เจียงเฟยเฟย
สิบนาทีต่อมา จางเซวียนหยุดการยกระดับวรยุทธด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความจนปัญญา
เรารู้ว่ามันไม่ง่าย…เขาคิดขณะนวดหว่างคิ้วอย่างลำบากใจ
จางเซวียนเคยคิดว่าตัวเขาคงฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 2-ร่างอันทรงเกียรติได้อย่างง่ายดายด้วยทรัพยากรที่ได้จากตระกูลหลัว แต่ใครจะไปคิดว่าพลังจิตวิญญาณที่ได้จากทรัพยากรเหล่านี้มีความบริสุทธิ์ไม่พอสำหรับเขาในการฝ่าด่านวรยุทธ!
ทรัพยากรเหล่านี้น่าจะเพียงพอสำหรับใครก็ตามที่จะยกระดับวรยุทธขึ้นไปได้จนถึงระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสาน แต่เพราะจางเซวียนไม่ได้ฝึกฝนเทคนิควรยุทธแบบธรรมดา แต่เป็นศาสตร์แห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้า อีกอย่าง จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาก็ได้รับการบ่มเพาะจากสายฟ้าด้วย ทำให้มันปฏิเสธทุกอย่างที่ไม่บริสุทธิ์พอ
ลงท้าย แม้พลังจิตวิญญาณที่ได้จากทรัพยากรเหล่านี้จะไม่ได้มีสิ่งปนเปื้อนมากนัก แต่ก็ยังไม่บริสุทธิ์พอสำหรับเขา
และเมื่อปราศจากแหล่งพลังงาน ก็ไม่มีทางที่จะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ
กว่าเขาจะประมวลศิลปะแห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้าได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถูกบังคับให้ต้องหยุดการยกระดับวรยุทธเพียงเพราะแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณที่เขามีนั้นบริสุทธิ์ไม่พอ
เมื่อเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ จางเซวียนก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เอาเถอะ*…ตอนนั้นเราลังเลที่จะนำทรัพยากรของตระกูลหลัวออกมาเยอะๆเพราะหลัวกั้นเจินตามติดเราอยู่แต่คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนักถ้าจะขโมยทรัพยากรจากตระกูลเจียง…ในเมื่อพวกเขาทรยศมวลมนุษย์ยิ่งเรานำทรัพย์สมบัติออกมาได้มากเท่าไหร่คนพวกนี้ก็จะทำร้ายมวลมนุษย์ได้น้อยลงเท่านั้น!* จางเซวียนคิดขณะผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ถึงเขาจะมีสิทธิ์ใช้ทรัพยากรของตระกูลหลัว แต่ก็ไม่อาจนำข้าวของทั้งหมดออกจากขุมสมบัติได้ แต่สำหรับตระกูลเจียง เขาไม่ต้องคิดมาก เพราะในเมื่อคนพวกนี้ทรยศมวลมนุษย์ ทรัพย์สมบัติที่พวกเขามีก็มีแต่จะทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องรีรออะไรอีก
เมื่อคิดได้ จางเซวียนรีบดึงจิตวิญญาณต้นกำเนิดกลับเข้ากายเนื้อก่อนจะออกจากรังนางพญามด
ข้างนอกยังคงเงียบเชียบตอนที่เขากลับสู่คลังหนังสือตระกูลเจียง เห็นชัดว่าไม่มีใครรู้ว่ามีผู้บุกรุกคนหนึ่งที่ผ่านค่ายกลป้องกันตัวและเข้าถึงหนังสือของพวกเขา
เราจำได้ว่าเห็นขุมสมบัติของตระกูลเจียงระหว่างทางที่มาที่นี่มันน่าจะอยู่ทิศทางนี้แหละเดินตรงไปดูดีกว่า*!*
ด้วยทักษะการควบคุมมิติ จางเซวียนออกจากคลังหนังสือตระกูลเจียงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ทำให้ใครรู้ตัว หลังจากประเมินทิศทางแล้วเขาก็รีบเดินไป ไม่ช้าก็มาถึงที่หมาย
ฉนวนที่ปิดกั้นขุมสมบัตินั้นแข็งแกร่งและมีมาตรการป้องกันเหนียวแน่นกว่ามากเมื่อเทียบกับคลังหนังสือ มีฉนวนปิดกั้นอยู่ชั้นแล้วชั้นเล่าในรูปแบบที่ซับซ้อน ทำให้การถอดรหัสเป็นไปได้ยาก
จางเซวียนกำลังจะใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบฉนวนเพื่อหาข้อบกพร่องและเล็ดลอดเข้าไปในขุมสมบัติ ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
เขารีบพุ่งเข้าไปยังมุมที่อยู่ใกล้ที่สุด และด้วยการโบกมือ จางเซวียนก็สร้างปราการมิติขึ้นล้อมรอบตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเสร็จภารกิจ ก็เห็นคนสองคนเดินเข้ามา
จางเซวียนต้องประหลาดใจที่ทั้งคู่มีใบหน้าที่เขาคุ้นเคย
คนซ้ายคือชายวัยกลางคนที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อ 2-3 ชั่วโมงก่อน, หัวหน้าตระกูลเจียงฟังโหย่ว ส่วนคนขวาคือสาวน้อยร่างสูงที่มีกิริยาท่าทางซึ่งบ่งบอกถึงความกล้าหาญ เธอคือนักปราชญ์รุ่นเยาว์ของสมาคมนักออกแบบสวรรค์สร้าง, เจียงเฟยเฟย!
