บทที่ 2123+2124

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2123 อยู่ด้วยกัน 2

กู้ซีจิ่วเบะปาก

“ขี้โม้!”

ตี้ฝูอีมองดูนาง นางในความทรงจำของเขามักจะวางท่าเป็น ‘ผู้อาวุโส’ เป็น ‘พี่สาว’ อยู่เสมอ โดยเฉพาะสายตาที่มองดูเขาจะเสมือนมองดูเด็กน้อยที่ยังไม่โต ยากนักที่จะได้เห็นนางเผยท่าทางของสาวน้อยเช่นนี้ออกมา

น่าเสียดาย ตอนนี้หน้านางยังทาสีน้ำมันอยู่…

จิตใจของตี้ฝูอีหวามไหวเล็กน้อย ยิ้มนิดๆ

“ขี้โม้หรือไม่วันหน้าเจ้าอยู่กับข้านานไปก็จะรู้เอง”

อยู่กับเขานานไป…

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงขึ้นมาหลายจังหวะ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการอยู่ด้วยกันกับคนผู้นี้นานไปก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ในใจยังมีความคาดหวังเล็กน้อยขึ้นมาอย่างน่าประหลาดด้วย

“เจ้ายังมีหลักฐานอื่นอีกหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกครั้ง

เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ?

ตี้ฝูอีเลิกคิ้วนิดๆ ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็เขยิบเข้าใกล้นางเล็กน้อย น้ำเสียงกดต่ำลง ราวกับจะกระซิบข้างหู มีเพียงนางที่ได้ยิน

“ยังรู้อีกว่าตรงจุดที่อยู่ใต้ไหปลาร้าเจ้าลงไปหนึ่งชุ่นมีปานรูปผีเสื้ออยู่…”

ตอนรักษาอาการบาดเจ็บให้นางคราวก่อน ถึงแม้จะมีน้ำขวางกั้นไว้ แต่ตอนที่นางยกมือขึ้นมาก็ยังคงเผยเนื้อหนังบางส่วนออกมา เขาย่อมมองเห็นชัดเจน

กู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง ใบหน้าพลันร้อนผ่าว หดกายถอยหลังไป หลบหลีกจากลมหายใจเขาที่แทบเป่ารดใบหน้าเธอ

“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้า…”

คำพูดท่อนหลังเธอไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ยอมรับโดยปริยายแล้วว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง!

ตำแหน่งนี้เป็นจุดสงวน หากมิใช่คนที่มีสัมพันธ์ชิดเชื้อกันอย่างแท้จริงไม่มีทางได้เห็นจุดนั้นของเธอเด็ดขาด!

ดูเหมือนสิ่งที่เด็กหนุ่มตรงหน้ากล่าวมาจะเป็นความจริง เขาอาจจะเป็นคู่หมั้นของเธอจริงๆ

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเคยเห็นจุดนั้นของเธอแล้ว เช่นนั้นความสัมพันธ์ของเขากับเธอดำเนินไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?

คงไม่ใช่ว่า…ถึงขั้นเนื้อแนบเนื้อแล้วกระมัง?!

ตอนนี้กู้ซีจิ่วเชื่อคำพูดของตี้ฝูอีถึงแปดส่วนแล้ว เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เจ้ามาเพื่อตามหาข้าโดยเฉพาะเลยหรือ? เมื่อก่อนพวกเราเป็นคนที่ไหน?”

พวกเรา…

ตี้ฝูอีชอบคำนี้!

เขามองหัวหน้าเผ่าคนนั้นแวบหนึ่ง หัวหน้าเผ่าคนนั้นกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาแวววาว เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ

“ดินแดนเบื้องบน”

กู้ซีจิ่วงงงัน

ทว่าหัวหน้าเผ่าคนนั้นกลับตกใจจนแทบตกเก้าอี้แล้ว!

