บทที่ 424 เสียงผู้หญิงในโทรศัพท

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ผู้คนโดยรอบทั้งหมดต่างมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ มีเพียงแค่คนที่เกี่ยวข้องหรือก็คือยู่ยี่เท่านั้นที่มีสีหน้าซีดจาง ควรจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้าง

เธอยังมีเอกสารที่จำเป็นต้องจัดการ ตอนที่กำลังเตรียมถ่ายเอกสารนั้น ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่นขึ้น เธอก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ออกมา คนที่โทรมานั้นคือฉันทัช

เธอเดินไปถึงห้องชงชาแล้วรับโทรศัพท์ ฮันทัชกรอกเสียงทุ้มต่ำของเขาผ่านคลื่นสายแม่เหล็กไฟฟ้าเข้ามา “ถึงบริษัทหรือยังครับ? ทานข้าวเช้าแล้วหรือยัง?”

เธอตอบเขาไปทีละคำถาม แล้วถามเขากลับว่า “ ธุระด่วนจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ?”

นอกจากเรื่องนี้แล้ว เสียงในลำคอของเขานั้นยังดูแหบแห้งอยู่บ้าง และเสียงที่ออกมานั้นก็ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้นอน “ขอโทษด้วยนะครับ เมื่อวานรีบออกมาเกินไป ก็เลยไม่ทันได้โทรศัพท์หาคุณ หลังจากจัดการอะไรเสร็จก็ดึกแล้ว ไม่อยากจะปลุกคุณอีก ร่างกายของคุณพ่อจู่ๆ ก็มีปัญหา ตอนนี้ผมเลวอยู่ที่ฮ่องกง เพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน เหนื่อยมากเลย แต่ว่าผมอยากได้ยินเสียงคุณมากๆ…..”

ยู่ยี่ถามถึงสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เขาบอกว่า คุณพ่อตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู อาการค่อนข้างหนัก

ได้ยินเช่นนี้ เธอก็เอ่ยคำพูดให้เขาคลายกังวล ซึ่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลง ตราบเท่าที่ไม่มีข่าวร้าย ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด

เขาระเบิดเสียงหัวเราะทุ้มต่ำออกมา ตอบกลับเบาๆ ยู่ยี่ฟังเสียงหัวเราะที่กลับมาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเบาๆนั้นก็รู้สึกวางใจขึ้น

ในเวลานี้นั้น เสียงผู้หญิงอันไพเราะและนุ่มนวลอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นผสานมากับเสียงหัวเราะของเขา ร้องเรียกว่าฉันทัช มานี่เร็วเข้า

ยู่ยี่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงอีกคนหนึ่งดังเข้ามา ฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยน และค่อนข้างคล้ายกับเสียงเมื่อสักครู่นั้น ฉันทัช ฉันโทรหาคุณพ่อให้เธอแล้วนะ ให้เขารีบมา ใกล้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว

ยู่ยี่สติกลับมาอีกครั้ง สถานการณ์ฝั่งนั้นฟังดูเร่งด่วน เธอจึงคิดจะวางสายโทรศัพท์ แต่เขาก็ทิ้งคำพูดเอาไว้หนึ่งคำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ คุณน้าผมเอง

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงวางสายโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรู้ว่าเสียงสุดท้ายของเขานั้น คือกำลังอธิบายให้เธอฟัง

เขามีน้าสองคนงั้นเหรอ?

