บทที่ 426 รอผมจัดการเสร็จแล้วคุณค่อยมา

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เธอไม่ยอมให้ได้สมหวัง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความขยาดกลัว เธอก็หลับตาเสียเลย ฉันทัชยิ้มเบา ๆ กดทับร่างเธอไว้บนโซฟา คางอันเซ็กซี่กดที่หน้าอกเธอ

เธอสวมเสื้อคอกว้าง คางของเขาหล่นอยู่ตรงนั้นพอดี หนวดที่โผล่ออกมามีกลิ่นอายบุรุษเพศอย่างล้นหลาม กำลังทิ่มผิวหนังเธอ เธอรีบหลบหลีกด้วยใบหน้าแดงระเรื่อและหัวใจที่เต้นรัวแรง

เวลานี้ มือถือของฉันทัชดังขึ้น เขายกตัวขึ้นมองปราดหนึ่ง ทว่าไม่ได้รับสาย กดทิ้งทันที

ยู่ยี่ฉุกคิดได้ว่าต้องโทรหานาโน จึงหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา แต่กลับไม่มีแบตเตอรี่ เธอมองไปยังผู้ชายพร้อมกับเอ่ยปากว่า“ขอยืมมือถือใช้หน่อยค่ะ”

บังเอิญมีเสียงข้อความเข้าเครื่องมือถือของฉันทัชพอดี เขาอ่านข้อความปราดหนึ่ง ดวงตาลุ่มลึกพลันหรี่ขึ้น ทว่าสีหน้ากลับอ่อนนุ่มมาก“ได้ สักครู่นะ……”

ระหว่างที่พูด นิ้วเรียวของเขาลบข้อความออก จากนั้นก็ยื่นมือถือให้เธอ ……

ยู่ยี่โทรหานาโน โดยถามว่าอยู่ไหน

ซึ่งนาโนก็ตอบทันทีทันใด แต่งหน้า เสริมสวย ช้อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า ทำทุกอย่างที่เรียกว่าหาความสุขใส่ตัว

“……”ยู่ยี่นิ่งเงียบ

เธอกำลังคิดว่า ด้วยนิสัยของนาโน เธอเป็นห่วงไปก็เท่านั้น เพราะเพื่อนคนนี้ไม่เคยเก็บอะไรมาบั่นทอนจิตใจเลย คล้ายกับว่าแม้ฟ้าถล่ม ดินทลาย เพื่อนคนนี้ก็ไม่หวั่น

“แล้วเธอใช้มือถือของใครโทรหาฉัน?”นาโนรู้สึกว่าหมายเลขโทรศัพท์แปลกตามาก ทว่าก็รับรู้ว่าเป็นเบอร์มงคล แพงมาก เพราะมีแต่ตัวเลขแปดกับเก้าติดกัน

ยู่ยี่ตอบแบบหน้าไม่แดง“ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น”

“อย่างเธอจะคลาดสายตาฉันได้ยังไง เป็นมือถือของเทพบุตรของฉันใช่ไหม ยังมาเล่นตัวกับฉันอีก ตอนนี้กำลังกระหนุงกระหนิงอยู่ล่ะสิ”

“ทำไมแฟนของฉันถึงเป็นเทพบุตรของเธอ อย่าโทษที่ไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนนะ”ยู่ยี่ขบฟัน หรี่ตาพูดเสียงเบา

ได้ยินดังนั้น นาโนก็ร้องเอะอะ“โอ้โห ตอนนี้รู้จักยึดเป็นของตัวเองแล้วเหรอ เธอห้ามปากฉันได้ แต่เธอห้ามร่างกายและหัวใจของฉันไม่ได้หรอก?”

“เธอนี่เป็นผู้หญิงหน้าไม่อายจริงจริ๊ง”มุมปากยู่ยี่แย้มยิ้ม แม้เธอจะด่าทอเบา ๆ ทว่าอันที่จริงแล้ว เธอแค่แกล้งนาโนเท่านั้น เพราะอยากให้นาโนอารมณ์ดี ผ่อนคลายสักหน่อย

“รู้ว่าฉันหน้าไม่อายแล้วฉันคุยกับฉันนานขนาดนี้อีก พอแล้ว แค่นี่แหละ ฉันเห็นเสื้อสวย ๆ หนึ่งตัว อย่ารบกวนการช้อปปิ้งของฉัน”

ยู่ยี่เลิกคิ้วหมุนกาย จากนั้นก็เห็นผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวหลวม ๆ ยืนถือแก้วน้ำดื่มอยู่

ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เขาได้ยินหรือเปล่า ยู่ยี่ไม่อาจรู้ได้เลย เธอเอามือถือคืนกลับไปให้เขา

นิ้วอุ่น ๆ สัมผัสโดนมือเธอโดยบังเอิญ เธอจึงสั่นนิด ๆ ทั้งยังรู้สึกร้อนวูบอีกต่างหาก มือถือของเขาลื่นเข้าไปอยู่ในกางเกงสูท ฉันทัชจ้องเธออย่างอ่อนโยน “ผู้ชายของคุณที่ว่าหมายถึงผมหรือเปล่า?”

