บทที่ 649 ฮูหยินรองเกิดเรื่อง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 649 ฮูหยินรองเกิดเรื่อง

“ข้าต้องไปดูเองถึงจะได้ ก่อนหน้านี้ข้าขอให้ฝ่าบาทให้ข้าพบมู่เหมียนแต่ฝ่าบาทไม่ทรงอนุญาต ข้าจึงได้เลยมาถามเกี่ยวกับเรื่องของมู่เหมียนซึ่งแปลกประหลาดอยู่บ้างจริงๆ

อย่าได้ใจร้อน มู่เหมียนเข้าวังก็นับว่าไม่นานเท่าใด ในไม่กี่วันนี้พระสนมเอกเซียวก็จะทรงให้กำเนิดแล้ว หากว่าข้าเดาไม่ผิดพระสนมเอกเซียวคลอดบุตรฝ่าบาทก็จะต้องทรงรับสั่งให้ข้าเข้าวัง ถึงเวลาข้าจะได้พบมู่เหมียน เพียงแค่ข้าเจอนางข้าก็จะสามารถสืบพบสาเหตุได้”

“ได้ ได้…..ขอบใจพระชายาเย่มู่เหมียนนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ฮูหยินกั๋วจิ้วแตะๆมือของฉีเฟยอวิ๋นด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ

ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวว่า: “ข้าควรไปแล้ว ที่มาเยี่ยมในตอนดึกก็เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่าข้าเป็นห่วงเรื่องของมู่เหมียน

ในเมื่อฝ่าบาทไม่ต้องการให้ข้าเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้เช่นนั้นก็ต้องกระทำการอย่างลับๆ กั๋วจิ้วและฮูหยินก็ต้องเผชิญหน้าอย่างสงบถึงจะได้

ท่านอ๋องยังไม่กลับมา รอให้ท่านอ๋องกลับมาเรื่องราวก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น เขานั้นมีหนทางอยู่แล้ว”

“ลำบากพระชายาเย่แล้ว หากว่ามู่เหมียนไม่เป็นอันใดพระชายาเย่ก็คือผู้มีบุญคุณอันใหญ่หลวงของจวนกั๋วกงเรา ทุกคนในจวนกั๋วกงจะต้องทำตาม……”

“ฮูหยิน……บางคำพูดที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวและยิ่งไม่สามารถกล่าวได้”

ฉีเฟยอวิ๋นยับยั้งไว้และฮูหยินกั๋วจิ้วก็รีบพยักหน้า: “ข้ากล่าวผิดแล้ว พวกเราจะส่งพระชายาเย่ออกไป”

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าและหันหลังเดินออกไป

ส่งฉีเฟยอวิ๋นจากไปแล้วฮูหยินกั๋วจิ้วสูดอากาศอันเย็นครั้งหนึ่งแล้วมองไปยังกั๋วจิ้วหวังฮวายอัน: “นายท่าน พวกเราทำผิดต่อพระชายาเย่หรือเปล่า ตอนแรกปฏิบัติกับนางเช่นนั้นแต่ตอนนี้นางดีต่อเราเช่นนี้”

“รู้ก็ดีแล้ว เข้าไปเถอะ นางทำเพื่อมู่เหมียนเจ้าคิดว่าทำเพื่อจวนกั๋วจิ้วของเราหรือ?” ต้ากั๋วจิ้วหันหลังกลับไปฮูหยินกั๋วจิ้วรีบตามหลังมา

“กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้ ในเมื่อนางทำเพื่อมู่เหมียนก็คือเพื่อพวกเรา มู่เหมียนคือความหวังของจวนกั๋วจิ้วของเรา”

“ฮึ่ม ความหวังอันใด ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด เกรงว่าจะไม่มีหวังซะแล้ว”

“นายท่าน”

“ข้ารู้เจ้าเสียใจภายหลังที่ส่งเหมียนเอ๋อร์เข้าไปในวังแล้วข้าไม่เสียใจหรือ? เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วมาดูกันว่าจะเป็นเช่นไรเถอะ

มีพี่สาวอยู่มู่เหมียนจะไม่ทนทุกข์ทรมาน เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่แปลกประหลาด ให้พระชายาเย่สืบหาก็ดี

ตอนนี้อ๋องเย่ได้สร้างผลงานเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็จะไม่ถึงแก่ชีวิต