ตอนเที่ยง ขณะที่เธอกำลังทานอาหารกลางวันอยู่ที่ร้านอาหาร หัสดินก็เดินเข้ามา ตรงเข้ามานั่งตรงข้ามที่นั่งเธอ แล้วมองดูกล่องข้าวของเธอ เป็นมะเขือม่วงผัดกับถั่วฝักยาวและมันฝรั่งเส้น

“อาหารร้านอาหารของพวกคุณไม่มังสวิรัติไปหน่อยเหรอ? เป็นสารอาหารขยะโดยสิ้นเชิง” หัสดินเอนตัวไปกับพนักเก้าอี้ พลางเลิกคิ้ว

ยู่ยี่มองเขา “คุณยังมีแก่ใจสนเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”

หัสดินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย สีหน้าแสดงออกถึงความสับสน ไม่เข้าใจว่าประโยคนี้ของเธอต้องการจะสื่อความหมายว่าอะไร

ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สถานการณ์เรื่องนั้นอย่างชัดเจน ยู่ยี่ขอยืมหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งกับเพื่อนร่วมงานที่ผ่านไปมา หลังจากนั้นก็กางออกตรงหน้าหัสดิน

ดวงตาดอกท้อยาวเรียวของเขาค่อยๆ หรี่ลง เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา กวาดสายตามองผ่านๆ จากบนลงล่าง จากนั้นก็วางไว้ที่เดิม “มันไม่เกี่ยวกับผม”

“ยังไงเสียเธอก็เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานกับคุณ และก็พูดได้ว่าที่วันนี้เธอตกมาอยู่ในจุดนี้ ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของคุณมากที่สุด” ยู่ยี่กล่าว

คำพูดนี้ไม่ได้กำลังช่วยเรนนี่แต่อย่างใด เพียงแค่ใช้เรื่องนี้ในการแดกดันถากถางหัสดินก็เท่านั้น

สำหรับเรนนี่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตอนนี้ ยู่ยี่ไม่เข้าไปซ้ำเติมก็นับว่าเป็นความเมตตาต่อเธอแล้ว จะให้พูดดีกับเธอด้วยเหรอ ขอโทษนะ แต่ไม่!

“ผมก็คิดว่า คุณจะดีใจกับคำตอบของผมเสียอีก เพราะว่าผมขีดเส้นแบ่งระหว่างผมกับเธอเรียบร้อยแล้ว”

หัสดินเอ่ยปาก พร้อมหันหน้ามา มือใหญ่เพิ่งแตะข้อมือยู่ยี่ เธอก็หลบมือออกอย่างรวดเร็ว

“คุณขีดเส้นแบ่งระหว่างคุณกับเธอ ทำไมฉันจะต้องดีใจ? ฟังความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้แล้วก็ดูเหมือนว่าฉันจะทนดูคนอื่นไม่ได้เป็นปกติ” ยู่ยี่กล่าวเบาๆ “ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้หมกมุ่นในเรื่องนี้ และก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ด้วย เวลาพักกลางวันหมดแล้ว ฉันควรไปเข้างานได้แล้ว เพียงแต่ว่า คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องไปดูนีนี่ของคุณ?”

ทันใดนั้น สีหน้าของหัสดินก็ดูไม่ได้ขึ้นมา ขมวดคิ้วแน่น “ผมบอกไปแล้วว่า ผมกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ตอนนี้กำลังตามจีบคุณใหม่อีกครั้ง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นกับหู ยู่ยี่ก็อยากหัวเราะซะเดี๋ยวนี้ เธอไม่สนใจอีกต่อไป แล้วลุกขึ้นยืน หัสดินขวางทางข้างหน้าเธอไว้ “ไอ้ฉันทัชล่ะ?”

“ฉันรู้จักแต่แฟนของฉัน ส่วนไอ้ฉันทัชที่คุณพูดนั้น ฉันไม่รู้จัก” ยู่ยี่เมินคำพูดเขาที่ไม่น่าฟังเอาเสียเลย

แต่ว่า สีหน้าหัสดินกลับดำคล้ำลง ไฟในใจเขาโหมกระหน่ำยิ่งขึ้นไม่มีอะไรเทียบได้ สี่งที่เขาไม่อยากได้ยินและไม่อยากเห็นมากที่สุดก็คือ เธอที่ใช้น้ำเสียงนี้ไปปกป้องผู้ชายคนอื่น!

