ภายในเวลาไม่ถึงสามวัน ฉู่เจี๋ยผู้ซึ่งยังอ่อนแรงจากการไม่รู้สึกตัวนานหลายปีก็ค่อย ๆ ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น
หลังจากอยู่ในสภาวะหลับใหลไม่รู้สึกตัวมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ถือว่าฉู่เจี๋ยราวกับเกิดใหม่โดยสมบูรณ์ เขามิใช่คนไร้ความสามารถเพราะชีพจรถูกปิดกั้นจนไม่สามารถฝึกพลังมายาและทักษะยุทธ์อีกต่อไป หากแต่เป็นบุรุษหนุ่มที่มีทั้งพลังและพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าฉินอวี้โม่เลย
ความแข็งแกร่งของฉู่เจี๋ยในตอนนี้แกร่งกล้ายิ่งกว่าฉินอวี้โม่เสียอีก ฉินอวี้โม่มีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นเก้าในขณะที่เขามีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้น ยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่นานเขาก็น่าจะทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนขั้นกลางได้
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่มีความสุขและยินดีกับความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงของฉู่เจี๋ย แม้ต้องการแจ้งข่าวให้กับท่านปู่และบิดามารดาของฉู่เจี๋ย รวมถึงนางก็อยู่ในดินแดนเทพมายามาพักใหญ่แล้ว แต่ไม่เคยได้ยินข่าวคราวหรือมีหนทางติดต่อกับพวกเขาเลย เช่นนั้นนางจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนั้นไปก่อนเป็นการชั่วคราว
ฉู่เจี๋ยก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงที่เขาหลับใหลให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบและนั่นทำให้นางประหลาดใจอย่างยิ่ง
แท้ที่จริงแล้ว จิตวิญญาณของฉู่เจี๋ยหลุดเข้าไปในมิติน้ำแข็งโดยบังเอิญ นับจากนั้น เขาก็ผ่านประสบการณ์การฝึกยุทธ์และได้รับโอกาสมาอย่างมากมาย
แรกเริ่มเดิมที ด้วยความเร็วของเขา เขาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผลผลึกน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ที่ฉินอวี้โม่ได้มาจากทุ่งหิมะทางเหนือเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างยิ่งสำหรับฉู่เจี๋ยและมันช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้เร็วกว่าเวลาที่ควรจะเป็น
เมื่อฟังฉู่เจี๋ยเล่าเรื่องราวที่ได้เผชิญจนจบ ฉินอวี้โม่ก็มีความสุขไปกับเขาอย่างมาก ทว่าอีกใจหนึ่งนางก็รู้สึกเศร้าสลดไม่น้อยเช่นกัน
แม้ว่าฉู่เจี๋ยจะไม่กล่าวออกมาโดยตรง นางก็รู้สึกได้ว่าเขาคงต้องเผชิญอุปสรรคความยากลำบากมากมายตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ และกว่าจะมาถึงจุดที่มีความแข็งแกร่งอย่างในวันนี้ได้ เขาคงต้องทุกข์ทรมานมามาก
“พี่อวี้โม่ ข้าอยากจะขอบคุณท่านจริง ๆ หากไม่มีท่าน เกรงว่าข้าคงไม่ได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้แน่ และต่อให้ข้ารอดมาได้ ข้าก็คงจะเป็นขยะไร้ค่าไร้ความสามารถที่ถูกคนอื่นรังแกต่อไป ทว่าเป็นเพราะท่าน…เป็นเพราะท่านที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้งและกลายเป็นตัวข้าในวันนี้”
