ตอนที่ 280 มีเพื่อนอย่างพวกเธอ

 

 

“ไปไกลๆ เลย ฉันชักสงสัยแล้วนะว่าพี่ไม่ใช่พี่ฉัน” หลิ่วเฟยซวงทำท่าคร้านจะพูดกับเขา รอให้ฉันแสดงฝีมือก่อนเถอะ จากนั้นก็หันไปล้างผักอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

เหอเย่ว์ยิ้มอย่างจนใจ สองพี่น้องเถียงกันทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ที่แท้ครอบครัวที่มีกันหลายคนก็ให้ความรู้สึกอย่างนี้เอง ส่วนเธออยู่ข้างนอกหลายปีไม่ได้กลับบ้าน พ่อแม่คงคิดถึงลูกสาวมาก

 

 

“เป็นอะไรไป” อีลั่วเสวี่ยเห็นเหอเย่ว์ใจลอย จึงถามด้วยความเป็นห่วง

 

 

“เปล่า ลั่วเสวี่ย เฟยเฟย ก่อนฉันกลับไป ถ้าพวกเธอมีเวลา ไปเที่ยวที่บ้านฉันบ้างได้ไหม” พ่อแม่เห็นลูกพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านน่าจะดีใจมาก

 

 

อีกอย่างเธอก็อยากให้ที่บ้านครึกครื้นสักหน่อย ให้พ่อกับแม่เห็นว่าเธอมาที่นี่ไม่นานก็มีเพื่อนดีๆ แล้ว แบบนี้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเธอเป็นสาวห้าว ไม่มีความเป็นผู้หญิง

 

 

ดวงตาอีลั่วเสวี่ยเป็นประกาย หันไปสบตากับหลิ่วเฟยซวง แล้วยิ้ม “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

 

 

“อืมๆ!” เหอเย่ว์พยักหน้าแรงๆ พลางยิ้มหวาน ใบหน้าด้านข้างของเธอตกอยู่ในสายตาหลิ่วเฟยอวิ๋นพอดี เป็นธรรมดาที่เขาจะเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยแฝงความรู้สึกผิดเมื่อครู่ของเธอ

 

 

คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูไม่แคร์อะไรคนนี้จะมีด้านที่อ่อนโยนด้วย ที่จริงเธอก็เหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ภายใต้เปลือกแข็งก็มีอารมณ์ที่อ่อนโยน

 

 

อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์ช่วยกันทำกับข้าวอีกสองสามอย่าง มีเต้าหู้ผัดพริกเสฉวน เนื้อเส้นผัดพริกหวาน…ทั้งหมดสี่อย่าง รวมกับผักต้มของหลิ่วเฟยซวง กับอาหารที่หลิ่วเฉิงทำไว้ก่อนหน้านี้ จึงมีอาหารเต็มโต๊ะ

 

 

เนื่องจากหลิ่วเฉิงทำเตรียมไว้ล่วงหน้า จึงมีทั้งอาหารจานหลักและจานรอง ดูน่ากินมาก

 

 

“กินข้าวๆ พ่อ แม่ พี่ ลองชิมผักต้มของหนูก่อน” หลิ่วเฟยซวงจ้องพวกเขาด้วยแววตาคาดหวัง

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นและพ่อแม่หยิบตะเกียบ คีบผักต้มขึ้นมาชิมชิ้นหนึ่งด้วยท่าทางร่วมมือกันดีมาก อืม ถึงจะสุกไปหน่อย แต่ยังดีที่ไม่ถึงกับเละเป็นโจ๊ก พอกินได้ ใช่แล้ว นี่น่าจะเป็นอาหารอย่างที่สองที่เฟยเฟยทำแล้วกินได้

 

 

“ไม่เลวนี่ เมนูของเฟยเฟยเพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างที่สองแล้ว ชื่อผักต้ม!” หลิ่วเฉิงพูดพลางหัวเราะ

 

 

เมนูของเฟยเฟย หมายถึงอาหารที่หลิ่วเฟยซวงทำเป็นใช่ไหม “อาหารอย่างที่สอง งั้นอย่างแรกเป็นอะไรเหรอคะ” อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์อยากรู้

 

 

