TQF:บทที่ 555 วุ่นวายถึงที่ (1)

 

ในหัวเหมือนมีบางอย่างแว้บผ่านไป ไวจนเขาจับไม่อยู่ โม่ซวนซุนกุมหน้าผากอย่างเหนื่อยใจ ถอนหายใจเศร้าๆ

 

ทันใดนั้น ก็มีความคิดหนึ่งโผล่เข้ามาในหัว เพลงที่เขาร้องเมื่อกี้สำคัญมาก บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีที่เขาจะใช้หาคนและเรียกความทรงจำคืนได้

 

คิดมาถึงตรงนี้ ตาของเขาฉายแววหนักแน่น ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็ต้องเรียกความทรงจำกลับมาให้ได้

 

“อาจารย์ปู่เล็ก”

 

เสียงนุ่มๆแว่วเข้ามาขัดความคิดของโม่ซวนซุน เขาขมวดคิ้วมองไปยังหญิงสาวชุดแดงที่กำลังมาด้วยสายตาเย็นชา

 

ฐานะของโม่ซวนซุนสูงส่งมาก ต่อให้เป็นเจ้าโถงเมื่อเจอเขาก็ต้องเรียกอาจารย์อา ส่วนคนรุ่นหลังกว่านั้นก็เป็นรุ่นศิษย์หลานทั้งนั้น จะเรียกอาจารย์ปู่เล็กก็เป็นเรื่องปกติ

 

หญิงสาวชุดแดงตรงหน้าสวยไม่แพ้ใคร เป็นศิษย์หลานที่มาหาเขาบ่อยที่สุด ไม่รู้ทำไมโม่ซวนซุนถึงรู้สึกไม่ชอบศิษย์หลานคนนี้เอาซะเลย แม้ว่าทุกครั้งนางจะมีท่าทีเอาใจแต่เขาก็ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด

 

“มีอะไร” น้ำเสียงเย็นชา โม่ซวนซุนขี้เกียจแม้แต่จะเหลืองมอง ราวกับคนที่มานี้ไม่ใช่หญิงสาวโฉมงาม หากแต่เป็นขอทาน

 

ในใจของหยินเฟิ่งทั้งแค้นและสับสน นางเป็นลูกศิษย์ระดับสูง คนที่ชอบนางไม่ถึงพันก็ถึงร้อย เดินไปไหนก็ถูกเทิดทูนอย่างกับจันทราบนท้องฟ้า แต่ละคนต่างคอยเอาใจนางกันทั้งนั้น นอกจากคนๆนี้…

 

ผู้ชายที่ตัวเองพากลับมา แต่ตอนนี้นางกลับเป็นฝ่ายเข้าให้และยังถูกเมินใส่ ทำให้นางยากจะยอมรับจริงๆ

 

ถูกเมินขนาดนี้ แน่นอนว่าหยินเฟิ่งไม่ยอม โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกเขาด่าว่านังสารเลวที่โถงใหญ่ นางยังแค้นมาจนถึงตอนนี้ นางจึงบอกกับตัวเองว่าจะต้องพยายามทำให้เขาชอบตัวเองให้ได้ แล้วค่อยทิ้งเขา ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะชำระหนี้แค้นนี้

 

เพื่อให้เรื่องนี้เป็นจริง หยินเฟิ่งใช้ทุกข้ออ้างเพื่อได้เข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ แต่นางปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้ ไม่ต้องพูดถึงฐานะผู้สืบสานจิตเทพ ลำพังแค่ตัวตนของเขาก็มีแรงดึงดูดมากมายทำให้นางอยากจะเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว

 

กับคำพูดเย็นชาของเขา หยินเฟิ่งเม้มปาก เอ่ยเสียงอ่อน “อาจารย์ปู่เล็ก 3 เดือนให้หลังโถงสาขาของเราจะเริ่มคัดตัวลูกศิษย์ ไม่ทราบว่าอาจารย์ปู่เล็กอยากจะไปดูมั้ย”

 

“ไม่อยาก” โม่ซวนซุนไม่อยากจะอยู่กับนางเลย พูดจบเขาก็หายตัวไปทันที ราวกับพูดกับนางมากกว่านี้ถือเป็นการทรมานตัวเอง

 

ไปอีกแล้ว

 

ใบหน้าของหยินเฟิ่งเย็นเฉียบทันที กัดฟันกรอด “ไอชั่ว ข้าไม่ปล่อยให้เขาอยู่อย่างสุขสบายหรอก สักวันความอับอายที่ข้าได้รับนี้จะคืนให้เป็นเท่าตัว เจ้าคอยดูก็แล้วกัน”

 

ภายในโถงหลัก เจ้าโถงและชายวัยกลางคนกำลังดูฉากที่เกิดขึ้นเมื่อกี้อยู่ จนกระทั่งหยินเฟิ่งจากไปพวกเขาถึงได้สลายภาพนั้นออก

 

“เจ้าโถง ท่าทางจะให้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจะยาก” ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาอย่างใช้ไม่ได้

 

“ไม่เป็นไรหรอก” เจ้าโถงยิ้มออกมาเบาๆ “แม้ว่าอาจารย์อาจะปฏิบัติกับหยินเฟิ่งไม่ค่อยดี ขอแค่พวกเขาเจอกันบ่อยๆจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในวันหน้าแน่ ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่เดือน ถ้าอีกหลายปีหรือหลายร้อยปี ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ อีกอย่าง ตอนนี้อาจารย์อายอมคุยกับหยินเฟิ่งบ้างก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว ถ้าหากไม่สนใจหยินเฟิ่งเลยจริงๆถึงจะเป็นปัญหา”

