ตอนที่ 1973 เที่ยวโลกวิญญาณในหนึ่งวัน (3)
ตู๋เถิงและน่าหลานเยว่เผชิญหน้ากันตาต่อตาฟันต่อฟัน คนหนึ่งร้ายกาจดุดัน อีกคนสงบนิ่งอ่อนโยน
แม้ว่าเหล่าวิญญาณจะมุงดูกันด้วยความตื่นเต้น แต่ก็พากันเปิดทางให้โดยไม่ได้ตั้งใจ
“น่าหลานเยว่ไม่ได้เลิกตามหาตู๋เถิงแล้วหรอกหรือ? ข้าเห็นตู๋เถิงเกือบจะสู้กับเขาแล้ว” เสือดำกระซิบพร้อมแกว่งหางไปมา
“เกือบอะไร? ก็ลงมือไปแล้วเนี่ย” ดาบเหล็กตรงทำเสียงฮึอย่างเย้ยหยัน
“ถึงยังไงน่าหลานเยว่ก็เป็นศิษย์ของครูวิญญาณ ตู๋เถิงถือเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดของวิญญาณพืช เหมาะสมแล้วหรือที่เขาจะขัดแย้งกับศิษย์ของครูวิญญาณแบบนี้?”
“ครูวิญญาณเก็บตัวมานานหลายปีแล้ว ยิ่งกว่านั้น เจ้าไม่รู้นิสัยของครูวิญญาณหรือไง? ถึงเขาจะรู้ว่าน่าหลานเยว่กับตู๋เถิงขัดแย้งกัน เขาก็ไม่ทำอะไรหรอก”
“ถึงครูวิญญาณจะเก็บตัว แต่พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าน่าหลานเยว่ยังมีศิษย์พี่อยู่? นิสัยของคนผู้นั้นก็ใช่ว่าจะดี”
“เจ้าหมายถึงอูจิ่วหรือ? พูดแบบนั้นก็ไม่ผิด พวกเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน แต่……ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนั้น ข้าเคยเห็น……”
บรรดาวิญญาณมุงทั้งหลายต่างก้มหน้าตะแคงหูฟังอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อภาพของสิงโตและขวานภูเขายืนเบียดกระซิบกระซาบกันปรากฏต่อสายตาของจวินอู๋เสีย นางก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มคุ้นเคยกับความไม่สมเหตุสมผลของที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมท่านพี่ตู๋เถิงถึงทะเลาะกับท่านอาน่าหลานล่ะ?” บัวน้อยมีสีหน้าสับสนงุนงง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เพียงรู้จักตู๋เถิงเท่านั้น แต่ยังรู้จักน่าหลานเยว่ที่พัวพันอยู่กับตู๋เถิงด้วย
อิงซู่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ทุกคนพร้อมจะดูความโกลาหลอย่างสบายใจ ดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะทำอะไรกับมันเลย
แต่บัวน้อยไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ เขากัดริมฝีปากเมื่อเห็นการต่อสู้ของตู๋เถิงและน่าหลานเยว่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาก็พุ่งออกไปทันที
“หยุดทะเลาะกัน! พวกท่านหยุดสู้กันเถอะ!”
ทันใดนั้น ร่างอ้วนกลมตุ้ยนุ้ยเล็กๆก็วิ่งตรงเข้าไปในสมรภูมิอันดุเดือด ทำให้ทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ถึงกับตกตะลึง
ตู๋เถิงกำลังคิดว่าเขาจะโยนน่าหลานเยว่ที่ดื้อรั้นออกจากที่นั่นได้อย่างไร จู่ๆก็เห็นบัวน้อยวิ่งเข้ามา เขารีบดึงเถาวัลย์ที่ร้ายกาจของตนกลับมาทันที น่าหลานเยว่เองก็สสะดุ้งตกใจเช่นกัน เขาก้าวถอยหลังมองเจ้าลูกชิ้นตัวน้อยที่วิ่งตรงมาหาเขาด้วยใบหน้าโศกเศร้า
“บัวน้อย?” น่าหลานเยว่อุ้มลูกชิ้นน้อยขึ้นมา แล้วมองใบหน้าเล็กๆที่มีน้ำตาไหลนองด้วยความประหลาดใจ
“ท่านอาน่าหลาน อย่าสู้กับท่านพี่ตู๋เถิงอีกเลยนะ” บัวน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับดึงแขนเสื้อของน่าหลานเยว่
น่าหลานเยว่แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่วนตู๋เถิงที่เก็บเถาวัลย์ไปแล้วก็มองบัวน้อยที่ทำหน้าเหมือนไร้อนาคตแล้วมุมปากเขาก็กระตุกขึ้นมา
“เราไม่ได้ทะเลาะกัน……” น่าหลานเยว่เริ่มพูดปลอบใจเด็กน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อเห็นว่าการปรากฏตัวของบัวน้อยทำให้การต่อสู้หยุดลงอย่างกะทันหัน เจ้าแมวดำที่นั่งอยู่บนไหล่ของอิงซู่ก็เลียอุ้งเท้าของมันแล้วเบนสายตาออกไปอย่างหมดคำพูด
“เจ้าสมองกลวงนั่นอยู่รอดในโลกวิญญาณมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง?” แมวดำตัวน้อยถาม