แสดงว่าเขาได้ยินตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?

ใบหน้ารูปไข่ของยู่ยี่แดงก่ำ เธอมองซ้ายแลขวา แล้วพูดเฉไฉไปเรื่องอื่น “ฉันกระหายน้ำค่ะ”

ฉันทัชยิ้มเบา ๆ ก้าวไปด้านหน้าแล้วส่งแก้วน้ำให้เธอ แล้วกลับมาจ้องเธอต่อ “กระหายน้ำหรือว่าร้อนกันแน่?”

ตอนที่พูดประโยคนั้น ดวงตาเธอหรี่ขึ้น มุมปากเผยรอยยิ้ม ทว่ากลับมีความโอหังนิด ๆ ดวงตาเธอวาวโรจน์

เธอทั้งกระหายและร้อน ซึ่งความร้อนนี้เกิดจากการที่ถูกเขาจ้องมอง เธอยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

ฝ่ามืออุ่น ๆ ของฉันทัชจับแก้มเธอ เขาก้มหน้าพูด เสียงลมหายใจจึงรดใส่เธอ “ผมชอบท่าทางที่คุณจะยึดผมไว้เป็นของตัวเองมาก……”

ยู่ยี่ทั้งหน้าแดงและหัวใจเต้นรัวแรง ไม่อาจสบตาเขาอีกต่อไป

เขาจุมพิตเธอไม่หยุด กระหวัดลิ้นเลียลำคอเธอด้วยท่าทีหนักบ้าง เบาบ้าง อ่อนโยนบ้าง ร้อนแรงบ้าง

เมื่อเสื้อเชิ้ตสีขาวถอดออก พลางเผยหุ่นแข็งแรงกำยำที่สมบูรณ์แบบและชวนหลงใหลของผู้ชายออกมา เขากดทับเธอ คร่อมตัวเธอ ใช้ลีลาขั้นเทพทำให้อารมณ์สวาทของเธอลุกโชน ……

นอกหน้าต่าง แสงอาทิตย์ฤดูหนาวส่องสอดอย่างสว่างไสวและสดใส ผ้าม่านหน้าต่างก็ปลิวไหวตามแรงลม

ฉากเลิฟซีนนี้ดำเนินเป็นเวลานาน จากตอนเที่ยงไปจนถึงตอนกลางคืน ยู่ยี่รู้สึกเหนื่อยล้า สองขาอ่อนเปลี้ย ขยับกายไม่ได้เลย

เธอรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่ได้สวมเสื้อ ร่างสูงโปร่งของผู้ชายแนบชิดติดกับแผ่นหลังอันเรียบเนียนของเธอ ริมฝีปากเซ็กซี่จูบไหล่เธอ “นอนเลย……”

ยู่ยี่ที่รู้สึกง่วงเหลือหลาย เมื่อได้ยินเสียงรื่นหูและคล้ายกับไวน์แดงที่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ มันก็ยิ่งกล่อมเธอให้ปิดตาหลับไปอย่างช้า ๆ

แม้จะรู้สึกเหนื่อย ทว่าก็มีความสุข หอมเย็นอบอุ่น

เธอหลับลึกไม่นาน มือถือของฉันทัชก็ดังขึ้นอีกครั้ง มือยาวรีบกดรับสาย ด้วยเกรงจะปลุกเธอตื่น เขาก้าวเดินเบา ๆ ไปรับสายที่หน้าต่าง

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร คิ้วงามของเขาก็ต้องหรี่ขึ้น สีหน้าเรียบเฉยเจือความขึงขังจริงจังไว้เล็กน้อย พูดเสียงไม่แข็งและไม่อ่อนว่า“ตอนนี้นายยังไม่ต้องมา ถ้ามีเวลาผมจะไปที่เฮทเคกับเมืองบีเจ ……”

ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นตอบอะไร นิ้วเรียวของฉันทัชนวดคิ้วเบา ๆ มุมปากของเขาขยับ สายตาจ้องมองแต่หญิงสาว “รอให้ผมจัดการเรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้ว นายค่อยมา……”