หากว่าจวนกั๋วจิ้วสร้างปัญหาขึ้นมาก็จะส่งผลกระทบต่อมู่เหมียนไปด้วย”

สามีภรรยากลับไปอย่างกังวลใจ ส่วนฉีเฟยอวิ๋นนั้นกลับไปยังจวนแม่ทัพ

ทันทีที่เข้าไปก็เห็นคนอยู่ในลานจวนแม่ทัพ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นผู้คนเหล่านี้จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย มองย้อนกลับไปตรงหน้าประตูและนึกถึงรถม้าที่อยู่ฝั่งหนึ่ง ท้องฟ้ามืดมิดจึงไม่ได้สังเกตน่าจะเป็น คนของจวนราชครู

ผู้คนจำนวนมากมาคิดที่จะจับกุมคนหรือ?

“พระชายาเย่ พวกเราเป็นคนของจวนราชครู ราชครูให้เรามารับพระชายาเย่ไปที่จวนฮูหยินรองเกิดเรื่องแล้ว”

คนสนิทของราชครูจวินฉีเฟยอวิ๋นจำได้ ปกติไม่เคยเห็นในจวนอ๋องเย่แต่เคยเห็นสองสามครั้งที่จวนราชครู

“เช่นนั้นไปกันเถอะ” ชีวิตคนนั้นสำคัญลังเลไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นให้อาอวี่นำหีบยามาในทันทีและหันหลังกลับไปยังในรถม้า

จากนั้นก็เดินตามคนของจวนราชครูไปยังจวนราชครูจวิน

ฮูหยินของคุณชายรองกระวนกระวายใจอยู่ตรงหน้าประตูเพื่อรอให้ฉีเฟยอวิ๋นปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า ฮูหยินคุณชายรองก็รีบเดินไปตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นและคุกเข่าลงร้องไห้: “ช่วยท่านแม่สามีด้วย”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลากล่าวจากนั้นก้าวเดินไปในจวนราชครูจวิน

เข้าประตูไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ตรงไปยังเรือนหลังของฮูหยินรองโดยตรง เข้าไปก็เห็นญาติๆผู้หญิงบางคนในจวนราชครูจวิน ส่วนผู้ชายยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านข้างทั้งสิ้น

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปท่ามกลางฝูงชนและไม่นานก็ถึงยังในห้อง ฮูหยินรองใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่บนเตียง ราชครูจวินนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยผมเผ้าอันทรุดโทรม มืออันแก่ชรากุมมือของฮูหยินรองเอาไว้พร้อมกับนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเหม่อลอย

ในเวลานี้จวินเจิ้งหนานร้องไห้เสียใจมากกว่าผู้ใด คุกเข่าอยู่บนพื้นพร้อมกับร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

ผู้คนอื่นๆน่าจะเป็นภรรยาและอนุพร้อมทั้งลูกๆของจวินเจิ้งหนาน ทุกคนคุกเข่าอยู่ในห้อง

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูมาก็รีบไปดูฮูหยินรองทันที ก้มลงจับข้อมือของฮูหยินรองและเริ่มตรวจดูอาการ

ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วและเปิดแขนเสื้อของฮูหยินรองออกทันที เนื้อหนัวงของนางแห้งเหี่ยวและเหลือง

“ราชครูให้ทุกคนออกไป” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว

ราชครูจวินเหลือบมอง: “ออกไปให้หมด”

ทุกคนรีบออกไปและฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ราชครูก็ออกไปด้วย”

ราชครูจวินอาลัยอาวรณ์แต่เหลือบมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นก็ลุกขึ้นแล้วออกไป

รอราชครูจวินไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กรีดข้อมือและหยดเลือดออกมาเล็กน้อยให้ฮูหยินรอง ฮูหยินรองดื่มเลือดแล้วจากนั้นใช้เวลานานถึงจะค่อยๆหายใจ

เมื่อเห็นฮูหยินรองหายใจฉีเฟยอวิ๋นถึงได้โล่งอก

นั่งลงหยิบยาเม็ดใส่เข้าไปในปากของฮูหยินรอง ฮูหยินรองลืมตาขึ้นมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นซึ่งยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง

“เกิดสิ่งใดขึ้นกับข้า?” ฮูหยินรองอ่อนแรงนักและยังหายใจลำบากอยู่

“ฮูหยินถูกพิษ ฮูหยินดื่มยาพิษเองหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม ฮูหยินรองแววตามึนงงแต่นางไม่ได้กล่าวสิ่งใด

