ตอนที่ 278 ทำแบบนี้จะดีเหรอ
หลิ่วเฟยอวิ๋นกำลังเปลี่ยนรองเท้า มือข้างหนึ่งถือเสื้อ อีกข้างยันประตู ผิวขาว มุมปากยกขึ้นน้อยๆ เข้ากับใบหน้าหล่อเหลา ดูสง่างามจนยากอธิบาย โดยเฉพาะเวลานี้เมื่อแสงจากสนามด้านนอกสาดกระทบบนตัวเขา
ขณะที่คุยกัน คุณนายคนสวยก็กวาดสายตามาทางอีลั่วเสวี่ย ลูกชายเธอหล่อเหลาขนาดนี้ เธอไม่เชื่อว่าใจของหญิงสาวจะไม่หวั่นไหว แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นท่าทีอะไรเลยบนใบหน้าและดวงตาของอีลั่วเสวี่ย
อีลั่วเสวี่ยดึงสายตากลับมา ดื่มชาดอกกุ้ยเงียบๆ กลับเป็นเหอเย่ว์ซึ่งนั่งข้างๆ ที่ชำเลืองมองเขาหลายครั้ง
ลูกชายฉันก็ใช่ว่าจะใช้การไม่ได้นี่นะ อย่างน้อยก็ทำให้เด็กสาวคนนี้สนใจได้ แต่เสียดายที่ไม่ใช่คนที่คาดหวังไว้ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นเพื่อนของเฟยเฟย ก็ยังมีโอกาส
ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอเด็กสาวที่ถูกใจอย่างนี้ ถ้าไม่คว้ามาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้คงเสียดายแย่
ถ้าอีลั่วเสวี่ยรู้ว่าคุณนายคนสวยคิดอะไรอยู่ในใจ ก็จะเข้าใจว่าทำไมหลิ่วเฟยซวงถึงได้กระตือรือร้นที่จะหาสะใภ้ให้พี่ชาย
“พี่ มาช้าจัง เรากลับกันมาพักใหญ่แล้วนะ” หลิ่วเฟยซวงเบ้ปาก ดวงตาใสซื่อราวกับเด็ก เธอคงสนิทพี่ชายคนนี้มาก
สมัยนี้มีพี่ชายกับน้องสาวที่สนิทกันแบบนี้น้อยมากแล้ว
หลิ่วเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว “อ้อ ขอโทษที พอดีตรงกับเวลาเลิกงานน่ะ รถเลยติดนิดหน่อย พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ จริงสิ เฟยเฟย พี่ลืมมือถือไว้ที่ห้องทำงาน เธอเอากลับมาให้พี่หรือเปล่า”
หลิ่วเฟยอวิ๋นแขวนเน็กไทและเสื้อโค้ตที่ราวแขวนเสื้อข้างประตู แล้วพับแขนเสื้อพลางเดินเข้ามา
อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์คิดว่าเขาจะนั่งพัก แต่เขากลับเดินตรงไปทางห้องครัว
“เอากลับมาให้แล้ว จริงด้วยพี่ ฉันอยากกินไข่เจียวฝีมือพี่” หลิ่วเฟยซวงกอดหมอนอิง พิงศีรษะกับโซฟา ทำหน้าใสซื่อเหมือนแมวที่รอให้ป้อนอาหาร
“ได้ๆๆ เจ้าหญิงบ้านเราพูดอะไรถือเป็นคำขาด” จากนั้นหลิ่วเฟยอวิ๋นก็หยิบไข่ไก่ออกมา แล้วลงมือทำ
เวลานี้อีลั่วเสวี่ยจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กสาวอย่างหลิ่วเฟยซวงจึงไม่ประสีประสาเรื่องการใช้ชีวิต ในบ้านมีพ่อแม่คอยเอาใจ แถมยังมีพี่ชายคอยดูแลตั้งแต่เล็ก ใช้ชีวิตเหมือนเจ้าหญิง ก็ไม่น่าแปลกใจ
