ตอนที่ 830

Alchemy Emperor of the Divine Dao

เจ้าจะเป็นคนสู้เอง?

ไม่ต้องคิดอะไรให้ยากเย็น เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น พลังของเขาอ่อนแอเกินไป ไม่ต้องพูดถึงการต้านทานหนึ่งกระบวนท่าเลย แค่ออร่าของศัตรูก็ทำให้เขาตกตายแล้ว

แต่หม่าตั้วเปาไม่มองที่พลังบ่มเพาะของหลิงฮัน เขาเชื่อในตัวหลิงฮัน หม่าตั้วเปาขมวดคิ้วและกล่าว “เจ้าแน่ใจ?”

“แน่นอน!” หลิงฮันพยักหน้า

“งั้นก็ดี!” หม่าตั้วเปาไม่ซักไซ้ เขาพยักหน้าและกล่าว “งั้นรอบสุดท้ายเจ้าเป็นคนไปสู้!”

“พี่ฮัน!” จูเสวียนเอ๋อคว้ามือของหลิงฮันเอาไว้ ใบหน้าอันงดงามของนางเป็นไปด้วยความกังวล

หลิงฮันพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เคยทำอะไรผลีผลามอยู่แล้ว”

“หลิงฮัน ลุยเลย!” ฮูหนิวสะบัดมือเล็กๆของนางเพื่อให้กำลังใจเขา

“จัดการมันให้อยู่หมัดเลย อย่าให้นายท่านกระต่ายต้องเสียหน้า!” เจ้ากระต่ายเอ่ยขึ้น

หลิงฮันก้าวออกไปและกล่าว “การต่อสู้นี้ข้าสู้เอง!”

พรวดด!

เหล่าห้านิกายโบราณหัวเราะลั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้

จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาตัวน้อยๆเช่นเจ้าต้องการเข้าร่วมการต่อสู้เดิมพันครั้งนี้งั้นรึ? ไม่ใช่ว่านั่นเท่ากับการแส่หาความตายรึไง?

หรือจักรวรรดิจันทราม่วงจะยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว?

ใบหน้าของราชันอสรพิษมารกระตุกเล็กน้อยและกล่าว “เจ้าหนูนั่นไม่อาจดูถูกได้ พลังป้องกันของเขานั้นแข็งแกร่งเกินจะบรรยาย!” ขนาดโดนผ่ามือของเขาเข้าไป หลิงฮันก็ยังไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย

เพราะว่าเรื่องนั้นมันน่าอับอายเกินไปเขาเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟังและสั่งให้ฉือชิ่วเหรินปิดปากให้มิด ดังนั้นจึงไม่มีใครรับรู้ว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่ทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ

“เจ้าน่ะรึ?” อู่เกาเหยียนขมวดคิ้ว “ข้าที่มีพลังสุดแข็งแกร่ง แต่เป็นเจ้าที่จะมาสู้กับข้า?”

เขารู้สึกราวกับกำลังถูกดูหมิ่น!

จักรวรรดิจันทราม่วงรู้แล้วว่าจะต้องแพ้ เลยจงใจส่งจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามาหักหน้าเขา

“ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้วมาเริ่มกันเลย!” หลิงฮันกวักนิ้ว

อู่เกาเหยียนเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม มือของเขายกขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยเส้นแสงสีเงินนับพันออกมา เส้นแสงเหล่านั้นเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นดาบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน

หลิงฮันไม่เคลื่อนไหว เขาโคจรแก่นแท้แห่งดาบเพื่อสลายดาบนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาทันที และทำให้เขานั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่เส้นผม

“แก่นแท้แห่งดาบ?” อู่เกาเหยียนตะลึงเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ “ไม่เลวเลยที่เจ้าสามารถรู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งวิถีวรยุทธได้ แม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกข้าจอมยุทธระดับทลายมิติที่รู้แจ้งถึงแก่นแท้แห่งวรยุทธได้ก็มีเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนจากจอมยุทธระดับทลายมิติทั้งหมด!”

น้อยเช่นนั้นเลย?

หลิงฮันคิดในใจ แต่หากคิดให้ดีนั่นก็ไม่นับว่าแปลก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นแม้จะมีทรัพยากรบ่มเพาะที่อุดมสมบูรณ์ทำให้จอมยุทธบรรลุระดับทลายมิติและระดับที่สูงกว่านี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่แก่นแท้แห่งวรยุทธนั้นต้องพึ่งพาเพียงแค่ความเข้าใจของตนเอง

“ข้าชักจะสนใจนิดหน่อยแล้ว!” จิตสังหารของอู่เกาเหยียนรุนแรงขึ้น “การสังหารอัจฉริยะเช่นเจ้านับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่เลว ที่โลกเบื้องล่างแห่งนี้คนที่รู้แจ้งแก่นแท้แห่งวรยุทธได้ในระดับก้าวสู่เทวาคงมีเจ้าเป็นคนแรกสินะ?”

