ตอนที่ 490 คนคุ้นหน้าทั้งหมดปรากฏตัว

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เมื่อหันไปเห็นบุรุษวัยกลางคนที่ปรากฏตัวหน้าประตู ฉินอวี้โม่และฉู่เจี๋ยก็มองหน้ากันเล็กน้อยและยิ้มออกมา

“ฮ่า ๆ ๆ ท่านคงจะเป็นผู้จัดการโรงประมูลรั่วอานแห่งนี้สินะ”

“ฮ่า ๆ ๆ อย่าเอ่ยวาจาสุภาพนักเลย หากท่านทั้งสองไม่ขัดข้อง เรียกข้าว่าลุงสวี่จะดีกว่า”

ผู้จัดการของโรงประมูลแห่งนี้ก็คือสวี่ฉู่ พลังของเขาถือว่าไม่แข็งแกร่งนักทว่าเขามีปัญญาเฉียบแหลมและจัดการสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก่อนหน้านี้เมื่อได้ยินเด็กรับใช้กล่าวถึงข้อมูลของแหวนมิติที่จอมยุทธ์ผู้ลึกลับนำมาประมูล เขาก็อดใจไม่ไหวและปรี่เข้ามาต้อนรับด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว

การที่สามารถนำวัตถุล้ำค่าเช่นนี้มาเพื่อประมูลได้แสดงให้เห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่ได้เป็นบุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของดินแดนทางเหนือเมื่อไม่นานมานี้ หากจำไม่ผิด ผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ย—ขุมกำลังใหม่มาแรงของดินแดนก็เป็นช่างหลอมระดับสูง เขาพอจะคาดการณ์ได้ลาง ๆ ว่าแหวนวงนี้น่าจะมาจากผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยผู้นั้น

เมื่อได้ยินวาจาของสวี่ฉู่ ฉินอวี้โม่และฉู่เจี๋ยก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ ทั้งสองไม่รอช้าและตอบกลับทันที

“ลุงสวี่ แหวนที่เราจะนำมาประมูลครานี้ เชิญท่านตรวจดูด้วยตัวเองได้เลย เราเชื่อว่าโรงประมูลรั่วอานจะสามารถประมูลมันออกไปในราคาที่เราต้องการได้”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและยื่นแหวนมิติให้กับสวี่ฉู่อย่างไม่ลังเล

การกระทำของฉินอวี้โม่ก็ทำให้บุรุษวัยกลางคนรู้สึกชื่นชมนางมากยิ่งขึ้น

“ฮ่า ๆ ๆ โปรดวางใจได้เลย ท่านจะได้ราคาที่พึงพอใจอย่างแน่นอน”

หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็กล่าวต่อ “ทว่าการที่ท่านจอมยุทธ์มาถึงที่นี่ ท่านก็คงจะต้องการทราบเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะประมูลในครานี้ด้วยใช่รึไม่?”

ในเมื่อสวี่ฉู่กล่าวขึ้นก่อน ฉินอวี้โม่ก็ไม่ปฏิเสธและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หากข้าบอกว่าไม่มีความคิดเช่นนี้อยู่ ลุงสวี่ก็คงจะไม่เชื่อเป็นแน่”

“ฮ่า ๆ ๆ ท่านจอมยุทธ์ช่างมีอารมณ์ขันจริงเชียว ในเมื่อท่านอยากรู้ แน่นอนว่าข้าก็สามารถเปิดเผยบางอย่างได้”

สวี่ฉู่ผายมือเป็นสัญญาณให้ฉินอวี้โม่และฉู่เจี่ยนั่งลงก่อนรินน้ำชาให้กับทั้งสองด้วยตัวเอง

“สาเหตุที่งานประมูลครานี้ของโรงประมูลรั่วอานได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเป็นเพราะของสิ่งนี้…”

สวี่ฉู่กล่าวอย่างไม่ปิดบัง

“ของสิ่งใดรึ ?”

ฉู่เจี๋ยเอ่ยถามออกไปโดยสัญชาตญาณขณะมองสวี่ฉู่ด้วยความสงสัยใคร่รู้และรอคำตอบของเขา

“เราไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคืออะไร ทว่ากล่าวได้เพียงว่ามันเป็นแผนที่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังลึกลับ และเจ้าของแผนที่ฉบับนั้นรวมถึงผู้คนในโรงประมูลก็ไม่มีใครที่สามารถมองเห็นเนื้อหาของแผนที่นั้นได้ ท่านน่าจะทราบว่าวัตถุที่ลึกลับเช่นนี้น่าสนใจเป็นที่สุด เพราะเหตุนั้นงานประมูลของเราครานี้จึงได้รับความสนใจและคึกคักกว่าปกติ”