“แค่กๆ เรื่องนี้…เรื่องนี้ กินก่อนเถอะ เสวียเสวี่ย เสี่ยวเย่ว์ พวกเธอชิมนี่สิ” หลิ่วเฟยซวงกระแอมเล็กน้อยด้วยความเขิน แล้วคีบเนื้อใส่ในชามพวกเธอ พร้อมกับส่งสายตาห้ามไม่ให้พ่อพูดออกมา

 

 

“ไม่ต้องอายหรอกน่า ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ แค่กๆ เฟยอวิ๋น ลูกบอกทุกคนสิ” หลิ่วเฉิงซึ่งรักภรรยาและลูกสาวสุดชีวิตส่งไม้ต่อให้ลูกชาย แสดงออกว่ารักลูกสาวมากกว่าลูกชายอย่างชัดเจน

 

 

มุมปากหลิ่วเฟยอวิ๋นกระตุก เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นอีหรอบนี้

 

 

“อาหารอย่างแรกคือพวกอาหารเช้า ไข่ต้ม ขนมปัง และนม” ก็ยังเป็นการต้ม ถึงยังไงก็ไม่ทำเสียง่ายๆ

 

 

“พี่นะ ฉันตัดขาดกับพี่แล้ว!” หลิ่วเฟยซวงอายจนกลายเป็นโกรธ โมโหจนอยากชกคน

 

 

อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์หัวเราะจนหลิ่วเฟยซวงพลอยหัวเราะไปด้วย “ทุกคนนิสัยไม่ดี เอาแต่ล้อฉัน” ทำกับข้าวไม่เป็นไม่ใช่ความผิดสักหน่อย หึ

 

 

“เถอะน่า เธอบอกว่าจะตัดขาดก็ตัดขาดได้เหรอ เราลูกพ่อแม่เดียวกัน เลือดในตัวก็เหมือนกัน ทำพูดดีไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

 

 

คุณนายคนสวยและหลิ่วเฉิงยิ้มหน้าบ้าน “พวกลูกมีเพื่อนแบบนี้แม่ก็สบายใจแล้ว”

 

 

 

 

ตอนที่ 281 เตือนด้วยความหวังดี

 

 

เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้เข้มงวดกับลูกๆ จนเกินไป คนหนึ่งหลังจบมัธยมปลายก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ อีกคนก็นิสัยเหมือนเด็กผู้ชาย การเลือกคบเพื่อนก็สูงมาก พวกเขาจึงกังวลว่าลูกๆ จะไม่มีเพื่อน

 

 

แต่ตอนนี้ดีแล้ว ลูกทั้งสองไม่เพียงมีเพื่อน ดูเหมือนเพื่อนยังเป็นเด็กดีด้วย ในฐานะพ่อแม่ย่อมหายห่วงเป็นธรรมดา

 

 

“คุณอาเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ” อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ยิ้ม เอ่ยอย่างถ่อมตัว ที่จริงถ้าคบกับหลิ่วเฟยซวงนานเข้า จะเห็นข้อดีของเธอ แต่เรื่องของมิตรภาพก็ต้องดูคนด้วย

 

 

สองคนใจคอเดียวกัน คุยด้วยแล้วเข้ากันได้ เข้าอกเข้าใจกัน ไม่มัวคิดเล็กคิดน้อย มิตรภาพจึงจะค่อยๆ แน่นแฟ้น แต่ถ้าตรงกันข้าม ความสัมพันธ์ก็จะไม่ยืดยาว เดี๋ยวก็ห่างกันไปเอง

 

 

“เอาละ อย่ามัวแต่ห่วงคุย กินข้าวๆ ไม่งั้นจะเย็นซะหมด” หลิ่วเฉิงเห็นพวกสาวๆ เอาแต่คุยกัน จึงเอ่ยเตือน

 

 

หลิ่วเฟยซวงพยักหน้า แล้วคีบผักใส่ชามคุณนายคนสวย “แม่ กินผักจะได้ช่วยย่อย ลองชิมดูค่ะ” นับจากนี้ครอบครัวหลิ่วเฟยอวิ๋นต้องกินผักต้มต่อเนื่องหนึ่งสัปดาห์

 

 

