ด้านล่างตึกบริษัท ฉันทัชย้อนรถเตรียมขับออกไป ทว่ามือถือก็ดังขึ้น เขารับสายผ่านหูฟังบลูทูธ จากนั้นใบหน้าที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์เคร่งขรึมขึ้น ดูไม่ได้เลย เสียงอ่อนโยนที่เจือความเครียดเอ่ยว่า “ตอนนี้คุณอยู่ไหม?”
เมื่ออีกฝ่ายตอบ เขาก็วางสาย นิ้วเรียวยาวพิมพ์คำว่า——สนามบิน
ฉันทัชบิดพวงมาลัยรถไปทางซ้าย ขับไปยังทิศทางตรงข้าม ซึ่งสีหน้าเขาดูแย่ตลอดทาง
ยากนักที่จะเห็นผู้ชายอายุสามสิบสี่ปีที่มีความเป็นผู้ใหญ่แสดงสีหน้าแย่เช่นนี้ ……ผู้จัดการจัดวางดอกกุหลาบเสร็จ ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม พลางมองหัสดิน“ประธานหัสดินครับ ไปดื่มกาแฟที่ห้องทำงานของผมไหมครับ”
หัสดินไม่ได้ขยับ ยืนอยู่ที่เดิม ผู้จัดการเข้าใจในบัดดล รีบกล่าวกับยู่ยี่ว่า “คุณเอาภาพออกแบบของโครงการมา มีสองจุดที่ประธานหัสดินไม่เข้าใจ พวกคุณเข้าไปพร้อมกัน แล้วหารือ หาจุดที่ต้องปรับแก้ด้วยกัน”
เมื่อลั่นประโยคนี้ออกมา ดวงตาดอกท้อของหัสดินหรี่ขึ้น เขาไม่ได้พูด แค่หมุนกายเข้าห้องทำงานของผู้จัดการ
เห็นได้ชัดว่ายอมรับคำพูดของผู้จัดการอย่างเงียบ ๆ แล้ว
ยู่ยี่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุด ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน เธอรู้ว่าผู้จัดการกำลังคิดอะไรอยู่
ผู้จัดการมองผ่านกระจกหน้าต่างก็สามารถรับรู้ได้ว่า หัสดินนั่งอยู่ในห้องทำงานอย่างหมดความอดทนแล้ว
เขาเดินไปเคาะโต๊ะทำงานของยู่ยี่ พลางขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้าจริงจังเข้มงวด“เร็วหน่อย”
ยู่ยี่ค้นภาพออกแบบมาจากกองเอกสาร แล้วมองผู้จัดการอย่างไม่เร่งรีบ“คุณรู้ไหมว่าแฟนของฉันคือคุณฉันทัช คุณทำแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของฉันกับคุณฉันทัชได้นะ”
ผู้จัดการกระแอมเสียง พูดในมาดหัวหน้าว่า“คุยเรื่องงาน คุณฉันทัชคงเข้าใจ”
ยู่ยี่ไม่ได้พูดต่อ มุมปากเผยรอยยิ้มประชดประชัน เธอหยิบเอกสารขึ้นมา จากนั้นก็เดินอ้อมผู้จัดการ แล้วเดินเข้าห้องทำงาน
“ถ้าฉันหย่ากับคุณช้ากว่านี้ ฉันคงได้หุ้นส่วนมากกว่าร้อยละสาม ทำไงดี ฉันรู้สึกเสียใจมากที่หย่ากับคุณเร็วเกินไป”ยู่ยี่ยิ้มเจือจาง พร้อมกับมองหัสดิน
หัสดินยกคิ้วขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้ม“ผมก็ช่วยไม่ได้ ถึงตอนนี้จะเสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“เสียใจแต่ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่าคุณจะได้เป็นประธานตอนนี้ ฉันก็ไม่ถือสาที่จะอยู่ข้างกายคุณอีกสองเดือน”
จุดประสงค์ที่ยู่ยี่พูดแบบนี้ เพราะจงใจให้เขาสะอิดสะเอียน ให้เขารังเกียจเธอ สุดท้ายแล้วทั้งสองจะได้ตัดขาดอย่างไร้เยื่อใย
หัสดินก็ยิ้ม พูดอย่างประชดประชันว่า“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ?”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้ายู่ยี่ก็มีรอยยิ้มมากขึ้น เลิกคิ้วกล่าวว่า “ในเมื่อไม่ชอบที่ฉันเห็นแก่เงิน แล้วทำไมคุณต้องมาจีบฉันใหม่ด้วย?ไม่รู้สึกว่ามันขัดแย้งกันเหรอ หาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองเปล่า ๆ?”
“ทำใจโหดเอาลูกผมออกแล้ว ยังยืนกรานจะหย่ากับผมอีก ตอนนี้คุณมีชีวิตสุขสบายแบบนี้ คิดว่าผมจะปล่อยคุณไปง่าย ๆเหรอ?”
ยู่ยี่ไมได้พูดต่อ แค่ยิ้ม ยิ้มอย่างมีชีวิตชีวา
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธออยากรู้เหลือเกินว่า หากวันหนึ่งเขารู้ความจริงเรื่องนั้น สีหน้าเขาจะเป็นเช่นไร?