สวี่ฉู่กล่าวอธิบายพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าคำพูดของเขาจะดูกำกวม มันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเขากำลังโกหกอยู่ คาดว่าแผนที่นั้นมีอยู่จริง ทว่าฉินอวี้โม่และฉู่เจี๋ยไม่มั่นใจว่าโรงประมูลทราบหรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วแผนที่นั้นคืออะไร

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ทั้งสองยิ้มอ่อนและพยักศีรษะเบา ๆ โดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดต่อ

“ฮ่า ๆ ๆ หากท่านทั้งสองสนใจ เชิญท่านมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้เพื่อชมมันด้วยตัวเอง ข้าจะสั่งให้คนเตรียมห้องหมายเลขสองของโรงประมูลไว้ให้ท่าน”

สวี่ฉู่ยิ้มและกล่าวเชื้อเชิญโดยจะเตรียมห้องแยกไว้สำหรับจอมยุทธ์ทั้งสองและคณะเป็นพิเศษ

แม้ไม่ทราบเกี่ยวกับโรงประมูลรั่วอานแห่งนี้มากนัก แต่ทั้งสองก็ทราบว่าห้องแยกหมายเลขสองน่าจะเป็นห้องสำหรับรองรับเฉพาะแขกคนสำคัญเท่านั้น สวี่ฉู่มิได้เอ่ยถามตัวตนของทั้งสองด้วยซ้ำทว่าตัดสินใจที่จะเตรียมห้องพิเศษเช่นนั้นให้กับพวกนาง เชื่อว่าเขาคงจะมั่นใจในโรงประมูลของตนเป็นอย่างยิ่ง และแหวนมิติของฉินอวี้โม่นั้นคาดว่าจะประมูลได้ในราคาที่สูงมากทีเดียว

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน”

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และตอบตกลงในทันที นางเองก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับแผนที่ลึกลับนั่นเช่นกัน โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งวัตถุนั้น ๆ ลึกลับเพียงใดและมีปริศนาที่ต้องไขความลับ วัตถุชิ้นนั้นก็จะยิ่งล้ำค่ามากขึ้นไปอีก

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอต้อนรับท่านจอมยุทธ์ทั้งสอง”

สวี่ฉู่ยิ้มอย่างเป็นมิตร แท้จริงแล้วเขาสงสัยในตัวตนแท้จริงของบุรุษหนุ่มสาวตรงหน้ายิ่งนัก เพียงแต่เขาก็เป็นบุคคลที่ฉลาดเฉลียว ในเมื่อฉู่เจี๋ยและฉินอวี้โม่ไม่กล่าวออกมาโดยตรง เขาก็จะไม่เอ่ยถามให้มากความ

“อีกอย่าง…ข้ายังมีของไร้ประโยชน์อีกจำนวนหนึ่ง หากไม่ขัดข้อง ลุงสวี่ก็ช่วยประมูลพวกมันไปทั้งหมดได้เลย”

ฉินอวี้โม่จำได้ว่ายังมีสิ่งหลอมและอาวุธอีกมากรวมถึงวัตถุสำหรับหลอมโอสถที่นางได้มาโดยบังเอิญทว่าไร้ประโยชน์สำหรับตนเอง นางจึงนำพวกมันออกมาและยื่นให้กับสวี่ฉู่อย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นวัตถุมากมายละลานตาปรากฏตรงหน้าอย่างกะทันหัน สวี่ฉู่ก็ถึงกับอ้าปากค้างเล็กน้อย สำหรับคนทั่วไป วัตถุอุปกรณ์เหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าอย่างแท้จริง แม้แต่สวี่ฉู่ก็ยังพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ผู้ที่สามารถกล่าวได้ว่าของเหล่านี้ไร้ประโยชน์ถือว่าร่ำรวยมั่งคั่งอย่างที่สุด!

ผู้จัดการโรงประมูลผู้นี้จึงสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่มากขึ้นอย่างมิอาจควบคุมได้ และแม้จะคาดเดาขึ้นมาว่าจอมยุทธ์ตรงหน้าอาจจะเป็นผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ย อย่างไรก็ตาม หากจำไม่ผิด ผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยผู้นั้นเป็นบุรุษ แล้ว ‘เขาผู้นั้น’ จะเป็นสตรีลึกลับผู้สวมผ้าคลุมบดบังใบหน้าทว่ามิอาจซ่อนความงามชวนมองตรงหน้านี้ได้อย่างไร ?