เมื่อเขาเตรียมจะไปชวางข้างหน้าเธอไว้ โทรศัพท์ก็กลับดังขึ้นมาตอนนี้ เขามองหมายเลขคนโทรมา ก็หยุดเท้าไว้ แล้วรับโทรศัพท์

ยู่ยี่สบโอกาสเบี่ยงผ่านข้างตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว สาวเท้ารีบออกมา แล้วไปที่ทำงาน

เมื่อกลับมาถึงที่ทำงาน หน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฏข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ซึ่งเป็นข้อความที่ฉันทัชส่งมา

เขาบอกว่า คุณพ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะยังอยู่ในอาการโคม่า แต่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาจะอยู่ที่ฮ่องกงต่อสัก 3 วันหรือ 4 วัน ให้เธอใส่ใจดูแลบาดแผลที่ข้อมือและรอบคอ หากต้องยกของที่ค่อนข้างหนักก็ให้โก๋เป็นคนยก ถ้าหากอยู่ที่บ้าน จำเป็นต้องยกของหนักก็ให้อาคิระเป็นคนยก……

เขาพูดอะไรแบบนั้นเป็นครั้งแรก และส่งข้อความมาบอกตั้งหลายตัวอักษร ซึ่งเพิ่มจำนวนจากจำนวนอักษรของข้อความทั้งหมดที่ส่งก่อนหน้านี้ ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ ตอบกลับข้อความเขา ให้เขาดูแลร่างกายดีๆ ดื่มน้ำให้มาก คอของเขาไม่ค่อยดีนัก เธอคิดต่อเล็กน้อย ก่อนจะเติมหน้ายิ้มไว้ข้างหลังข้อความ

เธอนั้นสามารถใช้โก๋ได้ แต่สำหรับอาคิระนั้น ให้เธอคิดยังไม่อยากจะคิดเลย

หัสดินไม่กลับมาแล้ว ยู่ยี่รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย และสามารถมุ่งมั่นตั้งใจทำงานได้

อีกด้านหนึ่ง

เรนนี่ไปที่บริษัท แต่กลับถูกไล่ออกแล้ว เหตุผลหลักคือเธอนำผลกระทบที่ไม่ดีมาสู่องค์กรมากเกินไป คนทั่วทั้งบริษัทต่างคุยกันแต่เรื่องของเธอ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานเป็นอย่างมาก

สีหน้าของเธอซีดขาวเล็กน้อย ทั้งยังไม่พูดอะไร เพียงทำความสะอาดโต๊ะทำงาน จัดเรียงของที่เคยใช้แต่ก่อนทั้งหมดให้ดี เพื่อนร่วมงานโดยรอบทั้งหมดต่างใช้สายตาแปลกประหลาดมองมาที่เธอ พอพวกเขาอยู่ในที่ลับตาก็ต่างแย่งกันพูดเรื่องเธอ

เธอไม่อยากจะได้ยินคำพูดแบบนี้ เรนนี่รีบสาวเท้า แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ทุกย่างก้าวดูไม่ค่อยมั่นคง ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสงสาร

เธอกลับมาที่บ้าน แม่บ้านกำลังทำอาหารเย็นอยู่ เรนนี่ไม่ได้มีความอยากอาหารอะไร มุ่งตรงไปที่ห้องนอนของเธอเพื่อนอนหลับ

หัสดินกลับมาแล้ว แม้จะได้ยินเช่นนั้น แต่เรนนี่ก็ยังไม่ลุก ศีรษะถูกคลุมด้วยผ้าห่มนวม นอนตะแคงข้าง

“เรื่องนี้ผมจะไปตรวจสอบให้แน่ชัด ขณะเดียวกันก็จะให้คนพวกนั้นชดใช้ในราคาที่ควรจะจ่าย” ในใจหัสดินเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พูดกับเรนนี่ที่นอนอยู่บนเตียง

เรนนี่ลุกขึ้น เลิกผ้าห่มนวมที่อยู่บนตัวออก สีหน้าซีดขาวเปิดเผยออกมา ผมเผ้าดูยุ่งเหยิง “จะตรวจสอบไม่ตรวจสอบก็ไม่สำคัญแล้ว ยังไงซะเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นไปแล้ว นี่เป็นโทษที่ฉันสมควรได้รับ ไม่อาจโทษคนอื่นได้ แต่ว่าฉันไม่เคยเสียใจเลย ไม่เคยเลยสักนิด!”