แน่นอนว่าผู้ที่ฉู่เจี๋ยซาบซึ้งใจและรู้สึกขอบคุณมากที่สุดก็คือฉินอวี้โม่ หากมิใช่เพราะนาง เขาคงเป็นได้เพียงขยะไร้ค่าและต้องตายไปอย่างน่าสังเวช ทว่าฉินอวี้โม่ก็ช่วยเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขาจนราวกับว่าได้เกิดใหม่อีกครา
“เราเป็นมิตรสหายต่อกันและเมื่อได้เห็นเจ้าในตอนนี้ก็ทำให้ข้ามีความสุขไปกับเจ้าจากก้นบึ้งของหัวใจ หากต้องกล่าวขอบคุณอะไรหรือมีพิธีรีตองมากมายเช่นนี้ มันก็ดูจะห่างเหินมากเกินไปหน่อย”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม สำหรับมิตรสหายของนาง นางจะทุ่มเทพยายามอย่างเต็มที่และไม่ออมแรงแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ของฉู่เจี๋ยก็เหมือนกับคุณหนูสี่เจ้าของร่างของนางคนเดิมที่ถูกกลั่นแกล้งและรังแกในฐานะขยะไร้ค่าประจำตระกูล มันจึงกระตุ้นความต้องการที่จะช่วยฉู่เจี๋ยมากยิ่งขึ้น
ตลอดหลายวันต่อมา ฉินอวี้โม่เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อช่วยฉู่เจี๋ยปรับตัวเข้ากับความแข็งแกร่งใหม่และให้เขาได้เรียนรู้ทักษะยุทธ์หลายกระบวนท่าที่สอดคล้องกับพลังความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน
ทั้งสองใช้เวลาจดจ่อกับการฝึกทักษะยุทธ์อย่างขะมักเขม้นจนกระทั่งใกล้ถึงงานประมูลของโรงประมูลรั่วอาน
“นายหญิง พรุ่งนี้ก็จะเริ่มงานประมูลแล้ว ในช่วงที่ผ่านมานี้ ข้าเห็นคนมากฝีมือหลายคนเดินทางมาที่เมืองฉางอานแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าพวกเขาเหล่านั้นก็มาเพื่องานประมูลนี้เช่นกัน”
มังกรอัสนีกล่าวกับฉินอวี้โม่พร้อมรอยยิ้มบาง สำหรับเรื่องการสืบหาข่าวและเบาะแสความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มันเป็นอสูรที่ช่ำชองมากที่สุด ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ฉินอวี้โม่และฉู่เจี๋ยง่วนอยู่กับการฝึกยุทธ์และศึกษาวิชาต่าง ๆ แน่นอนว่าการสืบข่าวความคืบหน้าจึงตกเป็นหน้าที่ของเหล่าอสูรมายา
โชคดีที่พวกมันได้ข่าวที่เป็นประโยชน์กลับมาและหลายวันที่ผ่านมาถือว่าไม่สูญเปล่าเลย
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจจริง ๆ ถึงแม้โรงประมูลรั่วอานจะจัดงานประมูลเป็นประจำ มันก็มีคนไม่มากนัก ครานี้การที่มันดึงดูดคนมาเข้าร่วมงานประมูลได้เป็นจำนวนมาก ข้าคิดว่าจะต้องมีบางอย่างที่น่าสนใจแน่ ๆ”
เนื่องจากวางแผนที่จะไปที่งานประมูลรั่วอานนี้อยู่แล้ว เวลานี้ฉินอวี้โม่จึงสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับมันมากยิ่งขึ้น
“วันนี้ข้าไม่มีอะไรที่ต้องทำ พลังของเสี่ยวเจี๋ยก็ถือว่าเสถียรคงที่มากแล้ว เราไปที่โรงประมูลรั่วอานเพื่อสืบข่าวกันเถอะ อีกอย่าง…ข้าจะได้ฝากขายของบางอย่างด้วย”
หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่งและตรวจดูว่าเงินทองของตนเองยังเหลืออีกมาก ฉินอวี้โม่ก็ยังมีความคิดที่จะขายของของตนเพื่อประเมินระดับราคาในดินแดนเทพมายาแห่งนี้
อสูรมายาทั้งหมดพยักศีรษะเห็นด้วย
ฉู่เจี๋ยเองก็มีท่าทีกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เขาไม่ได้ออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวและพบกับโลกภายนอกมานานหลายปีแล้ว
ดวงตาใสของเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ก็กะพริบปริบ ๆ เช่นกันราวกับต้องการไปชมเรื่องสนุกและน่าตื่นเต้นด้วย
ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด นางสวมอาภรณ์สตรีตามปกติและผ้าคลุมบดบังใบหน้า นางอุ้มเสี่ยวอ้ายฉือในอ้อมแขนในขณะที่เสี่ยวอ้ายโม่อยู่ในอ้อมแขนของฉู่เจี๋ย หลังจากเตรียมความพร้อมอย่างง่าย ๆ กลุ่มคนและอสูรมายาก็ออกจากโรงเตี๊ยมและมุ่งหน้าตรงไปยังโรงประมูลรั่วอาน
โรงประมูลรั่วอานเป็นโรงประมูลที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในดินแดนทางเหนือ แม้แต่ในทั่วทั้งดินแดนเทพมายา โรงประมูลแห่งนี้ก็ได้รับการจัดอันดับที่สูงพอสมควร
ด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ณ ใจกลางเมืองฉางอาน แม้โรงประมูลแห่งนี้ดูไม่มั่งคั่งร่ำรวยมากนัก ทว่ามันก็มิอาจปิดบังความเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นของมันได้เลย
ฉินอวี้โม่ ฉู่เจี๋ย มารยาและหลิวหยาพร้อมด้วยเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ในอ้อมแขน กลุ่มมนุษย์ทั้งสี่และสองอสูรมายาก็ปรากฏตัวหน้าประตูโรงประมูลรั่วอานในอาภรณ์ที่งดงามชวนมอง
เมื่อมาถึงทางเข้าโรงประมูล พนักงานต้อนรับก็มองเห็นฉินอวี้โม่และคณะเดินทางจึงปรี่เข้ามาทักทายด้วยท่าทางและวาจาเคารพนอบน้อมอย่างรวดเร็ว
“ท่านจอมยุทธ์ การมาที่โรงประมูลของเราเช่นนี้ ท่านต้องการฝากขายสินค้าบางอย่างหรือขอรับ?”
คนผู้นั้นเดินเข้ามาต้อนรับและกล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เพียงมองแวบแรก เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าฉินอวี้โม่คือผู้มีอำนาจตัดสินใจของกลุ่ม
“ฮ่า ๆ ๆ ถูกต้อง ข้ามีบางอย่างที่ต้องการให้ช่วยนำไปประมูล”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเป็นมิตร และด้วยการนำทางของเขา นางก็เข้าไปในโรงประมูลได้โดยตรง
ภายในโรงประมูลรั่วอาน ตอนนี้มีผู้คนนั่งอยู่จำนวนหนึ่งและพวกเขาน่าจะกำลังเตรียมสิ่งของสำหรับงานประมูล เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคณะเดินทางก้าวเข้ามา พวกเขาก็มองคนทั้งกลุ่มด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้
ต้องกล่าวเลยว่ากลุ่มสี่มนุษย์และสองอสูรของฉินอวี้โม่ดูโดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้คนอย่างยิ่ง
อสูรสาวมารยาเป็นสตรีงดงามและอาภรณ์สีขาวสะอาดเพิ่มกลิ่นอายความน่าสนใจจนผู้พบเห็นมิอาจละสายตา
แม้ว่าฉู่เจี๋ยในตอนนี้ยังผอมบางเล็กน้อย เขาก็เป็นบุรุษรูปลักษณ์หล่อเหลาชวนมองและมีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้าทำให้สตรีมากมายมิอาจผละไปจากเขาได้ แม้ว่ามังกรอัสนีดูธรรมดาทั่วไป ทว่ามันก็มีพลังบางอย่างที่ดูดุดันและน่าเกรงขามซึ่งยากที่จะไม่เป็นที่สนใจ
สำหรับฉินอวี้โม่ แม้ครานี้นางสวมผ้าคลุมบดบังใบหน้า ทว่าจากดวงตาและคิ้วเรียวซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เปิดเผยให้เห็น ผู้พบเห็นก็มั่นใจได้ว่านางจะต้องเป็นโฉมนารีที่งดงามอย่างแน่นอน