ฉีเฟยอวิ๋นนั้นเข้าใจแล้วว่ามีคนอิจฉาฮูหยินรองและไม่ชอบฮูหยินรองดังนั้นจึงลงมือทำร้าย

หากว่านางไม่มาและหากว่าไม่มีเลือดของนาง เช่นนั้นฮูหยินรองก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

พิษนั้นหาได้ยากแต่ถอนได้เพียงแค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น

นางถอนพิษก็สายเกินไปแล้วดังนั้นจึงคิดถึงการใช้เลือดถอนพิษ

ฮูหยินรองไม่เป็นไรแค่ต้องพักฟื้น ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น: “ราชครู”

ราชครูจวินอยู่ด้านนอกตลอด ได้ยินเสียงเรียกของฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าประตูไปทันที

เมื่อเห็นว่าฮูหยินรองไม่เป็นไรแล้วก็เดินไปยังด้านข้างของฮูหยินรองทันที จากนั้นนั่งลงและจับมือของฮูหยินรองเอาไว้ เส้นผมขาวทั่วทั้งศีรษะซึ่งทำให้ฉีเฟยอวิ๋นตกใจในทันใด เดิมทียังมีผมสีดำอยู่สองสามเส้น แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เส้นเดียวเลย

ตอนแรกนางยังไม่เชื่อว่าคนเราผมจะหงอกได้ในชั่วข้ามคืน แต่ตอนนี้ไม่เชื่อก็ไม่ได้เสียแล้ว

ราชครูจวินกุมมือฮูหยินรองเอาไว้: “เจ้าฟื้นแล้วหรือ?”

เปิดปากกล่าวขึ้นเสียงของราชครูจวินนั้นสั่นเทา

ฮูหยินรองมองไปยังราชครูจวินแล้วหลับตาลง

ราชครูจวินหันหลังกลับแล้วนั่งลงข้างๆฮูหยินรอง กุมมือของฮูหยินรองไว้พร้อมทั้งถามฉีเฟยอวิ๋นว่า: “พระชายาเย่ เจินเหนียงของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

เจินเหนียง?

ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงครู่หนึ่งแต่ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าเจินเหนียงคือชื่อของฮูหยินรอง

“ฮูหยินรองไม่เป็นไรแต่พิษนั้นรุนแรงมาก ข้ามาได้ไม่ทันเวลาเท่าใดนัก ตอนนี้ฮูหยินรองยังอ่อนแอนักและต้องการการพักฟื้น”

ฉีเฟยอวิ๋นเขียนใบสั่งยา ส่วนราชครูจวินก็เริ่มต้นจัดการกับเรื่องนี้เช่นกัน

“ผู้ใดเป็นผู้ส่ง?” ใบหน้าของราชครูจวินเย็นยะเยือกในขณะที่คิ้วยกขึ้นดังกับไม้กวาดซึ่งช่างดูโหดร้ายนัก ปากของเขาตกลงด้านล่างราวกับยมบาลที่มีชีวิต

จวินเจิ้งหนานรีบเข้าประตูมาจากด้านนอกแล้วคุกเข่าลง: “ท่านพ่อ ข้าเอง ข้าเป็นผู้ที่สั่งให้ห้องครัวทำเองและส่งมาให้ด้วยตนเอง”

ราชครูจวินมองไปยังบุตรชาย: “เจ้าช่างโง่เขลาเช่นนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นผู้ดูแลจัดการตระกูล แต่หากข้าไม่ให้เจ้าเป็นผู้ดูแลจัดการตระกูลคนบางคนก็ไม่ใช่ว่าจะยินดีหรอกหรือ?”

“ท่านพ่อ ยกโทษให้ข้าด้วย” จวินเจิ้งหนานรีบโขกศีรษะลง

ราชครูจวินหรี่ตาจากนั้นมองลงไปที่พื้นแล้วกล่าวว่า: “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง เรื่องนี้ผู้ใดเป็นคนทำก็ออกมายอมรับแล้วข้าจะไม่ทำให้คนในเรือนของนางติดร่างแหไปด้วย หากว่าข้าเป็นผู้กล่าวออกมาเช่นนั้นก็อย่าได้โทษผู้อื่น”

ฮูหยินของคุณชายรองเข้ามาจากตรงหน้าประตูและรีบคุกเข่าลงข้างๆสามี