บทที่ 425 ไม่มีคุณ อารมณ์ฉันถึงจะดีขึ้นหน่อย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เรนนี่ไม่ได้พูดอะไร ยกกาแฟขึ้นดื่มไป 2 จิบ รสชาติเข้มข้น สายตาหลุบต่ำลงไป ณ ขณะนั้น ดวงตาหม่นแสงปรากฏแสงประกายพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เธอคิด เนเน่ไม่มีวันจะคิดได้ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนทำด้วยเอง เพราะว่าเนเน่นั้นจะไม่ได้พุ่งลูกศรแห่งความสงสัยมาที่เธอ

อย่างไรก็ตาม ใครจะตั้งใจทำให้ตัวเองเหม็นด้วยล่ะ?

แต่ว่า เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย เพื่อที่จะได้ครอบครองสิ่งที่ในใจเธอปรารถนา เธอ เรนนี่ไม่สนที่จะทำเช่นนี้

เธอใช้ช้อนในมือคนกาแฟอย่างช้าๆ ไม่ว่าหัสดินจะเอ่ยปากว่าจะไปตรวจสอบให้ชัดเจน หรือแม้แต่เนเน่จะไปตรวจสอบเองก็ตาม เธอนั้นไม่ได้สนใจเลยสักนิด เพราะว่าพวกเขาจะไม่มีวันสามารถตรวจสอบมาถึงได้ว่าเรื่องนี้นั้นเธอเป็นคนทำเองทั้งหมด มีแต่เธอที่รู้!

……..

โปรเจกต์ที่ยู่ยี่เป็นคนเตรียมงานนั้นเริ่มดำเนินงานเป็นที่เรีบบร้อย และขั้นตอนดำเนินงานนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากมีเวลา เธอก็จะไปที่ไซต์งานก่อสร้าง

ฉันทัชยังไม่กลับมา ภายในบ้านนั้นยังเป็นเธอและอาคิระอยู่กัน 2 คน

คนทั้งสองแม้ว่าจะอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แต่พวกเขาไม่เคยสนทนากันเลย ทั้งยังไม่มีอะไรที่จำเป็นจะต้องพูดคุยกัน

เธอทำงานอย่างตั้งใจ พนักงานในที่ทำงานต่างก็สุภาพและเป็นมิตร ผู้จัดการเองก็มักเรียกแต่ ยี่ ยี่ อยู่ตลอดเวลา ปากหวานราวกับทาน้ำผึ้งเอาไว้

เวลาผ่านไป ชีวิตยังต้องดำเนินต่อ วันเวลาที่จืดชืดเช่นนี้นั้นดูเหมือนไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อน แต่ว่ายู่ยี่กลับรู้สึกขาดอะไรไปสักอย่างอยู่ตลอดเวลา

ปกติหลังเลิกงาน ฉันทัชนั้นจะมารับเธอ หลังจากนั้นทั้งสองก็จะไปเดินเล่นหรือว่าทานอาหารเย็นด้วยกัน

แต่ก่อนเธอไม่เคยรู้สึกอะไร เพียงรู้สึกว่าไปทานอาหารเย็นด้วยกัน 2 คนนั้นแสนจะธรรมดาและอบอุ่น ตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ถึงได้เพิ่งรู้สึกเหงา

ความเคยชินนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ยู่ยี่เก็บกวาดโต๊ะไปพลาง คิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรดีไปพลาง

เวลาผ่านไปได้ครึ่งหนึ่ง เชอร์รีนโทรศัพท์มาหา นัดทานอาหารเย็นกับเธอ เธอจึงตอบรับกลับไป ตอนนี้เธอกำลังเศร้าเพราะแฟนเธอไม่อยู่ อีกทั้งก็ไม่รู้จะกินอะไรดีเหมือนกัน

ยู่ยี่รีบเร่งมาถึงสถานที่นัดหมาย และรู้สึกอะไรบางอย่างผิดแปลกไป เธอเห็นนาโนกำลังดื่มเหล้าอยู่ ส่วนเชอร์รีนนั้นไม่ได้ห้ามเธอ

“เป็นอะไรน่ะ?” เธอชี้ไปที่นาโน ถามเสียงเบา

เชอร์รีนกลอกตาเบาๆ “อารมณ์ไม่ดีน่ะ และก็ยังจำผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ได้ไหม เธอคนนั้นกลับมาเมือง S แล้ว”

ยู่ยี่ขมวดคิ้วแล้วนั่งลง “ทั้งสองคนตอนนี้ก็แต่งงานกันแล้ว เธอกลับมาตอนนี้ จะทำอะไรได้?”