ยังดีที่คุณนายคนสวยเป็นคนฉลาด ทำให้หลิ่วเฟยซวงแม้จะเย่อหยิ่งบ้าง แต่ก็ไม่ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองอย่างไร้เหตุผล
สังเกตเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของอีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์ หลิ่วเฟยซวงจึงรีบอธิบาย “พวกเธอไม่ต้องมองฉันแบบนี้เลยนะ บ้านฉันเป็นประชาธิปไตย ทุกคนเสมอภาค พ่อทำกับข้าว ส่วนเรื่องเก็บล้างทำความสะอาดกับซักผ้าเป็นหน้าที่แม่ ส่วนเราตอนนี้ยังไม่ทำอะไร เพราะต้องออมแรงไว้จัดการกับเรื่องที่เหลือ”
“ทำแบบนี้จะดีเหรอ” เหอเย่ว์เริ่มรู้สึกนั่งไม่เป็นสุข ในกองทัพ เรื่องของตัวเองต้องลงมือทำเอง จะให้คนอื่นทำแทนไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้ไม่ได้อยู่ร้านอาหาร เธอรู้สึกไม่เคยชิน
“เสี่ยวเย่ว์พูดถูก เราพักพอแล้ว ที่เหลือให้เราทำเถอะ คุณอาทำงานมาเหนื่อยๆ จริงไหมเฟยเฟย เธอเองก็ควรหัดทำบ้างนะ”
หลิ่วเฟยซวงได้ยินก็ชี้จมูกตัวเองทันที “ฉัน? ก่อนนี้ฉันเตรียมหาแฟนที่ทำกับข้าวเป็น อย่างเก่งฉันก็รับหน้าที่กินกับเก็บล้าง”
อย่าว่าไป ถ้าเป็นเรื่องอนามัยแล้ว หลิ่วเฟยซวงทำได้ดีทีเดียว
“แม่ว่าที่ลั่วเสวี่ยกับเสี่ยวเย่ว์พูดก็มีเหตุผลนะ เฟยเฟย ลูกควรลองทำบ้างนะ” คุณนายคนสวยยิ้ม พลางจิบชาด้วยท่าทางชวนมอง
ตอนที่ 279 ไม่กลัวฉันทำไฟไหม้ครัว
แม่ตัวเองถึงกับออกปาก ขืนปฏิเสธอีกคงไม่ดี
“ไปก็ไป งั้นทำด้วยกัน ถ้าพวกเธอไม่กลัวฉันทำไฟไหม้ครัวละก็!” ทำก็ทำสิ ใครกลัวกัน ถ้าพวกเธอไม่ได้ลองชิมสิ่งที่เรียกว่าฝีมือระดับพระกาฬ ฉันก็ไม่ชื่อหลิ่วเฟยซวงแล้ว
หลิ่วเฟยอวิ๋นกับหลิ่วเฉิงซึ่งอยู่ในครัวได้ยินเข้าถึงกับสั่นสะท้าน รีบยืนขวางประตูไว้
“แค่กๆ ในครัวมีแต่กลิ่นควัน ไม่ดีต่อผิวสาวๆ อย่างพวกเธอ เฟยเฟย พาเพื่อนลูกไปนั่งเล่นในห้องหรือไปเดินเล่นดูดาวที่สนามก็ได้ อีกเดี๋ยวกับข้าวก็เสร็จแล้ว”
หลิ่วเฉิงเหงื่อผุดเต็มหน้า ไม่รู้เพราะทำครัวอยู่ก็เลยร้อนหรือเปล่า
“ใช่แล้ว เฟยเฟย ครัวบ้านเราไม่ใหญ่ เข้ามาหลายคนจะไม่มีที่ให้เดิน ครั้งนี้ให้พวกเราผู้ชายรับผิดชอบเอง” สวรรค์ แม่คิดยังไงของแม่ จะให้เธอทำ ให้เราเอาชีวิตไปเสี่ยงหรือไง ฉันไม่อยากท้องเสียจนพรุ่งนี้ต้องนั่งประชุมผ่านมือถืออยู่ในห้องน้ำหรอกนะ
หลิ่วเฟยซวงผายมืออย่างจนใจ หันมามองอีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์ “เห็นไหม เสด็จพี่กับเสด็จพ่อไม่อนุญาต จะโทษองค์หญิงอย่างฉันไม่ได้นะ”
