TQF:บทที่ 554 คิดถึงแปลกๆ (2)
“คุณหนูลำเอียง” ผู้เฒ่าหยิงตาร้อนถึงที่สุดเมื่อเห็นดาบวิเศษ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองบนกับท่าทีอิจฉาของเขา อดพูดไม่ได้ “น่าอายจริงๆ”
“น่าอายก็น่าอาย คุณหนู นั่นน่ะของวิเศษเลยนะ ทั้งชีวิตข้าก็ไม่เคยเห็น” ผู้เฒ่าหยิงไม่อายเลย พูดออกมาอย่างคนมีเหตุผล
ฟางซูหยุนส่ายหน้าและหัวเราะ “ของวิเศษก็ไม่ได้สุดยอดอะไร ขอแค่วิทยายุทธเจ้าถึงขั้น หลังจากนี้อยากได้ของอะไรก็ได้ อีกอย่าง เหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช้อาวุธนี่ และพวกเราก็ไม่เห็นที่เหมาะกับเจ้าด้วย”
“เขาน่ะไม่ใช้หรอก ไม่แน่ก็แค่อยากได้มาสะสม และเราก็ไม่มีเงินซื้อให้เขาด้วย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดต่อพลางมองไปที่ตาแก่จอมโลภ หัวเราะก่นด่า “เจ้านี่เอาไหนหน่อยสิ รีบๆบรรลุบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ ก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะ ถึงเวลานั้นเจ้าออกไปเดินสักรอบก็คงมีของมากมายมาให้เจ้าถึงที่”
“มาให้ถึงที่?”
โม่อู๋เซอพูดขึ้นอย่างขบขัน “มีเรื่องดีแบบนี้ที่ไหนกันใครจะมาให้ของวิเศษตัวเองถึงที่”
“อาจารย์ เรื่องนั้นก็ไม่แน่หรอก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะ เหลือบมองตาเฒ่าที่ยิ้มเขิน “บางคนนี่ชอบรังแกคนอื่นนี่ ขอแค่เจ้าพวกที่มาถึงที่ ผู้เฒ่าหยิงโขกสับหมด ย่อมต้องได้สมบัติมาไม่น้อยอยู่แล้ว ของพลังวิญญาณเอย ของวิเศษเอย ก็คงไม่น้อยเหมือนกัน ท่านว่าถูกมั้ย”
“นี่มันปล้นกับการถูกปล้นนี่” หรงจิ้งซือก็หัวเราะออกมา
ฟางซูหยุนหัวเราะตาม แต่ไม่นานนักนางก็หุบยิ้มลง “เสี่ยวเสี่ยว ครั้งนี้ใช้หินพลังวิญญาณไปไม่น้อย หินพลังวิญญาณในตัวเจ้าก็ไม่เยอะ เจ้าจะทำอย่างไรดี”
หินพลังวิญญาณเป็นเงินตราใช้สอยในผืนดินฉางไห่ ไม่ว่าจะซื้ออะไร ขอแค่มีหินพลังวิญญาณก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่มีหินพลังวิญญาณก็ยากมากที่จะซื้อของ แม้ว่าเหรียญทองก็ใช้ได้ แต่ก็ซื้อได้แค่ของใช้สอยทั่วไปเท่านั้น ของที่มีราคาหน่อยหรือการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ฝึกฝนวิทยายุทธต้องใช้หินพลังวิญญาณเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ซื้ออะไรไม่ได้
ตอนนี้พวกนางเพิ่งจะมาถึงผืนดินฉางไห่ เพื่อเลื่อนขั้นมิติแล้ว หินพลังวิญญาณที่เหลือไว้มีไม่มาก แค่วันนี้วันเดียวก็ใช้ไปเกือบ 200 เม็ด ในมือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแม้จะมีอีก 2-300 เม็ด แต่สำหรับการใช้จ่ายของ 5 คนแล้วก็อยู่ได้อีกไม่กี่วัน
ตอนนี้ยังไม่มีใครให้พึ่งพา และก็ไม่มีกิจการอะไร อยากจะได้หินพลังวิญญาณเพิ่มก็ต้องหาวิธี
“ท่านย่าพูดถูก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใส่ใจไม่ได้ อย่างไรซะเรื่องนี้นางก็ต้องเป็นคนจัดการ และก็เป็นความรับผิดชอบของนางด้วย “พวกเราจะรีบจัดการเรื่องนี้”
การหาหินพลังวิญญาณ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก หลักๆต้องดูว่าจะหาอย่างไร