หลิงฮันยื่นมือไปด้านหน้าและกวักนิ้วยั่วยุ “เจ้าเป็นตัวโง่งมเช่นใด ทำไมถึงได้เอาแต่พล่าม?”

เส้นเลือดบนหน้าผากของอู่เกาเหยียนปูดบวมขึ้นมาและกล่าว “ทำให้ข้าโกรธมีแต่จะทำให้ตัวเจ้าเองเสียเปรียบ!”

“นี่เจ้ายังจะพล่ามอยู่อีก?” หลิงฮันกล่าว

‘ตูม!’

อู่เกาเหยียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาดันฝ่ามือปลดปล่อยดาบนับพันออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ดาบแต่ละเล่มได้แฝงแก่นแท้แห่งดาบเอาไว้ด้วย พลังทำลายล้างของพวกมันย่อมมากกว่าเดิมและไม่มีทางที่จะถูกสลายได้ด้วยแก่นแท้แห่งดาบของหลิงฮัน

การโจมตีแบบเอาจริงของระดับทลายมิติสิบแปดดาว!

ไม่มีทางเลยที่จะป้องกันมันได้!

‘ปัง’ หลิงฮันถูกโจมตีใส่จนร่างกระเด็นราวกับว่าวที่เส้นด้ายขาด

อู่เกาเหยียนแสยะยิ้ม “เช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดจะสู้กับข้าอยู่อีกรึไม่?”

“แน่นอน!” หลิงฮันลุกขึ้นมาจากพื้นดิน เขาบิดร่างไปมาจนกระดูกเกิดเสียงเสียดสีกันก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง

อะไรกัน!

ตาของทุกคนแทบจะถลนออกมา เจ้าหนูนั่นเป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?

ก่อนหน้านี้ที่ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมถูกโจมตีจนแทบจะตกตาย หม่าตั้วเปายังต้องยื่นมือเข้าช่วย

จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?

“กายหยาบที่ทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ!” จอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งอุทานออกมา

จอมยุทธของห้านิกายโบราณอดแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาไม่ได้ หลิงฮันมีพรสวรรค์มากเกินไป แค่ระดับก้าวสู่เทวาเขาก็มีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบแล้ว ไม่ใช่ว่านั้นคือพลังป้องกันที่สูงสุดของโลกนี้แล้วงั้นรึ?

ไม่แปลกเลยที่หลิงฮันกล้าเสนอตัวเข้าร่วมต่อสู้ ที่แท้เขาก็มีกายหยาบที่ฝืนสวรรค์เช่นนี้นี่เอง

“เหอะ แร่เหล็กระดับสิบงั้นรึ?” อู่เกาเหยียนแสยะยิ้ม “แล้วยังไง หากถูกกระหน่ำโจมตีแม้จะเป็นแร่เหล็กระดับสิบก็ต้องพังทลาย!”

หลิงฮันส่ายมือและกล่าว “เลิกพูดมากแล้วมาสู้ต่อได้แล้ว เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ถ้าเจ้าไม่สามารถชนะข้าได้ในสิบกระบวนท่า จะถือว่าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้!”

อู่เกาเหยียนเค้นเสียงดูถูก “ทำไมข้าต้องให้คำมั่นเช่นนั้นกับเจ้า?”

“เจ้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบแปดดาว ส่วนข้าเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวา แค่สิบกระบวนท่าก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึ?” หลิงฮันยิ้ม

ใบหน้าของจอมยุทธจากห้านิกายโบราณบิดเบี้ยว เจ้ามีกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ ในโลกนี้แทบจะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ แล้วใครจะไปชนะเจ้าภายในสิบกระบวนท่าได้?

อู่เกาเหยียนขี้เกียจจะพูดไร้สาระดับหลิงฮันอีกต่อไป เขาลงมือโจมตีหลิงฮันต่อทันที

‘พรึบ’ อู่เกาเหยียนนำดาบออกมา ดาบของเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเย็นยะเยือก

ดาบเล่มนี้คืออาวุธวิญญาณระดับสิบที่ถูกกระตุ้นพลังอย่างเต็มที่แล้ว การใช้มันในการต่อสู้ก็เหมือนกับมีจอมยุทธระดับทลายมิติอีกคนมาช่วยสู้

หลิงฮันไม่เกรงกลัว เขาไม่ต้องต้องการชนะศึกนี้ แต่แค่ต้องการทำให้การพนันจบลงด้วยการเสมอ แม้เจ้าจะมีจอมยุทธระดับทลายมิติมาช่วยสู้นับสิบก็เชิญโจมตีมาเลย

‘ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!’

อู่เกาเหยียนกวัดแกว่งอาวุธวิญญาณระดับสิบเข้าใส่หลิงฮัน ออร่าที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นราวกับเทพมาร