ไม่ได้คุยนาน ใช้เวลาเพียงสองนาทีถึงนาทีเท่านั้น

สิ้นเสียง เขาจิบดื่มกาแฟหนึ่งแก้ว จากนั้นก็โอบเธอไว้ในอ้อมกอด

……

ความสัมพันธ์ของเรนนี่กับพนักงานคนอื่นในร้านดีขึ้นตามลำดับ เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย

เธอรู้จักวางตัวมาก เข้าทำงานแต่เช้า ซื้อกาแฟติดมือไปกับเพื่อน ๆ ในที่ทำงานด้วย บัตรลดราคาหรือบัตรของกำนัลพิเศษ เธอก็จะเอามาแบ่งให้ด้วย

มีคำที่เปรียบเปรยได้ดีมาก เมื่อรับสิ่งของผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะควบคุมกิริยา กาย วาจาและใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือสิ่งของ ล้วนไม่ใช่ของมีค่าอะไร ทว่าทุกคนต่างรู้สึกดีกับเรนนี่ได้ในพริบตา

ไม่ว่าจะมีข่าวลับ ข่าวเปิดเผยที่เป็นทั้งความจริงและความเท็จ ล้วนเล่าให้เรนนี่ฟังหมด

ตระกูลภูษาธรเป็นตระกูลชั้นสูงในเมือง S ไม่ใช่จะให้ลูกสาวแต่งกับใครก็ได้ ย่อมต้องยึดผลประโยชน์จากการแต่งงานเป็นที่ตั้ง

สามีของซาฮาร่าก็เกิดในชาติตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองS และบริษัทของเขาก็อยู่แถวหน้าของเมือง เพียงแต่สามีคนนี้ไม่ใช่ดีอะไร

ตอนแต่งงานใหม่ ๆ ยังดีอยู่ แต่หลังจากไปฮันนีมูนกลับมาไม่กี่เดือน เขาก็เริ่มเที่ยวสำมะเลเทเมา แอบมีเล็กมีน้อยข้างนอก ซึ่งมีทั้งนางแบบหุ่นบาง ดารา และเหล่าคุณหนูทั้งหลายด้วย

ซาฮาร่าทำใจยอมรับไม่ได้ เริ่มขัดขวาง ทว่าก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง สามียังคงทำตัวเหลวแหลกดุจเดิม

เมื่อผ่านไปตามกาลเวลา เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้า ซาฮาร่าจึงอยากหย่า ทว่าพ่อของเธอไม่อนุญาต

ดังนั้นซาฮาร่าจึงค่อย ๆ เปลี่ยนไป เธอขี้เกียจสนใจสามีแอบกินข้างนอกแล้ว เธอเริ่มก่อร่างสร้างตัว เปิดร้านกาแฟ ร้านเสื้อผ้า และบริหารจัดการได้ดีเยี่ยม ทำกำไรได้ไม่น้อย อันที่จริงทั้งสองคนไม่มีใจเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ทางคู่ต่างฝ่ายต่างแอบหาความสุขที่อื่นกันอย่างลับ ๆ

เรนนี่คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกภายในมากเพียงนี้ ซึ่งรู้สึกเหลือเชื่อมาก ทว่าแค่ยิ้มอ่อนโยนเท่านั้น

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง มีข้อมูลในมือมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีสิทธิ์คว้าชัยชนะมากเท่านั้น

ยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี้ ไม่ว่าจะเข่นฆ่าก็ดี หรือทำร้ายคนก็ช่าง ล้วนผิดกฎหมายบ้านเมืองกันทั้งนั้น หากเธอแอบทำร้ายยู่ยี่ลับ ๆ ผลที่เธอจะได้รับย่อมไม่ดีแน่

และยังไม่ต้องพูดถึงหัสดินกับคุณฉันทัชพวกเขาเลย ลำพังเชอร์รีนกับนาโนก็คงจะสืบสาวหาความจริงให้ถึงที่สุดแน่

เธอจึงไม่มีความจำเป็นที่จะทำลายอนาคตตนเองเพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง พูดตรง ๆก็คือ เรนนี่เป็นคนใจเสาะไม่เบา

เธออยากทำร้ายยู่ยี่สักเต็มประดา ทว่าเธอไม่ทำ เพราะเธอเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง มีสติ เพราะนี้คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่นวนิยาย

แค่พูดถึงฐานะของหัสดินในเมืองS หากเธอแต่งงานกับหัสดินแล้ว ยู่ยี่จะมีอำนาจต่อรองเสียที่ไหน?