 

“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ก็หวังว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นเมื่อความทรงจำของอาจารย์อากลับมา ต้องลงมือกับหยินเฟิ่งอีกแน่ ต่อให้เป็นพวกเราก็คงยากที่จะห้าม”

 

“เอาหน่า เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงลูกศิษย์เจ้าหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีอาจารย์ปู่อยู่นี่ พวกเราจะมีอะไรให้เป็นห่วง ถึงวันนั้นแล้วค่อยว่ากัน”

 

“พอเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้”

 

ชายวัยกลางคนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อ “จริงสิ อีก 3 เดือนก็จะถึงเวลาที่พวกเราโถงวิหารสวรรค์รับลูกศิษย์อีกแล้ว เจ้าโถงมีแผนว่าอย่างไรบ้าง”

 

“แผน? จะมีแผนอะไรอีก หวังว่าจะได้ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์หน่อยก็พอใจแล้ว พวกเราโถงวิหารสวรรค์ไม่ได้เรียกร้องสูงนัก ขอแค่มีพรสวรรค์ที่จำเป็นต่อพวกเราโถงวิหารสวรรค์ก็พอแล้ว แต่ตอนนี้จะหาลูกศิษย์ที่เหมาะสมกับพวกเราในผืนดินฉางไห่นี่ยากจริงๆ”

 

“ถ้าอย่างนั้นเราบอกเหล่าผู้อาวุโสก็พอแล้ว หลักๆก็คือดูพรสวรรค์ของศิษย์เหล่านั้น ขอแค่พรสวรรค์ดี วิทยายุทธแย่หน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างไรซะสำหรับพวกเราโถงวิหารสวรรค์ จะยกระดับวิทยายุทธของลูกศิษย์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งสำคัญคือมีพรสวรรค์ที่จำเป็นต่อโถงวิหารสวรรค์”

 

“ถูกต้อง ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์น่ะมีน้อยมากจริงๆ หวังว่าในบรรดาลูกศิษย์ปีนี้จะมีเรื่องให้ดีใจบ้างเถอะ”

 

“ขอให้เป็นแบบนั้น”

 

ภายในโรงเตี๊ยมของเฉาซาง ฟางซูหยุนได้ข่าวมาว่าอีก 3 เดือนโถงวิหารสวรรค์จะเปิดรับศิษย์ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรีบพาอาจารย์และอาจารย์หญิงเข้ามิติ ให้พวกเขาพัฒนาระดับวิทยายุทธในเวลาที่เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นด้วยวิทยายุทธของพวกเขา เกรงว่าแม้แต่การทดสอบรอบแรกของโถงวิหารสวรรค์ก็ไม่ผ่าน

 

ดังนั้น ทุกคนจึงตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ก่อน 2 เดือน เดือนที่ 3 ค่อยเดินทางไปโถงสาขาที่ใกล้ที่สุดเพื่อเข้าร่วมการคัดตัว จะได้ไม่พลาดโอกาส

 

บอกตามตรง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ อย่างไรซะกว่าโถงวิหารสวรรค์จะเปิดรับศิษย์ก็ใช้เวลาในรอบหลายปีหรือหลายสิบปี การตัดสินใจขึ้นอยู่กับโถงวิหารสวรรค์ล้วนๆแล้วค่อยแจ้งไปยังแต่ละเขต ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าโถงวิหารสวรรค์เปิดรับศิษย์เมื่อไหร่

 

เมื่อได้โอกาสนี้ โม่อู๋เซอและหรงจิ้งซือไม่อยากพลาดไป ไม่ว่าอย่างไรเดิมทีพวกเขาก็เป็นคนของโถงวิหารสวรรค์ แล้วยังมีโอกาสเข้าไปตามหาลูกศิษย์ที่หายตัวไปอีก ดังนั้นพวกเขาจึงฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย หวังว่าจะบรรลุระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ได้ใน 3 เดือน

 

เมื่อก่อนพวกเขาอาจจะไม่รีบที่จะบรรลุ แต่ตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งมิติของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพื่อทำการบรรลุ ขอแค่ได้เป็นบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ พวกเขาก็จะมีโอกาสได้เข้าไปในโถงวิหารสวรรค์ ไม่อย่างนั้นต่อให้วิทยายุทธระดับปรากฏราชันย์จักพรรดิ์พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะผ่านเข้าไปได้

 

กับความต้องการและความคิดของอาจารย์และอาจารย์หญิงแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงได้แต่พยายามช่วยให้อาจารย์และอาจารย์หญิงได้ตามที่หวัง

 

เมื่อเสร็จจากอาจารย์และอาจารย์หญิงแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มาที่วังสวรรค์ ตอนนี้ก้อนเมฆลอยอยู่ทั่วโดยมีหมอกขาวล้อมรอบ ราวกับอยู่ในความฝัน ยากจะแยกออกว่าไหนคือเรื่องจริง หยูเฮงนั่งหลับตาฝึกฝนอยู่ใต้ต้นหลิว ไม่ได้ตื่นขึ้นเพราะการมาของนาง

—————————————————————