสนิททันใดนั้นทหารรักษาความปลอดภัยที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูห้องประชุมก็วิ่งเข้ามากระซิบพูดบางอย่างที่หูซางจิ่วตี้
  ซางจิ่วตี้กระพริบตาทันทีมันมีสีหน้าอารมณ์ที่ผิดปกติไปปรากฏขึ้น
  ”เกิดอะไรขึ้น?หลูอี๋ที่ไม่ค่อยมีความอดทนเอ่ยถามทันที
  ซางจิ่วตี้มีสีหน้าแปลกประหลาดใจ”มีคนมาที่ประตู”
  ”ใคร?”
  แทบจะเป็นเสียงของทุกคนที่เอ่ยถามใครกันที่มาปรากฏตัวในเวลาแบบนี้ ใครกันที่สามารถทำให้ซางจิ่วตี้ที่เงียบมาตลอด มีปฏิกิยาแบบนี้ได้?
  และตอนนั้นเองมันก็มีเสียงแผ่วๆดังผ่านอากาศขึ้นมา “ฉันเอง”
  ตามมาด้วย—-
  ”ตึก!ตึก!”
  ไม่รีบเร่งหรือช้าเกินไปเสียงฝีเท้าที่ดังเป็นจังหวะต่อเนื่องก็ดึงขึ้น ไม่นานหลายคนก็มีสีหน้าประหลาดใจปนสนองปรากฏขึ้นเมื่อคนคนนั้นเริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
  ”นี้คือ…”ทุกคนตกใจอ้าปากคางแทบบจะถึงพื้น แขกที่มาเยือนดูปกติทั่วไป ยกเว้นแต่นัยน์ที่ดุดันจนน่ากลัว
  ”เหอเฟิง?!”มีเพียงแค่หลิวยู่ติงที่เคยอยู่ที่ซางจิง ตกใจอย่างไม่อยากกเชื่อสายตาตัวเอง “คุณ? คุณ คุณ คุณ?”
  เหอเฟิงมาที่นี้ได้ยังไง?
  คนอื่นๆตกใจยิ่งกว่านี้คือสถานที่ลับสุดยอดของค่ายเขี้ยวหมาป่า คนนอกรู้ได้ยังไงว่าห้องประชุมอยู่ตำแหน่งนี้?
  ไม่มีคนขวางเหอเฟิงก่อนจะมาถึงนี้เหรอไง?   แล้วเหอเฟิงคือใคร?
  เหอเฟิงเองก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะอธิบายอะไรเลยเขามองแค่มองไปรอบๆและยิ้ม “ติงซือเย้าได้แนะนำการแบ่งแผนกทั้งหลายของค่ายเขี้ยวหมาป่าให้ฉันฟังแล้ว เรามาคุยเรื่องกลยุทธ์รบกันเถอะ?”
  ทุกคนช็อคอีกครั้งบ้าบออะไรกัน?
  และครั้งนี้ทุกคนก็ได้เห็นติงซือเย้าที่เดินตามหลังเหอเฟิงเข้ามา
  ติงซืเย้าทำตัวไม่ถูกทันทีเขาไม่รู้ว่าจู่ๆเหอฟิงกัปตีนทีมฮูหยามาปรากฏตัวที่นี้ได้ยังไง แล้วยังเอ่ยชื่อเขาขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะเดินผ่านทางเข้าเข้ามาอย่างตั้งใจแล้ว
  ยังจงใจหาพวกอีก
  ติงซือเย้าไม่ใช่คนใสซื่อตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมกำลังมองมาที่ติงซือเย้าด้วยสายตา…คนทรยศ!