เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1513 รางวัล

แปลโดย iPAT

 

ขณะที่หอดอกไม้ร่วงโรยบินลงมา กลีบดอกไม้จำนวนมากก็โปรยปายลงมาพร้อมกับส่งกลิ่นดอกไม้อบอวลอยู่ในอากาศ

 

เมื่อกลีบดอกไม้ตกลงบนพื้น พวกมันก็หายไปราวกับหยดน้ำที่ไหลลงอยู่ทะเลสาบ

 

ต่อมาพื้นทรายก็กลายเป็นพื้นโคลนในเวลาสองถึงสามลมหายใจ

 

ต้นกล้าเริ่มเติบโตขึ้นก่อนจะกลายเป็นดอกไม้ที่บานสะพรั่ง

 

เมื่อหอดอกไม้ร่วงโรยลงมาถึงพื้น ทะเลทรายบริเวณนี้ก็กลายเป็นทะเลดอกไม้หลากหลายสีสันไปแล้ว

 

ฟางหยวนหยุดกองทัพอสูรวิญญาณของเขาและเฝ้ามองโดยไม่เคลื่อนไหว

 

ประตูหอดอกไม้ร่วงโรยเปิดออกขณะที่ผู้อมตะสามคนเดินออกมา

 

คนแรกคือฟางอันเล่ยผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟาง นางมีรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาและอวบอ้วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มของนางดูเป็นมิตรและให้ความรู้สึกอบอุ่น

 

ฟางหยวนตรวจสอบมาแล้ว เขารู้ว่าหญิงผู้นี้มักเป็นคนจัดการเรื่องภายนอกของตระกูล นางมีประสบการณ์มากมายและเชี่ยวชาญด้านการเจรจา

 

นอกจากฟางอันเล่ยยังมีผู้อมตะระดับหกอีกสองคน พวกเขาต่างเป็นคนที่คุ้นเคย

 

คนซ้ายหล่อเหลา ดวงตาส่องประกายราวกับดวงดาว เขาร่าเริงและมีชีวิตชีวา ฟางหยุน

 

คนขวาดูเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่ยโส เขาคือดาวรุ่งของตระกูลฟาง ฟางเล้ง

 

“ยินดีที่ได้พบ ข้าคือฟางอันเล่ย”

 

“ฟางหยุน (ฟางเล้ง) ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตในครั้งก่อน”

 

สามผู้อมตะเดินออกมาและทักทายฟางหยวนอย่างสุภาพ

 

ฟางหยวนแสดงออกด้วยท่าทีเคร่งขรึม แม้อสูรวิญญาณของเขาจะไม่เคลื่อนไหว แต่พวกมันก็ดูดุร้ายและปลดปล่อยจิตสังหารออกมาเล็กน้อย

 

เปรียบเทียบกับตระกูลฟางที่แสดงออกอย่างอบอุ่นและสุภาพ พวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆและกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่ต้องการผลประโยชน์ใดๆ แต่ข้าเข้าใจความคิดของฝ่ายธรรมะเช่นพวกเจ้า”

 

“ท่านเข้าใจพวกเราจริงๆ ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลฟาง ข้ามาที่นี่ไม่เพียงเพื่อขอบคุณแต่ยังต้องการสร้างความร่วมมือ” ฟางอันเล่ยยิ้ม

 

“สร้างความร่วมมือ?” ฟางหยวนทำท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย

 

ฟางอันเล่ยก้าวถอยหลังและเชื้อเชิญ “เราเตรียมชาไว้แล้ว ท่านต้องการเข้าไปหารือกับพวกเราด้านในหรือไม่?”

 

โดยทั่วไปคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะแข็งแกร่งภายนอกและอ่อนแอภายใน มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงไม่กี่หลังที่ภายในแข็งแกร่งกว่าภายนอก ตัวอย่างเช่นคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬของเผ่าไห่

 

เห็นได้ชัดว่าหอดอกไม้ร่วงโรยเป็นอย่างแรก คำเชิญของฟางอันเล่ยแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของพวกนาง

 

กระทั่งมันจะเป็นกับดัก แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว

 

“อืม” ฟางหยวนพยักหน้า เขาเก็บกองทัพอสูรวิญญาณเข้าไปในมิติช่องว่างก่อนจะเดินเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรย

 

ภายในหอดอกไม้ร่วงโรยถูกตกแต่งอย่างงดงาม มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่อยู่กลางห้องขณะที่ชาถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว

 

หลังจากเชิญฟางหยวนั่งลง ฟางอันเล่ยก็นั่งลง

 

“นี่คือชาหอมเจ็ดลี้ของตระกูลฟาง โปรดประเมิน” ฟางอันเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ฟางหยวนมองมันและพยักหน้า

 

ชาหอมเจ็ดลี้เป็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลฟาง มันไม่ใช่ชาทั่วไป