ถึงอย่างไรเขาก็เคยอยู่ข้างนอกมาก่อน ทราบว่าผู้คนที่โลกภายนอกต่อให้เป็นผู้ที่ฝึกฝนจนสูงส่งล้ำเลิศปานใดก็ยังไม่ถึงระดับของตี้ฝูอีในยามนี้

โดยเฉพาะข้าวของมากมายที่อีกฝ่ายหยิบออกมาก็ดูพิสดารพันลึกอย่างยิ่ง ไม่คล้ายว่าเป็นสิ่งของที่มีอยู่บนโลกใบนี้

ยังมีอีก รูปโฉมของกู้ซีจิ่วและตี้ฝูอีแตกต่างกับรูปโฉมของผู้คนในโลกนี้ยิ่งนัก

ผู้คนในโลกนี้ส่วนใหญ่จะมีผิวสีทองแดง จมูกโด่งเบ้าตาลึก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน

แต่ผิวพรรณของสองคนนี้ขาวกระจ่างปานหยก เครื่องหน้างามล้ำเลิศ นัยน์ตาเป็นสีดำขลับ

แน่นอนว่ายามที่เขาพบกู้ซีจิ่วก็นึกสงสัยในประวัติฐานะของนางยิ่งนัก ยามนี้ในที่สุดก็ได้ทราบแล้ว

ที่แท้พวกเขาก็เป็นคนที่ถูกส่งมาจากดินแดนเบื้องบน! ในที่สุดสวรรค์ก็เห็นถึงความยากลำบากของแดนอสุราแล้วจึงส่งคนมาช่วยเหลือพวกเขาใช่หรือไม่?

หัวหน้าเผ่าคุกเข่าลงไปเสียงดังตึง ขอร้องอ้อนวอนด้วยความจริงใจให้ช่วยเหลือคนในหมู่บ้านนี้

ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง

“ด้วยวรยุทธ์ของข้ากับนาง พาพวกเจ้าออกไปสถานที่แห่งนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เรียกว่าเมืองซึ่งอยู่ด้านนอกนั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะปลอดภัย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อหนึ่งร้อยสามสิบสองปีก่อนอาจไม่ได้เกิดขึ้นที่หุบเขาแห่งนี้เพียงที่เดียว…”

สีหน้าหัวหน้าเผ่าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย อันที่จริงเขาก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่กล้าไตร่ตรองดูอย่างจริงจัง

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความหวังเดียวที่ทำให้พวกเขากัดฟันทนอยู่ที่นี่ หากว่าด้านนอกก็เกิดวิกฤตขึ้นเช่นนี้ หรืออาจจะเลวร้ายกว่าที่นี่ด้วย เช่นนั้นต่อให้พวกเขาหนีออกไปได้จะไปไหนได้อีก?

————————————————————————————-

บทที่ 2124 อยู่ด้วยกัน 3

ตี้ฝูอีเอ่ยเสียงเรียบ

“เจ้าก็อย่าได้รีบร้อนสิ้นหวังไป สุดท้ายแล้วด้านนอกจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้แน่ชัด หาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าเล่าสภาพแวดล้อมของที่นี่มาให้ละเอียดสิ ข้าจะลองดูว่ามีวิธีหรือไม่”

ยามนี้หัวหน้าเผ่าย่อมไม่ปิดบังอันใดอีกแล้ว เล่าทุกอย่างที่รู้ออกมาจนสิ้น

อย่างเช่นหุบเขาแห่งนี้มีช่วงกลางวันเพียงสามชั่วยามเท่านั้น ช่วงเวลาอื่นล้วนเป็นรัตติกาลอันมืดมิดที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเทาทึมทึบ และขอเพียงหมอกเทานี้เข้าโอบล้อมตัวคนได้ คนผู้นั้นก็จะหลอมละลายเป็นน้ำเหลือง

เสียงคำรามที่ดังกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดหมอกสีเทา เมื่อเสียงคำรามดังขั้น ทุกคนจะต้องรีบกลับเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ ใช้ศิลาก้อนนั้นอุดปากถ้ำเอาไว้…

หุบเขาแห่งนี้มีอาณาเขตแปดร้อยลี้ รอบหุบเขามีหมอกสีแดงเกาะตัวอยู่ ไม่อาจทะลุผ่านไปได้

กล่าวว่ากู้ซีจิ่วเป็นผู้ที่ค้นพบโดมหมอกแดงนี้ เหล่านักล่าที่ออกเสี่ยงอันตรายก่อนเธอนั้น ยังไปไม่ถึงเส้นชายขอบก็ถูกสัตว์ร้ายมายาเหล่านั้นกัดกินแล้ว…

ต้องยกความชอบให้วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่ว สัตว์ร้ายมายาพวกนั้นไล่ตามเธอไม่ทัน แต่เธอก็ไม่สามารถทำลายโดมหมอกแดงได้ และในละแวกโดมหมอกก็มีสัตว์ร้ายมากมายยิ่ง เธอไม่อาจรั้งอยู่ที่นั่นได้นาน…