เนื่องจากไม่กล้าถามให้มากความ สวี่ฉู่จึงเพียงเก็บวัตถุมากมายเหล่านั้นที่ฉินอวี้โม่หยิบออกมา

“ฮ่า ๆ ๆ ท่านจอมยุทธ์ ท่านวางใจเถิด ข้าจะสั่งให้คนนับจำนวนและทำรายการไว้ ในงานประมูลวันพรุ่งนี้ ข้าจะช่วยขายให้ได้ในราคาที่ดีอย่างแน่นอน”

ด้วยวัตถุอุปกรณ์ละลานตาเหล่านี้ แม้แต่โรงประมูลรั่วอานเองก็จะมีรายได้มหาศาลอย่างแน่นอน สวี่ฉู่จึงมีความสุขและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

นานมาแล้วที่โรงประมูลของพวกเขาไม่ได้ทำการประมูลของดีเช่นนี้เป็นจำนวนมาก

“ไม่จำเป็นต้องทำรายการหรอก ข้าเชื่อใจในโรงประมูลรั่วอานของท่าน ลุงสวี่แค่ช่วยขายของพวกนี้และมอบเงินให้ข้าตามที่สมควรได้รับก็พอ”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนลุกขึ้นยืน “วันนี้พวกเราขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้เราจะมาถึงที่นี่ก่อนงานประมูลเริ่มต้นขึ้น”

หลังจากกล่าวจบ นางและคณะเดินทางก็มุ่งหน้าออกจากโรงประมูลรั่วอาน

ทันทีที่คนทั้งกลุ่มลับสายตาออกไป ร่างหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏกายขึ้นภายในห้องที่พวกนางอยู่ก่อนหน้านี้

“ฮ่า ๆ ๆ ช่างเป็นกลุ่มคนที่ลึกลับจริง ๆ กิริยาท่าทางของนางและสิ่งของที่นางนำมาล้วนพิสูจน์ให้เห็นว่านางไม่ธรรมดาเลย”

เสียงเบาทว่าเจือด้วยความสงสัยใคร่รู้ดังขึ้น และแน่นอนว่าความสงสัยนั้นเกี่ยวข้องกับฉินอวี้โม่และฉู่เจี๋ย

“นายน้อย !”

สวี่ฉู่โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ ทว่าไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ

“พี่อวี้โม่ เหตุใดท่านถึงหยุดไม่ให้ข้าลงมือล่ะ ?”

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อเห็นบุรุษผู้ที่ปรากฏกายขึ้นภายในห้องหลังจากตนและฉินอวี้โม่กลับออกมา ฉู่เจี๋ยก็ขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของใครบางคนในห้องนั้นตั้งแต่ต้นและฉู่เจี๋ยก็กำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่าง ทว่าถูกฉินอวี้โม่ห้ามปรามไว้เสียก่อน

“ฮ่า ๆ ๆ ไม่จำเป็นหรอก แม้ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทว่าการที่เขาผ่านเข้าออกโรงประมูลรั่วอานได้อย่างง่ายดายตามอำเภอใจเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าตัวตนของเขาต้องมีความสำคัญแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้รู้สึกถึงความพยาบาทมุ่งร้ายหรือความเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ จากเขา ข้าสัมผัสได้เพียงแค่ความสงสัยใคร่รู้เท่านั้น”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน หากคนผู้นั้นเปล่งจิตสังหารออกมา นางไม่มีทางขัดขวางฉู่เจี๋ยอย่างแน่นอน ทว่าในเมื่อไม่รู้สึกถึงความมุ่งร้ายและคาดว่าเขาน่าจะเป็นคนของโรงประมูลรั่วอาน นางจึงห้ามปรามฉู่เจี๋ยไว้

โรงประมูลรั่วอานมิได้เรียบง่ายและธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริง ๆ ฉินอวี้โม่ก็ไม่ต้องการสร้างความบาดหมางกับพวกเขา

ฉู่เจี๋ยพยักศีรษะและเข้าใจความคิดของฉินอวี้โม่ จากนั้นเขาก็ไม่ถามสิ่งใดต่อขณะหันไปเล่นกับเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่

ฉินอวี้โม่ก็ตรวจสอบและจัดระเบียบคฤหาสน์เฟิงหัว จากนั้นก็มองไปที่วัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้และคำนวณครุ่นคิดว่าจะพัฒนาความแข็งแกร่งของเรือนเฟิงเสวี่ยต่อไปอย่างไร

…..