ตาดอกท้อของหัสดินหรี่ลง เอาเช็คออกจากกระเป๋ากางเกงสูท วางไว้ที่โต๊ะ

ตอนนี้ นอกจากการปลอบใจแบบนี้แล้วนั้น เขาก็คิดวิธีปลอบใจแบบอื่นไม่ออก

ในห้องนั้นเงียบลงอย่างที่สุด เรนนี่รู้ ว่าเขาออกไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ เธอตกมาอยู่สภาพแบบนี้แล้ว เขากลับไม่อยู่เคียงข้างเธอสักคืนเดียว เขารักยู่ยี่ รักขนาดถึงขั้นนั้นเลยจริงๆหรือ?

เรนนี่มองออกไปนอกหน้าต่างดูท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเซื่องซึม นั่งกอดขาตัวเองอยู่ตรงนั้น ไม่พูดไม่จา

เช้าวันรุ่งขึ้น

เรนนี่มองเห็นเช็คที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอไม่ได้แตะต้องมัน แล้วเดินออกไป เพื่อหางานทำ

เธอไปที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง เป็นแบรนด์ทีมีชื่อเสียงที่สุดของเมือง S ราคาของเสื้อผ้าทุกตัวแพงอย่างไร้เหตุผล แต่ว่าลูกค้าภายในร้านกลับแน่นขนัด เสื้อผ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการลูกค้า

เรนนี่ไปสมัครงานเป็นพนักงานแนะนำสินค้า พนักงานให้เธอเข้าไปพบเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านนั้นเป็นหญิงวัยกลางคน เธอมองหน้าตาและรูปร่างของเรนนี่ อีกทั้งยังฟังฝีปากคารมของเธอ ก็ให้เธอหยิบเรซูเม่ออกมา หลังจากนั้นให้เธอเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนบ่าย โดยจะทดลองงานเป็นเวลา 3 วัน

ตอนบ่าย ขณะที่เรนนี่กำลังจัดแยกเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็เห็นสาวสวยอ่อนวัยคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมชุดเดรสประดับพู่ ข้างนอกสวมเสื้อคลุมขนมิ้ง สีผมที่ย้อมออกมานั้นเป็นสไตล์หรูหรา

เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามานั้น พนักงานในร้านก็โค้งให้ด้วยความเคารพ ต้อนรับเป็นอย่างดี และเรียกเธอว่า เถ้าแก่เนี้ย

เรนนี่มองไปที่เธอ แต่กลับพบว่าสายตาของผู้หญิงคนนั้นพุ่งตรงลงมาที่ร่างของเธอ มองประเมินด้วยสายตา

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ดึงสายตากลับไป หมุนตัวไปที่ห้องทำงาน กล่าวกับผู้จัดการว่า หยิบเอกสารที่มาใหม่มาให้เธอ

ในที่สุด เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรออกไป “หัสดิน คนรักของนายอยู่ที่ร้านของฉัน มาเป็นพนักงานขาย ฉันมาบอกให้นายรู้ล่วงหน้าก่อน”

หัสดินตกตะลึง พยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “ ร่างกายของเธอไม่ค่อยจะดีนัก ฝากพี่ดูแลเธอด้วย และก็ทีหลังถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเธอ ก็อย่าโทรหาผมอีก”

ซาฮาร่าพยักหน้า แสดงออกว่าเธอรับรู้แล้ว เคาะโต๊ะด้วยมือที่ทาเล็บสีแดงเบาๆ

แง้มประตูออกเล็กน้อย ซาฮาร่าประเมินเรนนี่ด้วยสายตา เธอไม่ได้มีความประทับใจอะไรกับผู้หญิงแบบนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทำตัวเป็นเมียน้อยของคนอื่น