หัสดินสับสนวุ่นวายใจ เขาควรเกลียดชิงเธอจริง ๆ ทางที่ดีอย่าได้ข้องแวะกับผู้หญิงใจไม้ไส้ระกำถึงจะดี
ทว่าเขารับที่เธอไปอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้ เขาทนไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเขาต่อ ยู่ยี่ชี้ไปที่เอกสาร บอกให้เขาเริ่มคุยเรื่องงานได้แล้ว
ตอนนี้เวลาของหัสดินมีสายเรียกเข้า ซึ่งผู้ช่วยของเขาเป็นคนโทรมา เตือนเขาว่าประธานเมกาWAจะมาถึงสนามบินในเวลาสิบเอ็ดโมง เขาต้องไปถึงสนามบินก่อนเวลา
บริษัทภูษาธรกรุ๊ปกับเมกาWAจับมือทำงานร่วมกัน ทั้งยังได้ร่างBusiness Proposalเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย
มีคำหนึ่งกล่าวไว้ดีมาก คลื่นลูกใหม่มาแรง หัสดินพึ่งรับตำแหน่งประธาน หากอยากสร้างคุณงามความชอบ ย่อมต้องสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
เดิมทีบริษัทภูษาธรกร๊ปออกแบบว่าจะสร้างห้างสรรพสินค้า อุปกรณ์บันเทิง งานก่อสร้าง เพื่อให้หัสดินที่เป็นหนุ่มไฟแรงทำธุรกิจด้านเกมส์ และสาเหตุที่ร่วมมือกับ WA เพราะมีเป้าหมายจะซื้อลิขสิทธิ์เกมส์กับWA公司
ดังนั้นหัสดินจึงละเลยเรื่องการต้อนรับประธาWAไม่ได้ เขาลุกขึ้นคุยกับผู้จัดการไม่กี่ประโยคก็จากไป
ยู่ยี่รู้สึกผ่อนคลาย อุ้มเอกสารเดินออกไปอย่างแช่มช้า
เธอนัดกับฉันทัชว่าคืนนี้จะไปตกปลาบนเรือ จากนั้นก็ใช้ปลาที่ตกได้ทำน้ำซุปปลา
……
เสื้อกันหนาวสีครามทึบ ยิ่งขับเน้นให้ร่างกายฉันทัชให้ทรงพลัง กางเกงสูทสีดำนั้นเรียบทุกมุม ไม่มีรอยยับสักจุด
เขายืนอยู่ตรงสนามบินด้วยมาดผู้ใหญ่และผู้ดี จึงเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้ที่เดินผ่านไปมา
ผู้ช่วยโก๋ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นสายตาผู้คนรอบ ๆ ก็กล่าวกับเขาว่า “คุณฉันทัชไปรอในห้องวีไอพีก่อนไหมครับ ผมจะรอที่นี่เอง”
ดวงตาลุ่มลึกกวาดสายตามอง ฉันทัชพยักหน้า เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นว่า “ไปห้องวีไอพีด้วยกัน”
เขานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้หนังสีแดงอันหรูหรา และดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเป็นครั้งคราว
บริกรยกกาแฟมาเสิร์ฟ เขายกขึ้นมาจิบเล็กน้อย ซึ่งรสชาติก็งั้น ๆ ทว่าสุดท้ายก็ดื่มจนหมด
คนอื่นปฏิบัติอย่างมีมารยาทต่อคุณ เช่นนั้นคุณก็ต้องตอบกลับอย่างมีมารยาทด้วย นี่คือแนวทางการใช้ชีวิตของฉันทัช
เครื่องบินมีกำหนดการลงจอดเมืองSสิบเอ็ดโมง ตอนนี้สิบเอ็ดโมงสิบนาทีแล้ว ห้องวีไอพีมีแขกผู้หญิงเพิ่มขึ้นหนึ่งคน
เธออายุน้อยมาก สวมกระโปรงยาวสีดำ ใส่ทับด้วยเสื้อขนสัตว์ที่ยาวมาถึงหัวเข่า และใส่รองเท้าบูทส้นสูง ๆ
เธอลอนผมด้วยสีน้ำตาล แลดูสวยและมีออร่ามาก ใบหน้าดูดี คล้ายกับตุ๊กตาบาร์บี้
เมื่อเห็นเธอ ฉันทัชก็ให้บริกรยกน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ขายาวก้าวออกไป จากนั้นก็ยื่นให้เธอ “ดื่มให้ร่างกายอุ่นหน่อย”
“ค่ะ”เธอยิ้มละมุนละไม ดื่มน้ำอุ่นเสร็จ ร่างกายก็อุ่นขึ้นมาจริง ๆ
เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะเกิดเสียงรองเท้าที่พื้น เธอเข้าไปกอดฉันทัช โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว เสียงออดอ้อนออเซาะดังขึ้น “สามี”
โครงหน้าสมบูรณ์แบบของฉันทัชเกิดสีหน้าขึ้นเล็กน้อย ทว่าไม่ได้เด่นชัดมาก ยังคงอ่อนโยน สุภาพบุรุษเหมือนเดิม เขาผลักเธอออก ริมฝีปากบางขยับ จากนั้นก็เกิดเสียงอ่อนนุ่มขึ้น“เอวาคุณนั่งเครื่องกลับเฮทเคก่อน”
เอวาส่ายหัวพลันกล่าวปฏิเสธ“ฉันพึ่งมาถึงเมืองSเองนะคะ ไม่กลับเฮทเคเร็วขนาดนี้หรอกค่ะ”
“ผมไม่มีเวลาเที่ยวเป็นเพื่อนคุณ”
“คุณไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอกค่ะ ฉันแค่ต้องการอยู่ที่นี่ ได้พักที่เดียวกับคุณก็พอ”