เธอถูกตามใจจนเป็นอย่างนี้ นอกจากความรักของพ่อแม่และพี่ชายแล้ว ก็เป็นสาเหตุนี้แหละที่ทุกคนไม่อยากให้เธอเข้าครัว อืม อย่างมากถ้าเหนื่อยจริงๆ ก็ให้เธอช่วยล้างจานชามเท่านั้น
และแน่นอนว่ายังต้องเตรียมจานชามสำรองไว้ด้วย
“งั้นต้องโทษเสด็จแม่อย่างฉันใช่ไหม” คุณนายคนสวยที่ห้องรับแขกยิ้ม เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับลูกสาว
อีลั่วเสวี่ยเห็นแล้วก็อดนึกอิจฉาไม่ได้ ครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวคงเป็นแบบนี้นี่เอง
หลิ่วเฟยซวงแลบลิ้น “ลูกมิกล้า แค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
“เอาละๆ ในเมื่อพวกคุณบอกว่าคนหนึ่งเป็นฮ่องเต้คนหนึ่งเป็นองค์ชาย แล้วจะให้พวกคุณทำครัวได้ยังไง ให้เราทำเถอะค่ะ”
เห็นอีลั่วเสวี่ยพูดเช่นนี้ แล้วดูกับข้าวหลายอย่างที่ทำเสร็จเรียบร้อย อยู่ในกล่องเก็บความร้อน หลิ่วเฉิงจึงสบตากับลูกชายแล้วพยักหน้า ถอดผ้ากันเปื้อนออก
“ได้ งั้นยกครัวให้พวกเธอ ทำกับข้าวง่ายๆ อีกอย่างสองอย่างก็กินกันได้แล้ว เรามีกันไม่กี่คน กินกันไม่มากหรอก”
“ไม่มีปัญหาค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม รับผ้ากันเปื้อนมาจากหลิ่วเฟยอวิ๋น แล้วเดินเข้าไปในครัว
หลิ่วเฟยซวงมองเธอกับเหอเย่ว์จัดแจงอาหารในครัว ก็รู้สึกคันไม้คันมือ “เสวียเสวี่ย ฉันพอจะทำอะไรได้บ้าง ให้ฉันเป็นลูกมือนะ”
อีลั่วเสวี่ยเหลือบมองหลิ่วเฟยซวง พลางเลิกคิ้ว “เธอแน่ใจนะ?”
“แน่ใจสิ เดี๋ยวพวกเธอยกอาหารออกไป จะให้ฉันไม่มีผลงานอะไรเลยได้ไง” หลิ่วเฟยซวงท่าทางเหมือนกลัวเสียหน้า ต้องทำอะไรบ้าง
“อืม…งั้นเธอลวกผักสักชามแล้วกัน ง่ายมาก ล้างผักให้สะอาด เด็ดเป็นใบๆ แล้วใส่ลงในน้ำเดือดต้มสักห้านาทีก็พอ”
ดวงตาหลิ่วเฟยซวงเจิดจ้าขึ้นมาทันที เธอชูนิ้วหัวแม่มือให้อีลั่วเสวี่ย “ว้าว เสวียเสวี่ยสุดยอดเลย นี่ง่ายกว่าต้มบะหมี่ต้มไข่ด้วยซ้ำ” ง่ายราวกับเสก
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ยังดีกว่าเธอผัดข้าวผัดไข่ ถ้าไม่มีเปลือกไข่ติดมาด้วยก็ผัดจนข้าวไหม้” หลิ่วเฟยอวิ๋นพูด ต่อให้ต้มผักจนเปื่อยก็ยังกินได้ อย่างมากก็แค่รสชาติไม่ได้เรื่อง
“หึ! ต้องโทษที่พี่โง่เอง ถ้าพี่ฉลาดอย่างเสวียเสวี่ย ฉันกลายเป็นเชฟดังไปแล้ว!” สีหน้าหลิ่วเฟยซวงหยิ่งผยอง เด็ดผักทีละใบใส่ลงไปในอ่างน้ำ
หลิ่วเฟยอวิ๋นสีหน้าไม่พอใจ “เชฟดัง ถ้าเธอเป็นเชฟดัง พี่ก็เป็นเชฟระดับวังหลวงแล้ว”