ทว่าหัสดินเป็นน้องชายของเธอ และนี่เป็นเรื่องของเขา เธอที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ก็ควรจะช่วยเล็กน้อย

แต่เธอก็มีเงื่อนไขว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้สามารถทำหน้าที่ตัวเองได้ดีพอ แน่วแน่มั่นคง ไม่สร้างปัญหา ไม่ก่อเรื่อง เธอถึงจะให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เธอคงให้ผู้หญิงคนนี้ออกจากที่นี้เท่านั้น

เรนนี่นั้นขยันขันแข็งมาก นอกจากจัดแยกเสื้อผ้าแล้ว ก็จะปัดกวาดเช็ดถูพื้นไปด้วย เมื่อมีลูกค้าเข้ามา เธอก็จะยิ้มแย้มต้อนรับ และเสิร์ฟน้ำด้วยความสุภาพ

ซาฮาร่านั่งอยู่ที่ห้องพักผ่อน สายตานั้นไม่ได้จ้องอยู่ที่โน้ตบุ๊ค แต่กลับมองประเมินเรนนี่อยู่เรื่อยๆ

อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า เธอไม่อาจทนเห็นผู้หญิงคนนี้ทำตัวเป็นเมียน้อยได้นั้นนับว่าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ทัศนคติในการปฏิบัติงานนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทัศนคติในการทำงานของเรนนี่นั้น ซาฮาร่าชอบมันมาก

ตอนค่ำ

เรนนี่นัดพบกับเนเน่ที่ร้านกาแฟ สิ่งที่เธอต้องการคือห้องส่วนตัวในร้าน ส่วนเนเน่นั้นมาสายเล็กน้อย

ตั้งแต่วันนั้นที่ทั้งสองเจอเรื่องอันไม่อภิรมย์ พวกเธอก็ห่างหายไม่เจอกันสักพักใหญ่ และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอเจอกันหลังจากวันนั้น บรรยากาศในตอนแรกนั้นเงียบเล็กน้อย แต่ในที่สุดเรนนี่ก็เป็นคนทำลายมัน “ ฉันสั่งกาแฟที่เธอชอบดื่มที่สุดให้แล้ว และก็วันนั้นอารมณ์ของฉันเสียการควบคุมไปนิดหน่อย ขอโทษด้วยนะ” ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนั้น แม้ว่าจะกลับมาโกรธกันอีก แต่แค่คำขอโทษ 1 คำ ก็เพียงพอให้ความโกรธมลายหายไปได้

เนเน่จิบกาแฟไปจิบหนึ่ง เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรนนี่กับหัสดินนั้น เธอไม่ได้พูดถึงมัน อีกทั้งไม่ได้ถามให้มากความ สองวันมานี้ในหนังสือพิมพ์นั้นเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสาย ทั่วทั้งเมือง S ไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้ เธอบอกว่า เธอมีเพื่อนต่างเพศใกล้จะกลับมาจากกองทัพ รูปร่างหน้าตา ฐานะทางบ้าน และเรื่องอื่นๆทั้งหมดนั้นไม่เลวเลย รอเขากลับมาแล้ว เธอจะพาเรนนี่ไปพบ

เรนนี่ส่ายศีรษะ เธอไม่มีความต้องการจะนัดบอด อีกทั้งไม่อยากไปอีกด้วย เนเน่นั้นไม่เข้าใจเธอจริงๆว่าในใจเธอตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

แน่นอนว่า ในใจของเรนนี่ย่อมมีความคิดเป็นของเธอเอง แต่ความคิดพวกนั้น เป็นเนเน่ที่ไม่รู้ และไม่

เข้าใจ!

“จริงสิ เรื่องของเธอกับหัสดินทำไมถึงถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ได้ เขาไม่ได้ไปตรวจสอบเหรอ?”เนเน่เอ่ยถามอีกครั้ง