เชอร์รีนกล่าว นอกจากเรื่องผู้หญิงแล้ว คนที่ทำให้นาโนอารมณ์ไม่ดีจริงๆ แล้วคือดนัย เขาเป็นลูกชายของบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมือง S ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของเขากับนาโนนั้นชะงักงันอยู่กับที่

แม่ของเขาแม้ว่าจะเอะอะมะเทิ่งไปบ้าง แต่ก็เป็นคนที่มีมารยาท ไม่เคยพูดจาไม่ดี เพียงแค่เตือนนาโนทั้งทางตรงทางอ้อมว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้

สำหรับนาโนนั้น ด้วยนิสัยเธอที่หยิ่งยโสและเปิดเผย เธอเมินเฉยกับคำเตือนของแม่สามีทั้งหมด เพราะว่าในใจรู้สึกผิดที่ไม่สามารถมีลูกได้

แต่แม่ของดนัยนั้นไม่มีทางที่จะไม่ต้องการหลาน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่จึงติดอยู่ตรงนั้นอย่างเห็นได้ชัด ชะงักงันอยู่กับที่ ขัดแย้งไม่ลงรอยกัน

ใครๆ ก็ย่อมมีปัญหาของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่าปัญหาของนาโนนั้นไม่ง่ายเลย ใครจะช่วยเธอกันได้ล่ะ?

แม้ว่าจะรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ก็กลัวว่าแม่ของดนัยถึงตายก็คงไม่ยินยอม

ยู่ยี่เองก็รู้สึกว่าภายในใจนั้นไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร ต้องการเหล้าแก้วหนึ่ง ดื่มเป็นเพื่อนกับนาโน ส่วนเชอร์รีนนั้นตั้งครรภ์อยู่จึงดื่มไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง

หลังเลิกงาน เรนนี่ที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้า ก็ถูกรายล้อมไปด้วยนักข่าวที่ดักรออยู่ที่นั่น กลุ่มคนนั้นเข้ามาไม่หยุด

เหล่านักข่าวนั้นเหมือนกับหมาป่ากระโจนเข้าหาแกะ ถามคำถามอย่างไม่ขาดสาย เรนนี่ถูกเบียดมาอยู่ตรงกลาง แต่ไม่ได้พูดว่าร้ายหัสดินเลยสักคำ เอาแต่พูดเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองทำผิด

เท้าที่สวมส้นสูงอยู่นั้นก็เกิดพลิก กระดูกแขนของเธอก็เคลื่อนด้วยเช่นกัน เธอล้มลงไปที่พื้น เจ็บจนยืนไม่ขึ้น ทั้งยังถูกนักข่าวเหยียบมืออีก เธอนั้นเจ็บตัวอย่างไม่หยุดหย่อน

ซาฮาร่า ดูต่อไปไม่ได้ ให้ยามรักษาความปลอดภัยออกมา ไล่นักข่าวพวกนั้นออกไป และนำตัวเรนนี่กลับเข้าร้าน

เธอบาดเจ็บไม่น้อย มีบางส่วนที่ไม่สามารถขยับเหยียดออกได้ ซาฮาร่านำเธอไปโรงพยาบาล ตลอดทางเรนนี่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

การต่อกระดูกแขนที่เคลื่อนนั้นเจ็บมาก ซาฮาร่าเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเธอได้อย่างชัดเจน แต่เธอกลับกัดฟันไว้แน่น ไม่ส่งเสียงร้องออกมา

