TQF:บทที่ 556 วุ่นวายถึงที่ (2)

 

ต้นหลิวน้อยๆที่เขียวขจีตั้งอยู่หลังหยูเฮงทั้งลำต้นมีแสงสีเขียวไหลเวียนอยู่ กลายเป็นอักขระลึกลับที่เปล่งแสงสีเขียวจ้าระยิบระยับ ทุกอย่างเหมือนกับกำลังร่างภาพโลกอีกใบขึ้นมา ไม่สามารถวัดขนาดอะไรได้เลย

 

เหมือนจะเป็นรูปธรรม แต่ก็เหมือนจะเป็นนามธรรม ในชั่วขณะนี้ แม้แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ไม่รู้อะไรยังเข้าใจว่าเจ้าต้นหลิวน้อยนี้ไม่ธรรมดา สมกับที่เป็นต้นไม้เทพจริงๆ

 

นางดีใจอยู่ไม่น้อย รอคอยให้พวกเขาตื่นมาอย่างเงียบๆ

 

ไม่นานนัก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เห็นความผิดปกติบนตัวหยูเฮง มีเมฆลอยอยู่เหนือหัวนาง เป็นประกายเจิดจ้า มีพลังมากมายไหลเวียนอยู่ กลายเป็นเมฆหลายสียาวออกไปหลายหมื่นลี้  ดอกบัวสีม่วงยักษ์ 3 ดอกฝังรากขึ้นไป ค่อยๆขยายก้านอันสง่าออก ใบของมันเป็นสีเขียวสดใส กลีบดอกใหญ่เทียบเท่าล้อรถ หมุนติ้วๆไม่หยุด ทั้งหญ้าวิเศษและหลิงจือพากันผุดขึ้นจากพื้น ยาวไปถึงขอบฟ้า

 

ทันใดนั้นนางก็เริ่มกลายร่าง บางครั้งเป็นต้นใหญ่สีเขียว บางครั้งเป็นดอกไม้สีสด บางครั้งเป็นดอกไม้สีอ่อน บางครั้งก็เกิดผลมากมาย ราวกับกำลังสลับไปเรื่อยๆระหว่างแต่ละพืชพันธุ์ ผ่านไปสักพักก็มีแสงเปล่งออกมามากมายเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งสีรุ้ง สีแดง สีเขียว สีม่วง สีเหลือง สีทองและอีกมากมายเกินจะนับ สว่างจ้าสะดุดตา

 

วิวัฒนาการ ร่างเดิมของหยูเฮงกำลังวิวัฒนาการ

 

อย่างไรซะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็คิดไม่ถึงว่าหยูเฮงจะมีโอกาสวาสนาได้เจอไม้เทพสายฟ้าได้ ทำให้นางประหลาดใจมากจริงๆ

 

ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็เกิดความผิดปกติ บรรยากาศสงบอบอวลไปทั่ววังสวรรค์ พลังวิญญาณมากมายลอยอยู่กลางอากาศและยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นทิวทัศน์งดงามจนถึงที่สุด มีสะพานสายรุ้งตั้งตะหง่านอยู่บนฟ้า เมฆลอยรวมตัวกัน

 

ท่ามกลางความผิดปกตินี้ เวลาก็ได้ผ่านไปเรื่อยๆ

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหยูเฮงก็ลืมตาขึ้น ภายในตาคู่สวยของนางราวกับมีดวงดาราและแสงสายฟ้ามากมายพุ่งออกมา ณ บัดนี้แม้แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็รู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามอย่างแปลกประหลาด

 

แน่นอนว่าสำหรับนางแล้วคงไม่ถึงขั้นเกรงกลัว เพียงแต่รู้สึกว่าลมปราณของหยูเฮงแตกต่างจากเมื่อก่อน ส่วนนางจะได้อะไรเพิ่มหลังจากการวิวัฒนาการนี้ และจะมีความสามารถอย่างไร เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็อยากรู้

 

“คุณหนู….” หยูเฮงเก็บลมปราณอย่างรวดเร็ว กล่าวยิ้มๆ “คุณหนู ตอนนี้ต่อให้เจอกับจักพรรดิ์อมตะก็ไม่ต้องกลัว”

 

“จักพรรดิ์อมตะ? ไม่ใช่ล่ะมั้ง” เฉิงเสี่ยวเสียวตะลึงนิดหน่อย ต่อให้เป็นผืนดินฉางไห่ จักพรรดิ์อมตะก็เป็นระดับชั้นยอด หยูเฮงกลับไม่เกรงกลัวจักพรรดิ์อมตะ จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร

 

“แน่นอน”

 

หยูเฮงยิ้มผยอง “คุณหนู ท่านอย่าดูถูกไม้เทพสายฟ้าไป สำหรับพวกเราแล้วมันสำคัญมากจริงๆ ถ้ามีอีกละก็ข้าและเจ้าต้นหลิวน้อยก็จะพัฒนาขึ้นได้อีกขั้น”

 

“คุณหนู พี่หยูเฮงพูดถูก ไม้เทพสายฟ้าเหมือนจะไม่มีพลังชีวิตเท่าไหร่ แต่จริงๆพลังชีวิตข้างในมีเยอะมาก ข้ากับพี่หยูเฮงชอบ”

 

เสียงของต้นหลิวน้อยแว่วมา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้ฟังก็รู้เลยว่ามันเติบโตขึ้นเยอะ ไม่เหมือนเสียงเล็กๆอ่อนๆเมื่อตอนก่อนจะเก็บตัว ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

 

ตอนนี้ราวกับเด็กอายุ 4-5 ขวบ สามารถออกเสียงได้อย่างชัดเจนแล้ว บอกได้ว่าหลังจากที่มันดูดซับไม้เทพสายฟ้าไปก็โตขึ้นหลายขวบ

 

หยูเฮงเหมือนรู้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดอะไรอยู่ กล่าวยิ้มๆ “คุณหนู คราวหน้าถ้ามีไม้เทพสายฟ้าอีกพวกเราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”

 

“เจ้าคิดว่าของแบบนี้เหมือนผักกาดหรือไง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองบนอย่างเหนื่อยใจ “อยากจะได้ของแบบนี้ก็ต้องดูโอกาสวาสนาของพวกเจ้า ของของเจ้าก็เป็นของของเจ้า ไม่ใช่ของเจ้า ต่อให้อยู่ในมือก็หายได้”

 

“เฮ่ะๆ ถ้าอยู่ในมือพวกเราไม่หายแน่ ข้าจะกินมันทันทีเลย”

 

“แล้วก็มีข้าด้วย” ต้นหลิวน้อยแจม

 

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่ยังไม่มีเค้าโครงแล้ว วันนี้พวกเราต้องหาวิธีทำอย่างไรจะหาหินพลังวิญญาณจำนวนมากได้ ตอนนี้หินพลังวิญญาณสำคัญต่อพวกเรามาก”

—————————