ส่วนเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ในอ้อมแขนก็ดูน่ารักน่าชังอย่างที่สุด ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี เมื่อได้เห็นเด็กน้อยทั้งสอง พวกเขาก็อดชื่นชอบและถูกใจไม่ได้
“ช่างเป็นกลุ่มคนที่น่าสนใจยิ่งนัก ไม่ทราบเลยว่าพวกเขาเป็นใครมาจากที่ใด”
เมื่อเห็นกลุ่มผู้มาใหม่เดินตามเด็กรับใช้ตรงไปที่ห้องกั้นสำหรับแขกคนสำคัญ ใครคนหนึ่งก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้ น่าเสียดายที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเกี่ยวกับคนเหล่านี้มาก่อน
“ข้าคิดว่าคงมิใช่คนจากดินแดนทางเหนือของเราหรอก ข้ารู้สึกได้ว่าในกลุ่มของพวกเขามียอดฝีมือในขอบเขตพสุธาเซียนอยู่เช่นกัน ดินแดนทางเหนือของเรามีจอมยุทธ์ระดับนั้นเพียงหยิบมือเท่านั้น และเราไม่เคยได้ยินข้อมูลใดเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้มาก่อน ข้าเชื่อว่ามันอาจเป็นเพราะพวกเขามิใช่คนจากดินแดนทางเหนือของเรา”
ใครอีกคนกล่าวแสดงความคิดเห็นของเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็พยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกันและเห็นพ้องกับข้อสันนิษฐานของเขา กลุ่มคนที่โดดเด่นสะดุดตาเช่นนี้ พวกเขาจะต้องรู้จักหรืออย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน ในเมื่อพวกเขาไม่มีข้อมูลใด ๆ นั่นก็อาจเป็นเพราะกลุ่มคนเหล่านี้มิได้มาจากดินแดนทางเหนือ
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และคณะของนางไม่ทราบถึงบทสนทนาเหล่านั้น ตอนนี้นางไปถึงห้องแยกที่หรูหราบนชั้นที่สองแล้ว
“ท่านจอมยุทธ์ทั้งหลายรอสักประเดี๋ยว ข้าจะไปเรียกผู้จัดการโรงประมูลมาต้อนรับพวกท่าน”
เด็กรับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เมื่อตระหนักว่าฉินอวี้โม่น่าจะนำวัตถุล้ำค่าอย่างยิ่งมาเพื่อประมูลในงาน ด้วยสถานะเด็กรับใช้ เขาจึงไม่มีอำนาจตัดสินใจใด ๆ เพราะเหตุนั้นเขาจึงเชิญคนทั้งกลุ่มมารอที่ห้องนี้
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับและนั่งลงพร้อมด้วยฉู่เจี๋ยและอสูรมายาเพื่อรอผู้จัดการโรงประมูลมาถึง
“โรงประมูลรั่วอานแห่งนี้ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว และเด็กหนุ่มนั่นก็ถือว่ามีสายตาเฉียบคม ยิ่งไปกว่านั้น โรงประมูลรั่วอานก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่ ๆ ข้าสัมผัสได้ว่ามีจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าที่ไม่อ่อนแอไปกว่าข้าอย่างน้อยสามคน”
ฉู่เจี๋ยเป็นบุรุษที่รอบคอบอย่างยิ่ง เมื่อสัมผัสได้เพียงชั่วขณะ เขาก็ตระหนักได้ว่าโรงประมูลรั่วอานแห่งนี้ไม่ธรรมดาเลย
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่สัมผัสได้ตั้งแต่ต้น นางเพียงยิ้มบาง ๆ และกล่าว “การได้เป็นถึงโรงประมูลที่ทรงพลังและมีอิทธิพลที่สุดในดินแดนทางเหนือซึ่งแม้แต่หลายขุมกำลังก็ไม่กล้าทำอะไรนั้น หากกล่าวว่าโรงประมูลรั่วอานแห่งนี้เป็นเพียงโรงประมูลธรรมดาทั่วไป มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เจี๋ยเพียงยิ้มและไม่กล่าวสิ่งใดอีก
“นายหญิง ท่านจะนำอุปกรณ์ระดับวิจิตรขั้นพิภพนั่นไปประมูลจริงรึ ?”
มารยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย และอุปกรณ์มายาระดับวิจิตรขั้นพิภพที่อสูรสาวกล่าวถึงก็คือแหวนมิติที่ฉินอวี้โม่หลอมไว้ก่อนหน้านี้
แหวนมิติดังกล่าวไม่เพียงแต่มีพื้นที่เก็บของที่ไร้ขีดจำกัดเท่านั้น ซึ่งเว้นเพียงแต่สิ่งมีชีวิต ทุกอย่างก็ล้วนเก็บไว้ในแหวนมิตินั้นได้ และนอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับแหวนวงนั้น
ตัวอย่างเช่น แหวนมิติมีคุณสมบัติในการแฝงตัว ตราบใดที่มีแหวนมิตินี้ติดตัว จอมยุทธ์ก็สามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างใดก็ได้ หากไม่คุ้นเคยหรือรู้จักกันดี มันก็ยากที่จะมองทะลุความจริงได้ ยิ่งไปกว่านั้น แหวนมิติยังมอบโอกาสในการป้องกันการโจมตีอย่างเต็มกำลังของพลังในขอบเขตพสุธาเซียนขั้นต้นได้ถึงสามครั้ง หากตกอยู่ในอันตราย มันสามารถช่วยชีวิตเจ้าของได้และถือเป็นสมบัติที่ดีอย่างแท้จริง
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าข้าจะนำมันไปประมูล ไม่รู้ว่างานประมูลครานี้จะมีสิ่งที่ข้าสนใจรึไม่ หากมีแล้วข้ามีเงินไม่พอก็คงจะน่าอาย ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่สำคัญสำหรับข้าอีกต่อไป จริงอยู่ว่าข้าอยากมอบให้เสี่ยวเจี๋ยก่อนหน้านี้ ทว่าด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไป สำหรับคนอื่น ๆ เมื่อพบพวกเขา ข้าก็ยังหลอมสิ่งที่ดีกว่านี้ได้ ฉะนั้นก็ควรที่จะประมูลมันออกไป มารยา…ข้าเชื่อว่าแหวนมิติวงนี้เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์หายากสำหรับคนมากมายที่มีพลังด้อยกว่าขอบเขตพสุธาเซียน และมูลค่าของมันจะไม่น้อยอย่างแน่นอน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้าง ในตอนแรกนางก็วางแผนที่จะเก็บแหวนวงนี้ไว้ ทว่าด้วยการที่มีคฤหาสน์เฟิงหัวโฉมใหม่ ผลของมันก็ไม่ยอดเยี่ยมมากนักอีกต่อไป ส่วนหากจะมอบให้กับฉู่เจี๋ย พลังของเขาในตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งมันเลยสักนิด เพราะเหตุนั้นนางจึงตัดสินใจนำมันมาประมูลในครานี้
“ฮ่า ๆ ๆ จากสิ่งที่ท่านจอมยุทธ์กล่าวมา เห็นทีแหวนของท่านจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน”
เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ จากนั้นบุรุษคนหนึ่งก็ปรากฏกายที่หน้าประตู
.