 

หลังจากดื่มไประยะหนึ่ง ทั้งปากและร่างกายของผู้ดื่มจะปลดปล่อยกลิ่นหอมของชาออกมา

 

หากพวกเขาดื่มเจ็ดถ้วย พวกเขาจะปลดปล่อยกลิ่นชาออกมาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนและกระจายไปถึงเจ็ดลี้ แต่หากพวกเขาดื่มมากกว่านั้น ผลลัพธ์จะไม่เพิ่มขึ้นอีก นี่เป็นที่มาของชื่อชาหอมเจ็ดลี้

 

ฟางหยวนเคยได้ยินเรื่องนี้มาในชีวิตก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เพลิดเพลินกับมัน เขาจิบชาเบาๆก่อนจะเปิดปากถามอย่างตรงไปตรงมา “ตระกูลของพวกเจ้าต้องการสิ่งใด โปรดบอกข้า”

 

ฟางอันเล่ยได้ยินน้ำเสียงที่เยือกเย็นของฟางหยวนและคิด ‘คนผู้นี้เป็นเช่นที่ฟางหยุนและฟางเล้งกล่าวไว้ เขาเป็นคนเย่อหยิ่งและมั่นใจ เขากล่าวในสถานะเท่าเทียมแม้แต่กับกองกำลังใหญ่’

 

ฟางอันเล่ยไม่รู้สึกโกรธ

 

นางเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญมามากมาย บางคนประหลาด บางคนกระหายเลือด ฟางหยวนยังค่อนข้างปกติเมื่อเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้น

 

นางเผยรอยยิ้มและอธิบายเนื้อหาความร่วมมือด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน

 

“พวกเจ้าต้องการให้ข้ารวบรวมศิลาหยินหยางงั้นหรือ?” ฟางหยวนแสดงท่าทีราวกับกำลังครุ่นคิด

 

ศิลาหยินหยางเป็นทรัพยากรอมตะระดับหกที่ปรากฏขึ้นในทะเลทรายผีเขียวและมีปริมาณค่อนข้างมาก

 

หินชนิดนี้จะมีสีดำครึ่งหนึ่งและสีขาวอีกครั้งหนึ่ง มันจะเติบโตขึ้นในสถานที่ที่มีสิ่งมีชีวิตตายอยู่เป็นจำนวนมาก

 

เห็นได้ชัดว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นสถานที่อันตราย

 

แต่สถานที่อันตรายลักษณะนี้ไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับฟางหยวนในปัจจุบัน

 

‘ข้ามีกองทัพอสูรวิญญาณ ข้าเปิดเผยพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดออกมา การรวบรวมศิลาหยินหยางเป็นเรื่องง่าย ปัญหาเดียวคือพวกมันกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ข้าต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการรวบรวมพวกมัน’ ฟางหยวนคิด

 

ภารกิจนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับฟางหยวน

 

เขาต้องการรวบรวมแก่นแท้อสูรวิญญาณ การเดินทางไปรอบๆเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพบเห็นศิลาหยินหยาง ในความเป็นจริงตอนนี้เขาก็มีพวกมันเก็บไว้จำนวนหนึ่งแล้ว

 

สิ่งที่ฟางหยวนต้องพิจารณาคือเหตุใดตระกูลฟางถึงต้องการสร้างความร่วมมือนี้ สิ่งใดเป็นแรงจูงใจที่แท้จริงของพวกเขา?

 

‘เป็นเช่นที่ฟางอันเล่ยกล่าวไว้ ศิลาหยินหยางหายากแม้แต่ในสวรรค์สีเหลือง’

 

‘พวกเขาพยายามใช้เรื่องนี้เพื่อดึงข้าเข้าตระกูลหรือเพื่อเผยแพร่ข่าวการตอบแทนความเมตตาของพวกเขาออกไป?’

 

ตามเนื้อหาของการสร้างความร่วมมือ เมื่อฟางหยวนส่งมอบศิลาหยินหยาง เขาจะได้รับวิญญาณอมตะระดับหกเป็นรางวัล

 

ผลตอบแทนมหาศาล!

 

วิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเพียงหนึ่งเดียวแต่ตระกูลฟางกลับจะมอบมันให้เขาตราบเท่าที่เขาสามารถรวบรวมศิลาหยินหยาง หากคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาจะคิดว่าตระกูลฟางพยายามตอบแทนความเมตตาของฟางหยวน

 

ฟางหยวนค่อนข้างถูกล่อลวงเช่นกัน

 

ไม่เพียงวิญญาณอมตะระดับหกแต่ยังรวมถึงความร่วมมือของพวกเขา

 

ตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างความร่วมมือกับตระกูลฟาง แผนการยึดครองทะเลทรายผีเขียวของเขาจะได้รับการยอมรับจากตระกูลฟาง

 

‘แต่ข้ารู้สึกว่าตระกูลฟางกำลังวางแผนการบางอย่าง เรื่องนี้ไม่ง่าย’ ฟางหยวนค่อนข้างสงสัย

 

ฟางอันเล่ยมองฟางหยวนที่กำลังพิจารณาอย่างลึกซึ้งและรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

 

‘ตระกูลเสนอวิญญาณอมตะระดับหกให้เขา เขาต้องถูกล่อลวงอย่างแน่นอน!’