แท้จริงแล้ว นอกจากที่เรนนี่เป็นเมียน้อยนั้น ซาฮาร่าก็ประทับใจตัวเธอไม่น้อย ซาฮาร่าโทรศัพท์หาหัสดิน อธิบายเรื่องราวที่เพิ่งเกิดเมื่อสักครู่ ทั้งยังกล่าวว่า พวกเธอนั้นไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว แต่ก็ยังต้องหยุดสื่อพวกนั้นให้ได้

หัสดินตอบกลับ แสดงท่าทีว่าตนเองเข้าใจแล้ว จะให้คนไปตรวจสอบต้นสายปลายเหตุของเรื่องหนังสือพิมพ์

ข่าวคราวนั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว ผู้ช่วยบอกกับเขาว่า เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์รายเย็นอีซีเป็นคนตีพิมพ์คนแรก

หัสดินรู้จักหนังสือพิมพ์รายเย็นอีซี เป็นสำนักข่าวแห่งแรกที่มาสัมภาษณ์เขา แต่ว่าเนื่องจากวันนั้นเขาอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ดังนั้นจึงไม่ได้ไว้หน้านักข่าวสักเท่าไร สุดท้ายก็สัมภาษณ์ไม่เสร็จไปโดยปริยาย

อีกทั้งเขายังตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพถ่ายและวิดีโอที่ใช้ในการตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ ที่แท้ก็เป็นโทรศัพท์ของเรนนี่ที่ทำหล่นโดยไม่ตั้งใจ และถูกนักข่าวของหนังสือพิมพ์รายเย็นอีซีเก็บได้พอดี

นักข่าวที่สัมภาษณ์เขาครั้งแรกและนักข่าวที่เก็บโทรศัพท์เรนนี่ได้เป็นคนเดียวกัน

เขาไม่ได้สัมภาษณ์ในปีนั้น และเมื่อย้อนกลับไป นักข่าวคนนั้นก็ถูกลดตำแหน่งลงแล้ว ถูกลดตำแหน่งลงไป 3 ครั้งติดต่อกัน

หัสดินคิด นักข่าวคนนั้นในใจจะต้องอาฆาตพยาบาทเขาเป็นแน่ มิฉะนั้นคงไม่มีสื่อหรือนักข่าวคนไหนกล้าที่จะมายุ่งกับเขา

เขาปรับเนคไท เอนตัวไปกับพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน และให้ผู้ช่วยแจ้งเรื่องขึ้นศาลกับนักข่าวคนนั้น

เก็บของที่ผู้อื่นทำตกไว้ไม่เพียงแต่ไม่คืน แต่ยังขโมยข้อมูลข้างในไปด้วย แล้วปล่อยออกมาเป็นข่าว แน่นอนอยู่แล้วว่าคงไม่มีจุดจบที่ดี

เช้าตรู่วันถัดไป

ยู่ยี่พันผ้าพันคอ หยิบกระเป๋า ผลักประตูบ้านเปิดออก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเห็นหัสดินแบบนี้ รถเบนท์ลีย์สีดำจอดอยู่ด้านข้าง เขายืนอยู่หน้ารถ พร้อมเปิดประตูรถ “ผมส่งคุณไปทำงาน”

เขารู้ได้อย่างไรว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่? คิ้วของยู่ยี่ย่นขึ้น ยังไม่พูดอะไรออกมา อาคิระก็เดินออกมาด้วยเช่นกัน เขาเหลือบมองหัสดินด้วย 2 ตา แล้วเบนสายตามามองที่ร่างของยู่ยี่อีกครั้ง และพูดเสียดสีขึ้นมากลางวง “ ชีวิตยังดีอยู่นี่…..”

ยู่ยี่เหลือบมองเขา “หากทัศนคติของคุณปกติขึ้นมาบ้าง ชีวิตฉันคงดีขึ้นไปอีก…..”

อาคิระยิ้มเย็น เดินไปที่โรงรถ แล้วขับรถออกไป

หัสดินหรี่ตาลง จับจ้องไปที่อาคิระ เขาอารมณ์ร้อนขึ้นมาทันใด กองไฟในใจโหมกระหน่ำ “เขาคือใคร? ทำไมถึงออกมาจากห้องของคุณ?”

