1896-1 vs 1896-2 vs 1897-1 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1896-1 ความรู้สึกเปลี่ยนไป

ฉินมั่วเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณตาต้องถามถึงเรื่องนี้แน่ จึงวางมีดและส้อมลง เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ใช่หลานสะใภ้สักหน่อย แต่ต่อไปผมจะเลี้ยงป๋อเสียวจิ่วเอง คุณตาไปบอกบ้านตระกูลป๋อก็ได้นะครับว่า เวลาที่เขาไม่มีอะไรกิน ก็ให้มากินที่บ้านเรา เพราะบ้านเขาไม่ค่อยมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย”

“หือ?” คุณท่านอานได้ยินแล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ นี่จะเลี้ยงลูกให้คนอื่นเขาแล้วยังไม่ยอมรับอีก ท่านเข้าใจตัวหลานดี น่าจะไม่ได้คิดเรื่องชู้สาวหรอก อีกอย่างอายุเท่าไรเอง ท่าจะชอบยัยเสือน้อยมาก ชอบแบบพี่น้อง

เวลานั้นคุณท่านอานยังไม่รู้ ที่หลานบอกว่า ‘เลี้ยง’ คือเลี้ยงดูจริงๆ เด็กน้อยสองคนจึงได้อยู่ด้วยกันเป็นประจำ ยัยเสือน้อยชอบเล่นเกม เวลามาที่บ้านตระกูลอานทีไร เจ้าหล่อนในชุดนอนเสือน้อยมักปีนโน่นปีนนี่ บางครั้งมีนกเค้าแมวมาเกาะที่ยอดกิ่งไม้ ยัยเสือน้อยก็มองดูเจ้าหญิงน้อยที่เล่นหมากล้อมเพียงคนเดียว ก่อนจะได้ไอเดียเด็ด วิ่งลงตึกไปปีนกำแพง

คุณพ่อบ้านผมทองยืนอยู่บนพื้น เอ่ยภาษาอังกฤษเสียงเบาว่า “คุณหนูจิ่ว อันตรายมากนะครับ” แต่เธอไม่ฟัง คุณพ่อบ้านจนปัญญา ต้องงัดไม้ตายมาใช้ “คุณชายมา”

ยัยเสือน้อยหูตั้ง ก้มลงมองทันที พอเห็นว่าไม่มีใครก็แย้มยิ้ม “คุณพี่พ่อบ้าน ซนอีกแล้วนะ เจ้าหญิงน้อยไม่ได้มาสักหน่อย”

คุณพ่อบ้าน…ใครกันแน่ที่ซน!

ป๋อจิ่วยังป่วนครั้งใหญ่ต่อ ช่างไม่รู้เลยว่ามีคนเห็นหมดแล้ว แถมยังได้แต่ถอนใจเบาๆ ก่อนจะนวดหัวคิ้ว ใบหน้าหยิ่งดูเอือมระอา จากนั้นจึงเดินไปที่ใต้ต้นไม้ ยืดตัวเหยียดตรง “ลงมา”

ยัยเสือน้อยตะลึงงัน เกาหน้าตัวเองพลางมองดูเจ้าของเสียง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉินมั่วดื่มนมในระหว่างหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหรือเปล่า เขาในเวลานี้ถึงสูงเท่ากับจิ่วแล้ว เวลายืนจึงสง่ามาก

“มั่วมั่ว ตรงนี้มีนกเค้าแมวด้วย ฉันขึ้นมาเพราะเห็นมันเหงาอยู่บนต้นไม้คนเดียว อยากจะพามันไปเล่นข้างล่างด้วยกัน”

คุณพ่อบ้านได้ยินแล้วเงยหน้ามองฟ้า ข้ออ้างแบบนี้ยังอุตส่าห์หามาได้ นกเค้าแมวไม่ยอมแบกรับความซวยนี้เด็ดขาด

ฉินมั่วชินแล้วกับความทะเล้นของเธอ จึงยื่นมือทั้งสองออกไป สำทับซ้ำด้วยสีหน้าเย็นชา “ลงมา”

เมื่อใช้ความแบ๊วไม่สำเร็จ ยัยเสือน้อยได้แต่เกาะต้นไม้แล้วรูดตัวลงมา

เด็กชายรัดตัวอีกฝ่ายแน่น ทั้งที่ตัวเท่ากัน แต่เวลาที่เขาอุ้มเธอกลับมีท่าทีเหมือนพี่ใหญ่ น่าจะเพราะบุคลิกเป็นเช่นนั้น แต่คุณพ่อบ้านจะเข้าไปช่วยกลับโดนถลึงตาใส่ คุณชายที่เลี้ยงดูเด็กช่างน่ากลัวจริงๆ