“ในการเสี่ยงภัยครั้งนั้น ถึงแม้สือโทวจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เพียงแต่เด็กคนนี้ฝืนทนไว้ ด้วยรู้ว่าความหวังของทั้งหมู่บ้านขึ้นอยู่กับตัวนาง เมื่อนางบาดเจ็บจึงไม่กล้าบอกให้ใครรู้ กันไม่ให้คนอื่นใจเสียจนสิ้นหวังไป บาดแผลสาหัสถึงเพียงนั้นนางก็ค่อยๆ ทำการรักษาด้วยตัวเอง ตอนนั้นนางไข้ขึ้นสูงอยู่หลายวัน ผู้เฒ่าเกรงว่าอาการนางจะย่ำแย่ไป คิดจะเฝ้าอยู่ข้างกายนาง นางก็ไม่ยอม เฮ้อ น่าเสียดายที่ที่ นี่ขาดแคลนโอสถสมุนไพร นางจึงทำได้เพียงใช้ดินมาลดอุณหภูมิ…”

น้ำเสียงของหัวหน้าเผ่ามีทั้งความชื่นชมและความรู้สึกผิด

“เด็กสาวคนหนึ่งสามารถอดกลั้นได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ตาเฒ่าอย่างข้าก็เลื่อมใสยิ่งนัก”

ตี้ฝูอีเม้มริมฝีปากบางแน่น

“เรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่?!”

“ประมาณครึ่งเดือนก่อน อาการบาดเจ็บของนางเพิ่งหายดีช่วงนี้ นับตั้งแต่บาดเจ็บมาวันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ออกล่า ไม่นึกเลยว่าจะได้พบพานท่านผู้สูงศักดิ์…”

ตี้ฝูอีสูดหายเบาๆ เฮือกหนึ่ง พลันลากกู้ซีจิ่วออกเดิน

“ไป ให้ข้าดูแผลเจ้าหน่อย!”

กู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง ไม่คิดจะตามเขาไป

“ไม่ต้องหรอก หายดีแล้ว”

บนร่างเธอมีบาดแผลมากมาย มีอยู่สามสี่แห่งที่เป็นจุดสงวน เธอไม่อยากให้ใครเห็น ถึงอย่างไรก็สมานกันดีแล้ว…

แต่พละกำลังของเธอในยามนี้เห็นได้ชัดว่าสู้เขาไม่ได้ จึงถูกเขาลากขึ้นไปชั้นบน

ชั้นบนคือ ‘ห้องนอน’ ของเธอ การตกแต่งภายในห้องซอมซ่อจนไม่อาจซอมซ่อไปมากกว่านี้ได้แล้ว

โต๊ะหิน ม้านั่งหิน เตียงหิน…

บนเตียงหินปูหญ้าไว้ บนหญ้าคือผ้าปูหยาบๆ ผืนหนึ่ง ทำให้ยามที่คนนอนอยู่บนนั้นไม่ถึงขั้นที่ต้องนอนแนบลงไปบนหญ้า

ที่นี่มีพืชพรรณสีเขียวน้อยเสียจนน่าเวทนา หญ้าที่ใช้ปูก็มิใช่ชนิดที่อ่อนเป็นพิเศษอันใด เป็นเพียงใบไม้ใบหญ้าที่ร่วงหล่นส่วนหนึ่ง ต่อให้ปูผ้าไว้อีกชั้น นอนลงไปก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่อยู่ดี ตรงหัวเตียงยังมีผ้าหยาบๆ ผืนหนึ่งพับเอาไว้ด้วย พอจะฝืนใจเรียกว่าผ้าห่มได้…

สีหน้าตี้ฝูอีย่ำแย่ยิ่งนัก

“เจ้าลงแรงเพื่อพวกเขามากถึงเพียงนี้ พวกเขากลับปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้รึ?!”

เล้าหมูยังหรูหรากว่าที่นี่เสียอีก

กู้ซีจิ่วมองใบหน้าหล่อเหล่าที่บึ้งตึงของเขา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจทั้งขบขันทั้งค่อนข้างอบอุ่น กล่าวอธิบาย

 “อันที่จริงที่นี่ของข้านับว่าดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว คนอื่นไม่มีแม้แต่ผ้าห่มผ้าปูด้วยซ้ำ ทุกคนล้วนนอนบนหญ้าแห้ง บ้างก็ปูหญ้านอนบนพื้น…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอค่อนข้างภูมิใจในตัวเองเล็กน้อย

“ตอนที่ข้าเพิ่งมาถึง ทุกคนไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าด้วยซ้ำ…”

————————————