องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 646 กลับเรือน

ฉีเฟยอวิ๋นดูเหล่าลูกๆแล้วเรียกคนเตรียมอาหาร เพราะเธอจะกินข้าวแล้ว

อวิ๋นจิ่นจัดวางอาหารลง แล้วนั่งกินอาหารเป็นเพื่อนฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นได้ถามฉีเฟยอวิ๋นว่าเหตุใดถึงไม่มุ่งตรงรักษาโรคให้แก่เฟิงอู๋ชิงเลย กลับมาใช้วิธีการเช่นนี้

ฉีเฟยอวิ๋นกินพร้อมกับกล่าวว่า“เขาเป็นคนที่ไม่อยากจะดี หากข้ารักษา เขาอาจไม่เต็มใจให้ข้ารักษาเขาหรอก พอดีกับข้ายืมโอกาสนี้ ลองดูเท่านั้นเอง หากว่าเขาตาย ข้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ในใจยิ่งไม่ต้องแบกรับ ข้าจะบอกกับตนเองด้วยความปลื้มปริ่มว่าข้าทำเพื่อช่วยชีวิตเขา”

อวิ๋นจิ่นกล่าวด้วยความตลกขบขันว่า“นายท่านอารมณ์ขันเสียจริง!”

“เจ้ากินเยอะๆหน่อย”ฉีเฟยอวิ๋นกินอยู่ ทันใดนั้นประตูได้เปิดออกอย่างรุนแรง อวิ๋นจิ่นรีบคุ้มกันเด็กๆ ผมที่ฉีเฟยอวิ๋นม้วนขึ้นกระจายลอยลม บนศีรษะของเธอมีปิ่นปักผมอยู่หนึ่งชิ้น ก็ได้หล่นลงบนพื้น

รอจนลมหยุดลง เฟิงอู๋ชิงที่ยืนอยู่หน้าประตูก็สงบลง

อวิ๋นจิ่นมองเฟิงอู๋ชิงที่อยู่หน้าประตูด้วยสายตาเย็นชา

เฟิงอู๋ชิงมองฉีเฟยอวิ๋นที่ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นได้ยกมือขึ้น ดึงดูดปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นของฉีเฟยอวิ๋นมากอบกุมไว้

ฉีเฟยอวิ๋นรีบลุกขึ้น เฟิงอู๋ชิงกล่าวว่า”อย่าเข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะหักปิ่นนี่เสีย”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ฟัง สาวเท้าก้าวเดินเข้าไปหา

เฟิงอู๋ชิงชะงักงันไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นที่โผเข้ามาหาเขา

จิตใต้สำนึกของเขาให้ยกมือรับฉีเฟยอวิ๋นไว้ คาดไม่ถึงเลยว่าตัวจะหันไปทางฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นโอบกอดเฟิงอู๋ชิง ทางกลับกันเป็นเขาที่ล้มตกอยู่ในอ้อมกอด

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงช้าๆ เฟิ่งอู๋ชิงอยู่ในอ้อมกอดของเธอ

ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วมอง กล่าวด้วยความเดือดดาลว่า“เจ้านี่ไม่ซื่อตรงเสียจริง เจ้าคิดจะทำอะไร?”

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาลูกกลอนขจัดพิษออกมา จับบีบที่คางของเฟิงอู๋ชิงแล้วยัดเข้าไป จากนั้นลุกขึ้นแล้วผละออกจากเฟิงอู๋ชิง

เฟิงอู๋ชิงเลยถูกทิ้งอย่างนั้น แต่เขาฟื้นฟูได้อย่างว่องไว กลืนยาลูกกลอนเขาก็ไม่เป็นไรแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นเดินกลับไป หยิบปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา

เฟิงอู๋ชิงนอนเอกเขนกอยู่บนพื้นไม่ลุกขึ้นมา ที่จริงเขาสัมผัสได้ว่าร่างกายไม่เป็นไรแล้ว

แต่เขาไม่ลุกขึ้น อู๋ซังกับหมอเทวดาวิ่งมาเห็นเฟิงอู๋ชิงอยู่สภาพนั้น คิดว่าเขาไม่ไหวแล้วแน่นอน เลยพากันรีบกุลีกุจอไปดู

เฟิงอู๋ชิงกล่าวว่า“ไสหัวไป ที่นี่อบอุ่น ข้าจะนอนที่นี่”

อู๋ซังสีหน้าเหลอหลา ห้องส่วนตัวของคนอื่นท่านยังจะนอนหรือ?

จวนอ๋องเย่ไม่ขัดขวางท่านขนาดนั้นหรือ?