เช้าวันถัดไป ระหว่างทางที่เรนนี่ไปร้านเสื้อผ้า เธอซื้อข้าวเช้าไปฝากซาฮาร่า ซึ่งเป็นกับข้าวที่ทำอย่างพิถีพิถัน

เมื่ออยู่ด้วยกันนานวันเข้า ซาฮาร่าก็ยิ่งพอใจในความอ่อนโยน ละเอียดอ่อน รอบคอบ ใจดี ขยันขันแข็ง ใจกว้างของเรนนี่มากขึ้น รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมคนหนึ่ง

เธอก็เคยคาดเดาว่าผู้หญิงที่สามารถทำให้น้องชายของเธอ หัสดินปักใจรัก ย่อมต้องมีข้อดีแน่นอน

อีกฝั่งหนึ่ง

ฉันทัชส่งยู่ยี่ไปทำงาน หลังจากได้นอนหลับหนึ่งคืนเต็ม ๆ เธอก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง

แต่สิ่งที่มากกว่าคือความปวดเมื่อย ยังคงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

จากนั้นก็เห็นรอยยิ้มในมุมปาก และกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่และความสดใสที่แผ่ซ่านออกจากร่างกายผู้ชาย

ยู่ยี่นั่งพิงกระจกรถแล้วงีบหลับ ฉันทัชเห็นแล้วก็ขับรถอย่างช้าๆและมั่นคง เพื่อเธอจะได้หลับลึก ไร้สิ่งรบกวน

เมื่อรถจอดหน้าบริษัท ยู่ยี่เงยหน้าขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เธอเอียงกายไปหอมแก้มของเขา จากนั้นก็เปิดประรถลงไป

ฉันทัชเรียกเธอ จากนั้นก็ยื่นข้าวเช้าให้

หลังจากอำลาเสร็จสรรพ ยู่ยี่ก็ถือข้าวเช้าเดินเข้าบริษัทอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าขาวผุดผ่องแต้มสีแดงเปล่งปลั่งไว้ด้วย

เมื่อเดินเข้าห้องทำงานกลับเห็นหัสดินถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ ซึ่งสีสันสดสวยแพรวพราย บนกลีบดอกยังมีหยดน้ำกลิ้งไหวด้วย และตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงาน

ยู่ยี่ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เพื่อนร่วมงานต่างมองด้วยแววตาอิจฉา

หัสดินวางดอกกุหลาบไว้ที่โต๊ะ ยู่ยี่บอกให้เขาเอากลับไป ทว่าหัสดินไม่ยอม ซึ่งเธอก็ไม่เกรงใจ หยิบขึ้นมาแล้วโยนใส่พื้นเลย

หัสดินไม่ได้โกรธขึ้ง เก็บขึ้นมาแล้ววางบนโต๊ะอีกครั้ง จากนั้นเธอก็โยนทิ้งอีกรอบ

สงครามที่ไร้สุ้มเสียง ไม่มีลูกระเบิด ทว่ากลับดุเดือดยิ่งกว่าระเบิดเสียอีก คุณโยน ผมจะเก็บ คุณโยนอีก ผมก็จะเก็บอีก

สุดท้ายผู้จัดการจึงเข้ามาไกล่เกลี่ย เดินเข้าไปเก็บดอกกุหลาบ“พรุ่งนี้ประธานหัสดินจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัทภูษาธรกรุ๊ป พนักงานในห้องทำงานของพวกเรามีวาสนา ได้ดอกไม้กันคนละหนึ่งดอก มา มา เอาไป”

ถึงแม้ดอกกุหลาบจะมีราคาแพง แต่เมื่อผ่านศึกเมื่อครู่นี้ กลีบดอกไม้จึงโรยรา ไม่น่างมองเอาซะเลย จึงไม่มีใครอยากได้

ผู้จัดการพยักเพยิดส่งให้พนักงานสาวคนละดอก ทุกท้ายก็เหลือให้ยู่ยี่ห้าดอกที่ยังคงสภาพดี

ยู่ยี่เตรียมโยนลงถังขยะ ผู้จัดการกลับจ้องมาที่เธอ“ตอนนี้อยู่ในเวลาทำงาน รบกวนสำรวจกิริยาด้วย เมื่อกี้ให้ทุกคนดูละครกันแล้ว หรือตอนนี้ยังโวยวายไม่พอ?”

ยู่ยี่ไม่แยแส นั่งลงแล้วเริ่มอ่านเอกสาร ส่วนผู้จัดการก็หาแจกันมาใส่ดอกกุหลาบทั้งห้าดอกที่โต๊ะทำงานของเธอ