มื้อค่ำผ่านไปท่ามกลางเสียงพูดคุยหัวเราะ เนื่องจากอาหารแต่ละจานมีปริมาณไม่มาก ทุกคนจึงช่วยกันกินจนหมด ไม่ทิ้งให้เสียของ อาหารใช่ว่าต้องมากจนกินไม่หมดจึงจะถือว่าหรูหรา

 

 

หลังจากล้างจานชามแล้ว คุณนายคนสวยกับหลิ่วเฉิงปอกผลไม้ใส่จานรอพวกอีลั่วเสวี่ยไว้แล้ว

 

 

“เกรงใจจริงๆ พวกเธอเป็นแขก กลับให้พวกเธอทำงานบ้าน” คุณนายคนสวยมองสองสาวด้วยแววตาขอโทษ

 

 

“มีอะไรต้องเกรงใจคะ ถ้าเราสองคนมากินอย่างเดียว กินเสร็จก็กลับไป แบบนั้นต่างหากที่ไม่มีมารยาท อีกอย่างนี่เป็นแค่งานเล็กน้อย ถือว่าเป็นการออกกำลังหลังอาหาร คุณอาอย่ากังวลเลยค่ะ”

 

 

“หนูลั่วเสวี่ย ช่างรู้จักพูดจริงๆ เอาละ ต่อไปพวกเธอถือว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองนะ ทุกคนทำตัวตามสบาย มา นั่งลงกินผลไม้กัน”

 

 

จากนั้นทุกคนก็ร่วมวงกินผลไม้

 

 

“จริงสิพี่ วันนี้พอพี่ออกไป มีคนมาที่ร้านเรา บอกว่าอยากร่วมมือกับร้านหยกของเรา นี่นามบัตรเขา” หลิ่วเฟยซวงนึกขึ้นได้ กินผลไม้ในมือ เช็ดมือ แล้ววิ่งไปหยิบนามบัตรมา

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นรับนามบัตรมาดู “ซีเหมินหลงเซี่ยว ไหลย่ากรุ๊ป…ซีเหมินหลงเซี่ยว? เฟยเฟย ใครให้นามบัตรนี้มา เล่าให้ฟังอีกทีซิ”

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นทำท่าเหมือนตัวเองดูผิด ยังตั้งใจกะพริบตาแล้วดูใหม่อีกครั้ง ดูจากนามบัตรที่เรียบหรูก็พอรู้ฐานะที่ไม่ธรรมดาของอีกฝ่าย

 

 

“คนที่ให้นามบัตรบอกว่าอยากร่วมงานกับพี่ เขาชื่อซีเหมินหลงเซี่ยว” หลิ่วเฟยซวงแค่ดูนามบัตร ไม่ได้คิดอะไรมาก

 

 

ดวงตาหลิ่วเฉิงเป็นประกายวูบไหว เขาหยิบนามบัตรจากมือลูกชายมา ไหลย่ากรุ๊ปเป็นบริษัทข้ามชาติไม่ใช่เหรอ เน้นเรื่องผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง เห็นโฆษณาในทีวีบ่อยๆ

 

 

“นี่เป็นนามบัตรที่ซีเหมินหลงเซี่ยวให้มา บอกว่าอยากร่วมมือกับร้านหยกของเราครับ” หลิ่วเฟยอวิ๋นท่าทางตื่นเต้น เขาเคยอยู่ต่างประเทศ ย่อมรู้ดีว่าบริษัทนี้มีอิทธิพลมากขนาดไหน แต่ทำไมอยู่ๆ ก็อยากร่วมมือกับเรา แถมยังมาหาถึงที่ด้วย

 

 

แต่ดูแล้ว ก็ไม่น่าจะมีใครกล้าแอบอ้างตัวเป็นซีเหมินหลงเซี่ยวแน่ๆ

 

 

“ใช่ค่ะ ตอนนั้นเสวียเสวี่ยกับเสี่ยวเย่ว์ก็อยู่ด้วย พวกเธอเป็นพยานได้ ซีเหมินหลงเซี่ยวคนนั้นอยากร่วมมือด้วย จริงด้วยพี่ ดูท่าทางเขาจะสนใจแหวนหยกที่พี่ให้เรามาก”