ดูเหมือนเจียงฟังโหย่วจะทำอะไรบางอย่างให้เจียงเฟยเฟยไม่สบายใจ สีหน้าของเธอดูไม่มีความสุข เธอประท้วง “ท่านพ่อ…”
“ที่ผ่านมา พ่ออนุญาตให้เจ้าใช้เวลาเรียนรู้เรื่องไร้สาระอย่างศาสตร์ของนักออกแบบสวรรค์สร้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ทวีปแห่งปรมาจารย์กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และคงจะวุ่นวายมาก ในฐานะทายาทที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในตระกูลเจียงของเรา เจ้าจะต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้!” เจียงฟังโหย่วเทศนาอย่างเคร่งเครียด
“ท่านพ่อ…ท่านพ่อพูดเหมือนไม่รู้ระดับวรยุทธของฉันอย่างนั้นแหละ ยังอีกไกลโขกว่าฉันจะสำเร็จวรยุทธเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 8 เพราะฉะนั้น ถึงฉันจะอยากแบกรับภาระของตระกูลเจียง แต่ฉันจะทำอะไรได้?” เจียงเฟยเฟยบ่นกระปอดกระแปด
“ความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงของเราไม่ได้มาจากวรยุทธของพลังปราณ แต่เป็นวรยุทธของจิตวิญญาณ ด้วยสายเลือดบริสุทธิ์ของเจ้า จิตวิญญาณของเจ้าย่อมแข็งแกร่งกว่าคนรุ่นเดียวกันมาก ถ้าเจ้าสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณที่ผู้ก่อตั้งของเราคิดค้นขึ้นได้ เจ้าก็จะได้รับมรดกตกทอดของผู้ก่อตั้ง และประสิทธิภาพการต่อสู้ก็จะสูงขึ้นด้วย” เจียงฟังโหย่วอธิบาย
นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายของความคาดหวังขณะพูดต่อ “พ่อไม่ได้พูดเล่นกับเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตระกูลเจียงของเรา หากมีอะไรผิดพลาดล่ะก็ ตระกูลเจียงจะต้องสูญสิ้นแน่ แล้วถึงเวลานั้น เจ้าจะมาตีโพยตีพายไม่ได้นะ!”
“เอาเถอะ เอาเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว…” เห็นความเคร่งเครียดของท่านพ่อ เจียงเฟยเฟยได้แต่พยักหน้าอย่างจนปัญญา “ฉันจะพยายามจนสุดความสามารถก็แล้วกัน ตกลงไหม? แต่ท่านพ่อก็ควรจะรู้ไว้ด้วยว่าการทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณนั้นยากเย็นนัก บรรพบุรุษมากมายของเราก็ยังทำไม่สำเร็จ ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีโอกาสมากนักหรอก!”
“…เจ้าพยายามจนสุดความสามารถก็แล้วกัน เราเพิ่งได้ข่าวว่าจางเซวียนจากตระกูลจางสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของเวลาแล้ว และหลัวเทียนหยาจากตระกูลหลัวก็สำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติ ในบรรดาสามตระกูลชั้นนำ มีแต่ตระกูลเจียงของเราเท่านั้นที่ยังล้าหลังอยู่!” เจียงฟังโหย่วถอนหายใจเฮือก
“จางเซวียนคนนั้นที่ท่านพ่อพูดถึงน่ะเป็นคนปราดเปรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ อายุเพียงเท่านี้ก็เป็นหัวหน้าตระกูลจางและหัวหน้าปูชนียสถานนักปราชญ์แล้ว ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะทำความเข้าใจแก่นสารของเวลาได้ ว่าแต่…หลัวเทียนหยาที่พ่อพูดถึงน่ะเป็นใคร?” เจียงเฟยเฟยถามด้วยความสงสัย
ถึงอย่างไร ตระกูลหลัวก็ไม่ได้ประกาศเรื่องการสถาปนาหัวหน้าตระกูลคนใหม่ออกมาอย่างเป็นทางการ จึงมีแต่สมาชิกชั้นนำของตระกูลเจียงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
อีกอย่าง เจียงเฟยเฟยก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่ปูชนียสถานนักปราชญ์แทนที่จะอยู่ในตระกูลเจียง และเธอก็ไม่ได้มีกลุ่มก๊วนของตัวเอง จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่รู้เรื่องนี้
“ตามข่าวที่เราได้มา หลัวเทียนหยามาจากครอบครัวสาขาของตระกูลหลัว ดูเหมือนเขาจะเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบอยู่ในตระกูลมาตลอด แต่ความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติที่เขามีอยู่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และหลังจากการตรวจสอบสายเลือด ก็ปรากฏว่าสายเลือดของเขาบริสุทธิ์ถึงระดับ ‘9’ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเอาชนะทายาทของนักปราชญ์โบราณจื่อร่งจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้ด้วย” เจียงฟังโหย่วอธิบาย
แม้เจียงฟังโหย่วจะพูดเอง แต่ก็ยังมีสีหน้าของความไม่อยากเชื่อ ดูเหมือนเขาจะยังสงสัยในการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหลัวเทียนหยา ซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้
แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ก็ต้องบอกว่าตระกูลหลัวโชคดีมาก
ไม่นานมานี้ ตระกูลจางเพิ่งพบทายาทน้อยที่หายตัวไป และได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลและพละกำลังอย่างน่าทึ่งในทวีปแห่งปรมาจารย์ ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจางโด่งดังขึ้นมาใหม่ ไม่นานหลังจากนั้น ใครคนหนึ่งในตระกูลหลัวก็สำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติ…
ในเมื่อตระกูลเจียงของพวกเขาล้าหลังกว่าใคร ก็เป็นธรรมดาที่เจียงฟังโหย่วจะต้องร้อนรน
“หลัวเทียนหยามาจากครอบครัวสาขาของตระกูลหลัวหรือ? ท่านพ่อ, ทำไมไม่ลองดูครอบครัวสาขาของพวกเราบ้างล่ะ? เราอาจมีอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องซึ่งสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของจิตวิญญาณก็ได้ ถ้าหาเจอล่ะก็ ท่านพ่อก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการค้นหาผู้สืบทอดอีก!”