ฉินมั่วหยิบใบไม้ออกจากศีรษะของป๋อจิ่ว เอ่ยเสียงเรียบว่า “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปีนต้นไม้”

“ก็มันอดไม่ได้อะ” ป๋อจิ่วพูดตามตรง

ฉินมั่วอึ้งไป ไม่ได้พูดอะไร ทางด้านคุณพ่อบ้านอยากรู้เหลือเกินว่าคุณชายกำลังคิดอะไรอยู่ หากจะบอกว่าใครที่ทำให้คุณชายระอาใจได้มากที่สุด คิดว่านอกจากคุณหนูจิ่วแล้วคงไม่มีคนที่สอง

ช่วงนี้คุณหนูจิ่วกำลังอยู่ในช่วงฟันหลุด หน้าบวมครึ่งซีก คุณชายของเขารับคุณหนูจิ่วจากบ้านตระกูลป๋อมาอยู่ด้วย คอยเฝ้าดูเธอล้างหน้าแปรงฟัน จนคุณพ่อบ้านอยากบอกเหลือเกินว่าพ่อเขายังเลี้ยงดูเขาได้ไม่ดีเท่านี้เลย หรือว่านี่เป็นความแตกต่างของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก? ขนาดเลี้ยงเด็กก็ยังไม่เหมือนกัน?

……………………………………………..

ตอนที่ 1896-2 ความรู้สึกเปลี่ยนไป

ต่อมาไม่นาน คุณพ่อบ้านได้รู้จักครอบครัวเอเชียครอบครัวอื่น ถึงได้เข้าใจแล้วว่าวิธีการเลี้ยงดูเด็กของคุณชายพิเศษเพียงหนึ่งเดียว เพราะหากเป็นครอบครัวปกติเขาจะไม่พูดกันดังต่อไปนี้

ฉินมั่ว “ป๋อเสียวจิ่ว”

ป๋อจิ่ว “หือ?”

ฉินมั่ว “อ้าปาก”

ป๋อจิ่ว “มั่วมั่ว ฉันไม่ได้ปวดฟันแล้ว ไม่กินยาได้ป่ะ?”

ฉินมั่ว “ไม่ได้”

ป๋อจิ่ว “งั้นถ้าฉันกินยาเสร็จแล้ว หอมเธอได้ไหม?”

ฉินมั่ว “อื้อ”

คุณชายของเขายอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อเอาใจเพื่อน นับจากที่บอกว่า ‘ป๋อเสียวจิ่ว เธออย่ามาจูบฉันนะ ไม่งั้นฉันจะโยนเธอออกไปทางหน้าต่าง’ กลายเป็นยอมอนุญาตให้อีกฝ่ายใกล้ชิดกับตัวเองในเวลานี้

เวลาที่ไม่มีใครอยู่ยบ้านตระกูลป๋อ คุณหนูจิ่วจะมาค้างที่นี่ โดยมีคุณชายดูแลทุกครั้ง แต่ในฐานะที่เป็นต้นเรื่อง ยัยเสือน้อยไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว เธอต่างหากที่ดูแลมั่วมั่ว เพราะเขาไม่ชอบความมืดและก็ไม่ชอบฟ้าร้อง เธอต้องนอนกอดเขาอยู่ด้านข้าง แสดงความเป็นแฟนผู้แข็งแกร่งให้เป็นที่ประจักษ์

เมื่อวิลเลี่ยมจูเนียร์ได้ยินเรื่องแล้วอดโพล่งขึ้นมาไม่ได้ “จิ่ว เธอคิดให้ดีนะ ครั้งนี้แดดดี้ฉันไปถ่ายทำที่ป่าดิบชื้นเชียวนะ เธอจะไม่ไปจริงเหรอ?” เจ้าปีศาจจากเอเชียนั่นจะกลัวความมืดได้ไง จิ่วต้องโดนหลอกมาแน่นอน!