หมอเทวดาไม่วางใจ รีบตรวจสอบดูให้เฟิงอู๋ชิง มั่นใจว่าไม่ได้เป็นไรแล้วถึงได้ลุกขึ้นมองเฟิงอู๋ชิง

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเฟิงอู๋ชิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่กล้าลุกขึ้น

“พวกเจ้าออกไปเถอะ เจ้าหอเฟิงกำลังฟื้นตัวจากโรค ที่นี่เหมาะที่จะรักษาบาดแผลของเขา”

หมอเทวดารู้สึกไม่เข้าใจเลย นี่ยังรักษาไม่หายหรือ?

อู๋ซังรีบดึงหมอเทวดาออกไป เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่จบไม่สิ้นหรอก ปล่อยเจ้าหอจัดการเองเถิด

อู๋ซังปิดประตู อวิ๋นจิ่นปล่อยเด็กๆ ถึงได้ลุกขึ้นไปกินข้าวกับฉีเฟยอวิ๋น

เฟิงอู๋ชิงนอนอยู่บนพื้น ฉีเฟยอวิ๋นกินข้าวของตนไม่ได้สนใจเฟิงอู๋ชิงเลย

อวิ๋นจิ่นจัดการจัดเก็บ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านพ่อของข้าไปที่จวนแม่ทัพไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนเย็นข้าอยากพาลูกๆไปที่นั่น เจ้าจัดการที ข้าจะเข้าไปในวังสักหน่อย”

ฉีเฟยอวิ๋นทำเหมือนเฟิงอู๋ชิงไม่อยู่ที่นั่น เธอเข้าไปเปลี่ยนชุดในสระกำมะถันแล้วจึงเข้าวัง

อวิ๋นจิ่นดูแลเด็กๆ ไม่ได้สนใจเฟิงอู๋ชิงเท่าไหร่ ผลสรุปพอหันกลับมาอีกที ก็ไม่เจอเฟิงอู๋ชิงแล้ว

อวิ๋นจิ่นรู้ว่าเฟิงอู๋ชิงไปแล้ว กำลังคิดว่าจะไล่เขาไปอย่างไรดี เขาก็ออกไปเพื่อช่วยแก้ปัญหาเสียแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ และนำคำพูดของหนานกงเย่กราบทูลต่อองค์จักรพรรดิอวี้ตี้

“ข้ารู้แล้ว ไม่เจอกันนาน อวิ๋นอวิ๋นเปลี่ยนไปแล้ว!”องค์จักพรรดิอวี้ตี้เดินมาตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น มองพิจารณาเธออย่างละเอียด ฉีเฟยอวิ๋นทำได้เพียงก้มศีรษะลง ไม่มีอะไรที่อยากจะพูดแล้ว

“อย่างไรหรือ?จ้ากล่าวตรัสสิ่งใดก็ไร้การตอบโต้ เกรงว่าตอนอ๋องเย่ไม่อยู่ ข้าจะขังเจ้าหรือ?” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นึกได้ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นจะไป จุดจัดการพระที่นั่งบำรุงฤทัยครั้งนั้น

ฉีเฟยอวิ๋นก็นึกได้ เพราะฉะนั้นเลยไม่อยากจะพูด

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ก้มศีรษะกล่าวตรัสว่า“เงยหน้าขึ้น ข้าไม่มีสิ่งใดที่จะไม่สามารถดูได้”

“หม่อมฉันมิกล้า”ฉีเฟยอวิ๋นอึดอัดใจ เธอไม่ควรเข้าวังมาเลย

“อยากให้ข้าช่วยหรือไม่?”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวตรัสด้วยน้ำเสียงอึมครึม ทำให้ตกใจจนฉีเฟยอวิ๋นจำใจต้องเงยหน้าขึ้นมา

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ชะงักครู่หนึ่ง แต่พระองค์เห็นฉีเฟยอวิ๋น แววตาที่พินิจพิจารณากลับเปลี่ยนแปลงเป็นอบอุ่น

“ข้ามิใช่คนดุร้าย และก็มิใช่ภัยพิบัติที่ทำร้ายคนอย่างรุนแรง กลัวอันใดหรือ?”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้น้อยใจขึ้นมาคล้ายดั่งเด็กน้อยผู้หนึ่ง แต่ฉีเฟยอวิ๋นมิกล้าเอาคำพูดขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้มาคิดจริงจัง

ที่เรียกว่าอยู่เป็นเพื่อนกษัตริย์คล้ายดั่งอยู่เป็นเพื่อนเสือ เสียเปรียบก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้ง หากว่ายังไม่จำใช้คำพูดหนานกงเย่มาพูด มุ่งตรงชนจนตายเถิด

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้จ้องมองฉีเฟยอวิ๋นครู่หนึ่ง ทำเสียงในลำคอแล้วเดินไปนั่ง

ฉีเฟยอวิ๋นอยากกราบลา กล่าวว่า“ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

“ยืนอยู่นั่นแหละ ในเมื่อเจ้าไม่ชอบมองข้า ก็มองเยอะๆหน่อย”องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งลงจิบชา ฉีเฟยอวิ๋นยืนรับบทลงโทษ

คนไม่ยอมแพ้เจอกัน ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกผิดที่อุ้มเจ้าห้ามา พระที่นั่งบำรุงฤทัยกระจุยแล้ว!