เช้าตรู่วันต่อมา ฉินอวี้โม่และคณะเดินทางก็มุ่งหน้าไปยังโรงประมูลรั่วอาน

ฉินอวี้โม่ยังคงสวมอาภรณ์สตรีเช่นเดิม ฉู่เจี๋ย มารยาและหลิวหยาก็ติดตามไปกับนางในครานี้ คณะเดินทางยังคงประกอบไปด้วยสมาชิกเดิม เว้นเพียงแต่เด็กน้อยทั้งสองซึ่งยังคงหลับใหลและได้รับการดูแลโดยอสูรมายาอื่น ๆ อยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว

ทว่าครานี้ฉินอวี้โม่ก็ได้พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาตั้งแต่เดินมาถึงหน้าประตูโรงประมูลรั่วอาน

คนคุ้นหน้าผู้นั้นก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเฝินชวี่ผู้ซึ่งมีความบาดหมางกันมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ ข้างหลังเขาคือกลุ่มคนที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดมาจากหุบเขากรุ่นกำยาน

พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูและบังเอิญพบกับคณะเดินทางของฉินอวี้โม่พอดิบพอดี

ทว่าเมื่อเห็นมารยา เฝินชวี่ก็จำอสูรสาวได้ในทันที

“ฮ่า ๆ ๆ นี่มันอสูรมายาคู่กายของผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยมิใช่รึ ?”

เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มยียวน

“เจ้าโง่ !”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงน่ารำคาญของอีกฝ่าย มารยาเพียงสบถสองพยางค์สั้น ๆ ออกไปอย่างเย็นชาและต้องการจะเดินเข้าไปข้างในอาคารพร้อมกับฉินอวี้โม่ต่อไป

แน่นอนว่าเฝินชวี่ไม่ยอมปล่อยให้มารยาทำอะไรตามอำเภอใจได้ เขาจึงก้าวออกไปขวางหน้าอสูรสาวไว้ทันที

“เหตุใดนายของเจ้าไม่มาด้วยล่ะ ?”

นายน้อยหุบเขากรุ่นกำยานทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อไม่เห็นหน้าอริของตน หากกล่าวตามความจริง ผู้ที่เขาหวาดหวั่นมากที่สุดก็คือฉินอวี้โม่ ในเมื่อครานี้ไม่เห็นวี่แววของคนผู้นั้น เขาย่อมผ่อนคลายและไม่หวั่นใจเหมือนก่อน

“แล้วมันเป็นธุระกงการอะไรของเจ้า ?!”

มารยาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเริ่มหมดความอดทนเต็มที หากมิใช่เพราะคำสั่งของฉินอวี้โม่ อสูรสาวก็คงลงมือทำอะไรสักอย่างไปแล้ว

“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องเกี่ยวกับข้า เรือนเฟิงเสวี่ยของพวกเจ้าสร้างปัญหาให้ข้าต้องวุ่นวายใจหลายครั้งหลายครา ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าก็จะได้ถือโอกาสนี้ระบายความโกรธแค้นสักหน่อย”

เฝินชวี่ยิ้มอย่างชั่วร้ายและยืนขวางหน้ามารยาอย่างไม่ลดละ

“ไปให้พ้น !”

ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ หากมิใช่เพราะไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน นางก็คงแสดงตัวต่อเฝินชวี่ไปแล้ว

“เจ้าเป็นใครถึงได้กล้ากล่าววาจาสามหาวกับข้าเช่นนี้ !”

เมื่อเฝินชวี่ได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ เขาก็ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ เมื่อพบว่าเป็นสตรีลึกลับที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อน สีหน้าของเขาก็เจื่อนลงเล็กน้อย

เขาเป็นบุรุษหนุ่มมากพรสวรรค์และเป็นที่โปรดปรานของสตรีมากมาย การที่สตรีตรงหน้ากล่าววาจาไม่ไว้หน้าเช่นนี้ทำให้เขาไม่สบอารมณ์นัก ทว่าไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด แม้ไม่เคยพบหน้ามาก่อน เขากลับรู้สึกว่ากลิ่นอายของนางคุ้นเคยและน่าหวาดหวั่นไม่น้อย

ทว่าในขณะที่ฉินอวี้โม่กำลังจะเอ่ยตอบออกไป อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เฝินชวี่ พวกเจ้าหุบเขากรุ่นกำยานชอบหาเรื่องรังแกคนอื่นอยู่เสมอ ในฐานะหนึ่งในสามขุมกำลังใหญ่ ข้ารู้สึกละอายใจแทนหุบเขากรุ่นกำยานของพวกเจ้าจริง ๆ !”

ทันทีที่หันไปตามต้นเสียง ทุกคนก็พบว่านั่นคือเสียงของฮั่วหลิน—นายน้อยแห่งนิกายเพลิงแดงเดือดและอู่ถง—ยอดฝีมือจากนิกายอู่ซานก็กำลังเดินอยู่ข้างกายของเขาเช่นกัน

หน้าประตูโรงประมูลรั่วอานในตอนนี้ คนรุ่นเยาว์จากทั้งสามขุมกำลังใหญ่มารวมตัวกันโดยบังเอิญและพวกเขาทั้งหมดเป็นบุคคลที่ฉินอวี้โม่คุ้นเคยพอสมควร