“ป่าดิบชื้น?” ยัยเสือน้อยเงยหน้าจากคีย์บอร์ด “โอเค ต้องไปเช้าเย็นกลับนะ แล้วฉันจะไป”

วิลเลี่ยมจูเนียร์รีบตอบ “มันอยู่ที่ชานเมืองเอง แค่สี่ชั่วโมงก็กลับแล้ว”

เดิมทีก็สี่ชั่วโมง แต่เวลาถ่ายทำงานทีไรเป็นต้องควบคุมเวลาไม่อยู่ทุกที ฉินมั่วไปที่บ้านตระกูลป๋อตอนสี่โมงเย็น เพื่อจะพาตัวยัยเสือน้อยไปกินข้าวเย็นด้วยกันเหมือนที่เคยทำ ไม่คิดว่าเธอจะไม่อยู่ คนที่อยู่กลับเป็นคุณอาป๋อซึ่งกำลังเตรียมตัวออกนอกบ้าน เขาสวมเสื้อนอกตัวดำมีฮู้ด แถมสวมถุงมือหนังสีเดียวกัน ไม่เข้ากันกับสถานะเกาะเมียกินสักนิด

“คุณอาป๋อครับ” ไม่ว่าคุณป๋อจะมีท่าทีเป็นอย่างไร ฉินมั่วล้วนรักษามารยาทเป็นอย่างดี

หลังจากที่ได้เจอฉินมั่วที่นอกประตู คุณป๋อก็ยันมือข้างหนึ่งไว้ที่กรอบประตู ดูเจ้าเล่ห์เหลือเกิน “มารับจิ่วเหรอ? วันนี้ไม่อยู่นะ เขาไปเล่นกับวิลเลี่ยมจูเนียร์ โกรธไหม?”

ฉินมั่วชะงัก ตอบเสียงเรียบว่า “เปล่าครับ”

“หือ?” คุณป๋อเลิกคิ้วยิ้มใส่ “งั้นอาจะให้จิ่วเที่ยวนานหน่อยนะ”

ฉินมั่วส่งเสียงรับรู้อย่างเป็นปกติ แล้วเดินกลับคฤหาสน์ตัวเองโดยยังคงสวมผ้าพันคอไว้ คิดจะเล่นหมากฮอสจีนที่ตัวเองเล่นคนเดียวให้จบ แต่เมื่อเห็นคีย์บอร์ดบนโซฟาก็ได้แต่หงุดหงิด

จนมาถึงตอนหกโมงเย็น บ้านตระกูลอานเริ่มทานข้าวมื้อเย็นแล้ว บังเอิญวันนี้คุณท่านอานอยู่กินเย็นที่บ้านพอดี พอเห็นที่นั่งข้างตัวหลานว่าง ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “จิ่วล่ะ?”

คุณพ่อบ้านผมทองพยายามขยิบตาให้ท่าน ทว่าท่านยังคงเดาสาเหตุต่อไป หลานที่นั่งตรงข้ามจึงเอ่ยขึ้น “ออกไปเล่นกับคนอื่นแล้วครับ”

คุณท่านอานรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจผิดที่เห็นนัยน์ตาหลานเย็นชาขึ้นตอนที่ตอบ ไม่รู้ว่าเพราะขาดสมาชิกกินข้าวไปคนหนึ่งหรือเปล่า ทำให้แม้จะมีอาหารเต็มโต๊ะ แต่บรรยากาศกลับไม่ดีขึ้นเลย ทั้งนี้คุณพ่อบ้านหนุ่มผมทองสังเกตเห็นว่าวันนี้คุณชายดูจะไม่เจริญอาหารสักเท่าไร…

…………………………………………..

ตอนที่ 1897-1 เทพฉิน…เอกการละคร

หนึ่งทุ่ม ปกติเวลาแบบนี้ ฉินมั่วจะพาป๋อจิ่วออกไปเดินเล่น การจะเลี้ยงเสื้อน้อยสักตัวก็ต้องพาไปเล่นหลังกินอิ่ม ทว่าวันนี้ฉินมั่วไม่ได้ออกไป กลับนั่งในห้องหนังสือ เปิดหนังสืออ่านได้ไม่กี่หน้าก็ช้อนสายตามองดูนาฬิกาข้างผนัง

สองทุ่ม ถ้าใครบางคนกลับมาในเวลานี้ เขาจะไม่ถือโทษที่เธอไม่เชื่อฟังคำสั่งเขา เด็กน้อยไม่เคยรู้สึกว่าเวลาช้าขนาดนี้มาก่อน

หนึ่งทุ่ม หนึ่งทุ่มครึ่ง สองทุ่ม สองทุ่มครึ่ง เขาล้มความคิดเดิม เปลี่ยนใจว่าจะรอเธอจนถึงสามทุ่ม

สามทุ่มแล้ว แสงไฟฟ้านอกหน้าต่างส่องสว่าง ต้นคริสมาสต์สวยดังเดิม แต่ฉินมั่วไม่มีอารมณ์จะชื่นชมมัน เขาหยิบหนังสือขึ้นไปชั้นบน

คุณพ่อบ้านตกใจกับเสี้ยวหน้าเย็นชาของคุณชายตัวเอง รีบหยิบมือถืออ่านนิยายเทพเซียนทันที