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กล่าวถามเรื่องราวที่ชายแดนกับเธอ แล้วก็กล่าวเล่าเรื่องในพระราชวัง พระองค์บอกว่าฮองเฮาอยู่พระตำหนักเย็นตลอด ยังบอกว่าสองวันนี้พระสนมเอกเซียวจะให้กำเนิดแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นหลุบตาลง แทบจะหลับแล้ว

เรื่องของพวกเขาฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจ เพียงแค่สามารถออกไปได้ อย่างน้อยที่สุดรอจนหนานกงเย่กลับมาก็จะไม่มาแล้ว

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ลุกขึ้น เดินมาตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น

“มู่เหมียนก็ตั้งครรภ์แล้ว”ตอนที่องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสกล่าวฉีเฟยอวิ๋นชะงักงันแล้วเงยหน้ามององค์จักรพรรดิอวี้ตี้

องค์จักรพรรดิกล่างตรัสอีกว่า”ทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว ข้าหลอกเจ้า”

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้หมุนตัวเดินขึ้นบันไดสูงไป แล้วกล่าวตรัสด้วยว่า”กลับไปเสีย”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่สบายใจ พอกล่าวถึงมู่เหมียน นางอยากได้ลูกมาก แต่เหตุใดนานถึงเพียงนี้นางยังไม่มีอีกล่ะ?

หรือว่า สุขภาพร่างกายมู่เหมียนมีปัญหา?

“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากไปเยี่ยมหรงเต๋อเฟยเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นอยากจะเจอมู่เหมียนมาก

“ไม่ต้องแล้ว เจ้าก็รู้ว่านางคือหรงเต๋อเฟย เช่นนั้นกลับไปก่อนเถอะ”องค์จักรพรรดิอวี้หมุนตัวนั่งลง ไม่มองฉีเฟยอวิ๋นและเริ่มอ่านสาส์นกราบทูลข้อราชการของขุนนางเสนาบดี

ฉีเฟยอวิ๋นกราบทูลลา ถึงได้ออกจากพระราชาวังไป

เธอไม่สามารถได้พบเจอมู่เหมียนได้ ฉีเฟยอวิ๋นเลยออกจากพระราชวังก่อน

ขึ้นรถม้าแล้วกลับจวนอ๋องเย่ ช่วงผ่านจวนอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นถามอาอวี่ว่า“อาอวี่ เจ้าได้เจอตงเอ๋อร์หรือไม่”

“เจอพ่ะย่ะค่ะ”อาอวี่กลับมาก็ไปพบตงเอ๋อร์แล้ว

“คืนนี้เจ้าไปพบตงเอ๋อร์ ถามให้ข้าที เกี่ยวกับเรื่องช่วงนี้ของหรงเต๋อเฟย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นสั่งกำชับ อาอวี่นำฉีเฟยอวิ๋นกับอวิ๋นจิ่นและเด็กๆมาส่งถึงจวนแม่ทัพ แล้วอาอวี่จึงกลับไปก่อน

แม่ทัพฉีได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นพาลูกๆมา ก็ยังแปลกใจอยู่

“นี่กลับมาแล้วหรือ เพิ่งจะแยกกัน”แม่ทัพฉีออกมาจากทางเรือนด้านหลัง ได้ยินว่าบุตรสาวและเหล่าหลานน้อยมา ก็ได้เร่งมาเจอ

เห็นบุตรสาวพาคนมา ทุกคนอุ้มเด็กคนหนึ่ง เขารีบเดินกล่าวว่า“หนาวเช่นนี้ พวกเจ้ามากันอย่างไร?”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ต่างเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ได้รับความลำบากบ้างจะได้อย่างไร ไม่หนาวเจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นอั้มเด็กน้อยเข้าด้านใน แม่ทัพฉีเร่งคนทำให้ห้องอบอุ่นขึ้น

ได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นเอาเด็กน้อยกลับมา จวนแม่ทัพเลยคึกครื้นอีกแล้ว