ได้ยินคำพูดของลูกสาว เจียงฟังโหย่วตำหนิเธออย่างรุนแรง “ใช้อะไรคิดถึงคิดเรื่องเหลวไหลได้แบบนี้! ขนาดตัวเจ้าซึ่งเป็นสมาชิกหลักของตระกูลเจียง ยังทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณไม่ได้เลย แล้วจะคาดหวังให้สมาชิกจากครอบครัวสาขาทำได้อย่างนั้นหรือ? ฝันไปหรือเปล่า? มันคือปาฏิหาริย์ที่หลัวเทียนหยาปรากฏตัวขึ้นในตระกูลหลัว เจ้าคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นน่ะปรากฏตัวกันง่ายๆหรือไง?”
“ทำไมพ่อถึงปฏิเสธอัจฉริยะจากครอบครัวสาขาล่ะ? ถ้าตระกูลอื่นมีทายาทผู้ปราดเปรื่องที่มาจากครอบครัวสาขาได้ พวกเราก็น่าจะมีได้เหมือนกัน…” เจียงเฟยเฟยพึมพำ
ถึงเธอจะปราดเปรื่องเรื่องวรยุทธของจิตวิญญาณ แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบการฝึกฝนวรยุทธ ความสนใจของเธออยู่ที่การออกแบบ และเธอก็เชี่ยวชาญในสาขานั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นนักปราชญ์รุ่นเยาว์ของสมาคมนักออกแบบสวรรค์สร้าง
แต่โชคร้ายที่ดูเหมือนตระกูลเจียงจะไม่อนุญาตให้เธอทำสิ่งที่ตัวเองสนใจอีกต่อไป
“ถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริงล่ะก็ พ่อจะเชิญเขามาเดี๋ยวนี้เลย และมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้เขาด้วย!” ได้ยินคำพูดของลูกสาว เจียงฟังโหย่วคำรามอย่างเหลืออด “เลิกหลงละเมอเพ้อพกแล้วไปฝึกฝนได้แล้ว! ภารกิจของเจ้าตอนนี้คือนั่งลงตรงหน้าอักษรหยกของตระกูลเจียงและพยายามทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณให้ได้โดยเร็วที่สุด อย่ามัววอกแวกคิดเรื่องอื่น ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จล่ะก็ เพื่อเป็นการรับประกันว่าตระกูลของเราจะสามารถรับมือกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา เราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะหมั้นหมายเจ้ากับกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อให้พวกเขาช่วยปกป้องตระกูลเจียงของเรา!”
เมื่อได้ยินว่าจะถูกบังคับให้แต่งงานหากไม่สามารถทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณได้ เจียงเฟยเฟยนัยน์ตาเบิกโพลงอย่างพรั่นพรึงขณะรีบส่ายหน้า “ท่านพ่อ ฉันไม่อยากแต่งงาน!”
“เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า อันตรายที่เราต้องเผชิญน่ะใหญ่หลวงกว่าที่เราเคยเจอมานักต่อนัก พ่อเกรงว่า…ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงของเราในเวลานี้ ลำพังเฉพาะพวกเราคงเอาตัวรอดไม่ได้หรอก!” เจียงฟังโหย่วถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองลูกสาวอย่างอับจนหนทาง
“แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวลนะ ถึงพ่อจะหมั้นหมายลูกให้กับใคร คนๆนั้นก็ต้องเป็นจางเซวียนจากตระกูลจางหรือไม่ก็หลัวเทียนหยาจากตระกูลหลัว…เพราะถึงอย่างไร พ่อก็จะไม่ปล่อยให้ลูกต้องเสียใจแน่!”