“นี่มันก็ไม่ใช่บ้านของฉัน เป็นบ้านของแฟนฉัน” ยู่ยี่ไม่ติดขัดที่จะราดน้ำมันลงบนกองไฟของเขาอีกครั้ง

เป็นไปตามคาด หัสดินฉุนเฉียวถึงขีดสุด เปลวเพลิงในใจเขานั้นเผาไหม้และเดือดระอุไปรอบๆ ราวกับจะเผาไหม้ตัวเขาไปด้วย

เมื่อพูดจบ เธอก็ไม่สนใจหัสดินอีก และเดินตรงไปข้างหน้า หัสดินก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเธออีก ขับรถออกไปด้วยความเร็วราวกับลูกศรพุ่งออกจากคันศร ยามที่ผ่านข้างตัวยู่ยี่ไป ก็พัดพาลมเย็นที่เย็นเข้ากระดูกมาด้วย

เมื่อมาถึงบริษัท หัสดินกลับรอเธออยู่ที่บริษัทเรียบร้อยแล้ว บอกว่ามีเรื่องเกี่ยวกับสัญญาที่จะต้องพูดคุย

ยู่ยี่นั้นอยากคุยที่บริษัท แต่หัสดินกลับบอกว่ากาแฟที่นี่นั้นไม่อร่อย สุดท้ายผู้จัดการก็ให้ทั้งสองออกไปคุยข้างนอก

แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง แต่โปรเจกต์ก็ดำเนินการไปแล้ว เวลานี้ ยังเป็นงานที่สำคัญกว่า ทั้งสองคนคนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลังเดินออกไปที่หน้าประตูบริษัท

ประตูกระจกหมุนเปิดออก ฉันทัชปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านนอกประตูอย่างน่าแปลกใจ

ยู่ยี่ตื่นตะลึงอยู่กับที่ คิดว่าตัวเองสร้างภาพหลอนขึ้นมาและมองผิดไปแล้ว แต่ทว่าภาพหลอนนั้นกลับก้าวเท้าเดินมาข้างหน้า

หลังจากนั้นแขนแกร่งก็โอบรอบเอวของเธอ กอดเธอไว้ในอ้อมอกอย่างรัดแน่น ฉันทัชนั้นไม่สนใจพนักงานที่เดินไปเดินมาเลยสักนิด คางที่เซ็กซี่นิดๆ ของเขาวางไว้บนกลุ่มผมของเธอ น้ำเสียงนุ่มนวลทุ้มต่ำเอ่ยว่า “ผมคิดถึงคุณมากเลย และก็ในที่สุดผมก็ได้เจอคุณ กอดคุณไว้อย่างนี้แล้ว……”

การมากอดกันในที่สาธารณะนั้น ยู่ยี่คิดมาโดยตลอดว่ามันดูไม่ดีเล็กน้อย แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาเหล่านั้น เธอก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจเต้นรัว ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นไป

เขากอดเธอไว้ ลมหายใจของชายหนุ่มเต็มวัยเป่ารดหน้าเธอ……..

เป็นฉากที่ดูงดงาม แต่หน้าหัสดินนั้นกลับเป็นสีคล้ำเรียบร้อย ไม่น่าดูเป็นอย่างมาก เขาเพียงแต่รู้สึกรำคาญและขัดเคืองลูกตานัก อยากจะไปแยกทั้งสองออกจากกัน

“ต้องไปทำงาน?” ฉันทัชรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ความรู้สึกเสียใจนั้น ยู่ยี่สัมผัสได้ผ่านน้ำเสียง เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ดูยับย่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าเพิ่งลงจากเครื่อง

ก็รีบมาที่นี่โดยทันที

เธอคิดเล็กน้อย ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเอ่ยขึ้น “งั้นไม่ไปแล้ว ฉันจะลางาน วันนี้?”

มุมปากบางยกขึ้น ฉันทัชหัวเราะเบาๆ ความเหนื่อยที่รีบมาที่นี่ทั้งคืนนั้นหายวับไปเกือบหมดภายในพริบตา “ได้ คุณโทรหาผู้จัดการของคุณ หรือจะให้ผมโทร?”