ฝนตกโปรยปรายอยู่ด้านนอก แต่หลอดไฟบ้านตระกูลป๋อยังดับสนิท ป๋อจิ่วไม่รู้ว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอโกรธเธอด้วยเรื่องนี้ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วเห็นว่าบ้านตัวเองมืด ก็เดินไปที่บ้านตระกูลอาน เธอไม่ได้ปีนกำแพงเพราะมีสิ่งกีดขวางเยอะมาก ได้แต่หิ้วเห็ดที่เก็บจากในป่าเดินไปยังประตูใหญ่

เมื่อป๋อจิ่วมาถึง คุณพ่อบ้านรีบให้เธอขึ้นชั้นบน ฉินมั่วยินเสียงนั้นในระหว่างที่นอนอยู่บนเตียง แต่ยังไม่หลับ ทว่าใบหน้าของเขากลับเย็นชากว่าปกติไม่ใช่น้อยๆ

ป๋อจิ่วหันไปมองคุณพ่อบ้าน กะพริบตาปริบๆ ฝ่ายหลังแอบสื่อให้เธอเดินเข้าไป

อันที่จริงต่อให้ไม่บอก เธอก็เดินเข้าไปอยู่แล้ว อุตส่าห์เอาเห็ดที่เก็บจากในป่ามาด้วยเชียวนะ

“มั่วมั่ว ฉันเอาของขวัญมาให้” แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ป๋อจิ่วเกาหน้าพลางเดินไปนั่งนิ่งที่ริมเตียง ก่อนจะวิ่งเตาะแตะเข้าห้องน้ำไป เมื่อออกมาก็สวมชุดนอนเสือน้อยเรียบร้อย เธอเดินไปรินนมแล้วเขย่งเท้ายื่นให้ฉินมั่วที่อ่านหนังสือเรื่องอาหรับราตรีอยู่ นัยน์ตาดำขลับแสดงความตรงไปตรงมา “มั่วมั่วโกรธเหรอ?”

ฉินมั่วไม่สนใจเธอสักนิด เพราะยัยเสือน้อยไม่ยอมเชื่อฟังเขา

พออเห็นเป็นเช่นนั้น ป๋อจิ่วก็ส่ายหางเสือ โน้มตัวจุ๊บฉินมั่ว  ในเมื่อเล่นทำแบบนี้ เด็กชายจะไม่กลับมาสนใจเธอได้อย่างไร? เขาหันหน้ามาเอ่ยด้วยเสียงเฉยชา “ป่าดิบชื้นสนุกไหม?”

มั่วมั่วรู้ได้ไงว่าเธอไปที่ไหนมา? ป๋อจิ่วสงสัย ก่อนจะตอบ “สนุกอยู่หรอก แต่เสียดายที่ไม่มั่วมั่วไม่ได้ไปด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความหงุดหงิดหัวใจก็น้อยลงไปเยอะ เขาเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ “ต่อไปเวลาจะไปไหน ให้บอกฉันด้วย ฉันอุตส่าห์บอกครัวให้ทำซาลาเปาเนื้อใส่ถั่วฝักยาว กลายเป็นสิ้นเปลืองไปเลย”

ยัยเสือน้อยได้ยินแล้วรู้สึกผิดมาก เธอก้มหน้าลง ฝ่ายฉินมั่วเอ่ยต่อว่า “ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้เธอไปเที่ยวเล่น แต่ต่อไปอย่าไปที่ไกลๆอย่างนั้นอีก เอาล่ะ นอนได้แล้ว” เรียกได้ว่า เรื่องแผนลึกล้ำแบบนี้ต้องฝึกกันมาตั้งแต่เด็ก คุณชายฉินรู้วิธีเลี้ยงคนแล้วว่า ต้องรู้จักถอยสลับรุก

ยัยเสือน้อยที่เริ่มสำนึกผิด เงยหน้าขึ้น เห็นแผ่นหลังที่เหงาหงอยของฉินมั่ว ก็ยื่นมือไปกอดเอวอีกฝ่าย ก่อนจะสาบานอย่างจริงใจ “ต่อไปไม่ว่าจะไปไหน ฉันจะพามั่วมั่วไปด้วย”

ฉินมั่วอึ้ง ก่อนส่งเสียงตอบรับ “อืม”

ยัยเสือน้อยเห็นเขาไม่โกรธหนักแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าความเย็นชาในแววตาของเด็กผู้ชายที่หันหลังให้เธอคลายลงแล้ว แต่มีอย่างอื่นแอบแฝงแทน

 ………………………………………………..