ในที่ต้องห้ามของบางสถานที่
ภูเขาขึ้นกันเรียงราย ทั้งชันและอันตราย หุบเขาแต่ละลูกเป็นสีดำน้ำเงิน มีหมอกขึ้นบางๆ เหมือนผ้าขาวที่แยกภูเขาออกจากกัน เหลือเพียงยอดเขาสีเขียว ราวกับภาพวาดทิวทัศน์ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยหมึกจางๆ ผ่านไปสักพักหมอกจางออก หินผาที่เผยออกมาถูกแสงมยูขย้อมเป็นสีแดงเพลิง ค่อยๆกลายเป็นสีทองแดง ตัดกับต้นไม้ท้องนาสีเขียว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความงาม
มองผ่านหมอกวันจางๆ ยอดเขารอบทิศ และต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ทั่ว ท่ามกลางทุ่งเมฆมีร่างสีขาวร่างหนึ่งปรากฏให้เห็นลางๆ ราวกับละลายไปกับท้องฟ้าและผืนดิน ผมสีดกดำสยายเบาๆราวกับเทวดาจุติ ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
หลังจากที่หมอกจางออกไป เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาปานเทวดา ตาคู่ดำเป็นประกายบางทีก็ฉายเววคมกริบ บางทีก็ฉายแววสับสน
เขาก็คือโม่ซวนซุนที่ตื่นขึ้นมาแล้ว อยู่ที่นี่มาหลายเดือน เขาจำได้แค่ตัวเองชื่อโม่ซวนซุน ตาแก่ซอมซ่อคนหนึ่งที่บอกว่าเป็นอาจารย์ของตัวเองพามาที่นี่
สำหรับอาจารย์คนนี้ เขารู้สึกแปลกๆอยู่ตลอด ไม่ได้รู้สึกสนิทชิดเชื้อหรือเคารพรัก กลับอยากจะหนีออกไปจากที่นี่ แต่อาจารย์ก็บอกตัวเองว่าแต่เดิมเขาก็เป็นคนของโถงวิหารสวรรค์อยู่แล้ว
เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมากกับหลายๆอย่างในโถงวิหารสวรรค์ ราวกับเติบโตที่นี่ แต่ก็มีบางอย่างในใจบอกกับตัวเองว่า มันต้องมีอะไรแน่ๆ
ส่วนจะเป็นอะไรนั้นเขาก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าความทรงจำของตัวเองหายไปเยอะมาก ส่วนทำไมถึงหายไปนั้นอาจารย์ตาแก่ซอมซ่อไม่ได้บอกตัวเอง บอกแค่ว่าเมื่อถึงเวลาเขาก็จะรู้เอง
ตาแก่ซอมซ่อไม่ยอมบอกตัวเอง โม่ซวนซุนถามคนอื่นก็ไม่ได้ความ เพราะคนอื่นๆในโถงวิหารสวรรค์ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขามายืนอยู่บนยอดเขานี้ได้ 2 วันแล้ว รู้สึกอยู่ตลอดว่าจะมีความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมา แต่เขากลับไม่สามารถจับมันไว้ได้ บางครั้งก็มีเสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นในหัว แต่เขาก็จำไม่ได้ว่านางเป็นใคร เพียงแต่หัวใจเจ็บขึ้นมา นี่มันเรื่องอะไรกัน
ในป่ามีเสียงร้องของนกแว่วมา เสียงใสๆนั่นราวกับบทเพลงอันไพเราะ ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไป
บทเพลง บทเพลงอันไพเราะ
นึกถึงตรงนี้เขาเคลิ้มไป มีบทเพลงที่คุ้นเคยถูกร้องขึ้นจากปากเขา “(เพลงหนูรักข้าว)”
เมื่อร้องจบโม่ซวนซุนก็อึ้งไป เขาไปหัดร้องเพลงแปลกๆแบบนี้มาจากที่ไหนกัน เขารู้สึกอยู่ลางๆว่าเพลงนี้สำคัญมาก ราวกับตัวเองจะร้องให้ใครฟัง
ใคร ใครกัน เขานึกอย่างไรก็ไม่ออก รู้แค่ว่าคนๆนี้สำคัญกับตัวเองมาก สำคัญมาก แต่ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนล่ะ
——————————