ยู่ยี่เอ่ย “คุณโทรเถอะ ให้ฉันโทรดูไม่ดีเล็กน้อย ได้รับผลกระทบไม่ดีด้วย”

มุมปากที่โค้งอยู่นั้นยิ่งโค้งขึ้นอีกเล็กน้อย หลังจากกดโทรศัพท์โทรออก เขาก็ยืนอยู่ที่โถงโทรหาผู้จัดการ

ส่วนหัสดินที่ถูกมองเป็นอากาศนั้นก็แทบจะระเบิดออก เธอสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นเกินไปแล้ว เขาทนไม่ไหวแล้ว!

หลังจากวางโทรศัพท์ ฉันทัชเอื้อมมือไปหยุดที่ไหล่ของยู่ยี่ และพาเธอออกไปข้างนอก หัสดินยืนอยู้ข้างหน้าคนทั้งสอง

ขายาวมีเสน่ห์ของฉันทัชหยุดลง มือใหญ่เห็นข้อนิ้วชัดนวดคลึงระหว่างคิ้ว “เลิกขัดขวางความรักของคนอื่นสักที หรือว่านี่จะเป็นงานอดิเรกของประธานหัสดิน?”

หัสดินไม่พูดอะไร จ้องตรงไปที่ยู่ยี่ ราวกับจะจ้องเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของเธอ “ผมจะไม่วางมือเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผมจะต้องทำให้คุณกลับมาหาอ้อมกอดของผมอีกครั้ง!”

ฉันทัชยิ้มอย่างมีเสน่ห์ คำพูดของหัสดินทำให้คิ้วตรงหล่อเหลาของเขาดูรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย ยู่ยี่ไม่สนใจหัสดินแล้ว เขายังไม่เข้าใจ เธอกับเขานั้นเป็นอดีตไปแล้ว

เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ หัสดินก็รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว เธอกับเขาเป็นแฟนกัน เขาอยู่ในสถานะอะไรถึงไปแยกพวกเขาสองคน?

ความโกรธโหมขึ้น หมัดของเขากำแน่น คนทั้งสองจากไปไกลแล้ว เหลือเพียงแผ่นหลังที่ดูสนิทสนมให้เขาเท่านั้น!

หัสดินย่อมไม่รามือไปแบบนี้แน่!

หลายวันที่ไม่ได้เจอกัน พอมาเจอกันอีกครั้ง ก็รู้สึกคิดถึงอย่างหนัก ฉันทัชพาเธอไปทานข้าวเช้า ยู่ยี่เห็นเขาดูเหนื่อย จึงแนะนำให้เขากลับไปพักผ่อนที่บ้าน

เดิมทีฉันทัชรู้สึกง่วงเป็นอย่างมาก ในระหว่างทางที่ไปบริษัทของยู่ยี่นั้น เขาก็รู้สึกเหนื่อยมากแล้ว แต่ว่าเมื่อได้เห็นเธอ ความรู้สึกง่วงนอนก็หายวับไปในอากาศทันทีทันใด

ยู่ยี่เปิดหนังผี เธออยากจะดูมันมาโดยตลอด แต่กลับไม่กล้าดูคนเดียว ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เธอสามารถดูได้อย่างอิสระ

แต่ตอนที่ดูถึงตอนที่น่ากลัว เธอก็ยังหันหน้าหนีไปด้านข้างด้วยความกลัว

เสื้อเชิ้ตที่เขาใส่อยู่นั้น เป็นเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำซึ่งเผยให้เห็นความมันเงาที่ดูหรูหรา แขนแกร่งของฉันทัชหนุนอยู่กับโซฟา เมื่อเธอหันหน้าไปด้านข้าง เขาก็จะจูบเธอ

แก้มของยู่ยี่เห่อแดง เขาเอ่ยด้วยความอบอุ่น “คุณหันหน้า 1 ครั้ง ผมก็จะจูบคุณ 1 ครั้ง”

เธอไม่ปล่อยให้เขาประสบความสำเร็จ เมื่อเจอตอนที่น่ากลัวที่สุด ก็ปิดตาลงไปทื่อๆ ฉันทัชหัวเราะเบาๆ