 

‘ตราบเท่าที่เราสร้างข้อตกลงพันธมิตร ซวนปู้จินจะกลายเป็นตัวแทนของตระกูลและสำรวจทะเลทรายผีเขียว ภายนอกเขาจะรวบรวมศิลาหยินหยาง แต่หากเขาพบมรดกของตระกูลชิง ตระกูลฟางของเราก็จะพบมันเช่นกัน’

 

‘แม้เขาจะพบศัตรูเช่นผีเฒ่าไป่จุนแต่ซวนปู้จินก็ต้องเป็นคนต่อสู้ หากเขารู้เกี่ยวกับมรดกของตระกูลชิง ด้วยข้อตกลงพันธมิตร เขาจะไม่สามารถแย่งชิงมันไปจากตระกูลฟาง’

 

‘แผนการของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองช่างลึกล้ำนัก!’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางอันเล่ยก็รู้สึกชื่ชมฟางตี้เฉิงมากขึ้น

 

“ได้ ข้าตกลง” ฟางหยวนคิดและตัดสินใจรับข้อเสนอ

 

แม้เขาจะมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขามีข้อมูลน้อยเกินไป เขาไม่สามารถอนุมานเป้าหมายที่แท้จริงของตระกูลฟางได้ นอกจากนี้เขายังต้องการร่วมงานกับอีกฝ่าย

 

“เอาล่ะ สหาย เจ้าเป็นคนเด็ดขาดมาก เจ้าจะไม่เสียใจที่ได้ร่วมมือกับตระกูลฟางของเรา” ฟางอันเล่ยหัวเราะ “ต่อไป เรามากล่าวถึงเนื้อหาของความร่วมมือให้ละเอียดมากขึ้น…หือ?”

 

แต่ในเวลานี้ฟางอันเล่ยกลับหยุดอย่างกะทันหันและแสดงออกด้วยความประหลาดใจ

 

ในไม่ช้าเสียงดังราวกับฟ้าร้องก็ดังขึ้นจากด้านนอก

 

เพื่อให้ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจ ประตูของหอดอกไม้ร่วงโรยจึงไม่ได้ปิดตัวลง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเสียงค่อนข้างชัด

 

การแสดงออกของฟางหยุนและฟางเล้งเปลี่ยนไปเช่นกัน

 

“อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังโจมตีจากทุกทิศทาง เราถูกปิดล้อม!” ฟางอันเล่ยกล่าว “ผีเฒ่าไป่จุนโจมตีพวกเราจริงๆ นอกจากนั้นเขายังมีอสูรวิญญาณแรกกำเนิดหลายตัว!”

 

“อสูรวิญญาณแรกกำเนิดหลายตัว?” ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าวิญญาณอมตะระดับแปดของผีเฒ่าไป่จุนคือป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ

 

ดวงตาของฟางอันเล่ยส่องประกายน่ากลัว หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรีบบอกข้อมูลนี้กับฟางหยวน

 

ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

‘ป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาส ดีมาก มันมีประโยชน์มากสำหรับแผนการเก็บเกี่ยวแก่นแท้อสูรวิญญาณของข้า!’

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็เกิดความปรารถนาที่จะขโมยวิญญาณอมตะดวงนี้ขึ้นมาทันที

 

เขาควบุมตนเองและกล่าวกับฟางอันเล่ยอย่างสงบ “ผีเฒ่าไป่จุนกล้ามาที่นี่แม้เราจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาช่างมั่นใจนัก หลังจากนี้คงถึงเวลาที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเจ้าจะเปล่งประกายแล้ว!”

 

ฟางอันเล่ยมึนงง นางต้องการเห็นฟางหยวนต่อสู้ แต่เขากล่าวเช่นนี้ต่อหน้านางและผนึกความเป็นไปได้ทั้งหมด

 

“ก่อนหน้านี้ท่านช่วยผู้เยาว์ของเรา ดังนั้นผีเฒ่าไป่จุนจึงกลับมาแก้แค้น เราจะลงโทษผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน แต่หากเกิดความผิดพลาดระหว่างการต่อสู้ เราหวังว่าท่านจะสามารถช่วยเราได้ ท้ายที่สุดอสูรวิญญาณเหล่านั้นก็เป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิด” ฟางอันเล่ยกล่าวอย่างมีความหมายโดยไม่สูญเสียความสุภาพในถ้อยคำของนาง

 

ฟางหยวนหัวเราะ “แน่นอน”