อิงซู่ยักไหล่
“ทั้งโลกวิญญาณมีแค่ตู๋เถิงกับน่าหลานเยว่ที่ใจดีกับเขา ต่อหน้าสองคนนี้ เขาเป็นแบบนี้เสมอแหละ เออใช่……ก่อนที่อ้าวเสว่หานเหมยจะไป เขาก็เป็นอีกคนเหมือนกัน”
สำหรับอิงซู่ บัวน้อยเป็นเป้าหมายที่เหมาะจะแกล้งมากที่สุด แน่นอนว่าถ้าเป็นบัวเมา เขาก็ชอบแหย่เหมือนกัน
“……….” เจ้าแมวดำถึงกับหนวดสั่น
วิญญาณสองดวงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดพลันพบว่าตนเองไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้ว เพียงเพราะบัวน้อยที่พุ่งออกมาขวาง พอโดนบัวน้อยมองด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ ตู๋เถิงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บเถาวัลย์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ตอนที่ 1974 เที่ยวโลกวิญญาณในหนึ่งวัน (4)
“ข้าไปล่ะนะ” ตู๋เถิงทำหน้าบึ้งพร้อมลุกขึ้นยืน
บัวน้อยมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า เขาหันหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าที่ดูโง่ๆของบัวน้อย
น่าหลานเยว่รู้สึกอับจนคำพูด แต่ตู๋เถิงกล่าวต่อไปว่า “วิญญาณพืชไม่ยุ่งกับเรื่องทางโลกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าเจ้ายังไม่เลิกรา ต่อให้เจ้าเด็กโง่ปกป้องเจ้า ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว”
พูดจบ ตู๋เถิงก็กระโดดออกไปจากร้านทันที
น่าหลานเยว่มีสีหน้าจนใจอย่างมาก เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
“อ๊า!” ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากในหมู่วิญญาณมุง สายตาของทุกคนหันไปทางต้นเสียงทันที
กระต่ายหูใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างจวินอู๋เสียอ้าปากกว้าง หูทั้งสองของมันตั้งชันขึ้น
“เขายังไม่ได้จ่ายเงินเลย!!!” กระต่ายหูใหญ่เอาอุ้งเท้าปิดหน้า ทำท่าเหมือนโลกจะแตก
วิญญาณทุกดวงที่ยืนอยู่รอบๆต่างหมดคำพูด
น่าหลานเยว่เอามือกุมหน้าผาก แล้วเดินไปข้างๆกระต่ายหูใหญ่ เขายื่นมือออกมาและหย่อนลูกไฟวิญญาณสองสามลูกลงไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของมัน
“พอไหม?”
“พอขอรับ พอขอรับ!” หูของกระต่ายหูใหญ่ห้อยกลับลงมาทันที มันกระโดดขึ้นลงพร้อมกับจับผ้ากันเปื้อนไว้
น่าหลานเยว่ยิ้มพลางส่ายหัว ตอนนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นเด็กสาวที่วิญญาณอ่อนแอยืนอยู่ข้างๆกระต่ายหูใหญ่ แต่ใบหน้าของเด็กสาวงดงามชวนตะลึงอย่างมาก ขนาดน่าหลานเยว่ที่สงบนิ่งยังอดตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าของจวินอู๋เสีย
ความโปร่งแสงอันลึกลับของวิญญาณยิ่งทำให้ความงดงามของจวินอู๋เสียกลายเป็นสิ่งที่เหนือจริง
“เจ้า……มาใหม่งั้นหรือ?” น่าหลานเยว่มองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ วิญญาณที่อ่อนแอและร่างโปร่งใสเช่นนั้น น่าจะเป็นวิญญาณใหม่
จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นบัวน้อยที่อยู่ด้านหลังน่าหลานเยว่พูดขึ้นแทนอย่างกระตือรือร้นว่า “ใช่ๆ! เจ้านายเพิ่งมาใหม่”
“เจ้านาย?” น่าหลานเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
จวินอู๋เสียแอบหวั่นใจ บัวน้อยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมารยาเลย เขาเรียกนางว่าเจ้านายต่อหน้าทุกคน
แต่ไม่ต้องให้จวินอู๋เสียที่เตรียมพร้อมเบี่ยงเบนสถานการณ์ต้องเอ่ยปาก น่าหลานเยว่ก็พูดพลางหัวเราะว่า “ตอนที่เจ้าไป ทุกคนพูดกันว่าอีกเดี๋ยวเจ้าก็กลับมา ท่าทางจะจริงนะ แต่คราวนี้เจ้านายเจ้าดูท่าจะเก่งไม่เบา พอตายแล้ววิญญาณของนางก็มาที่โลกวิญญาณได้ ดูแล้วนางก็ไม่น่าจะอายุเยอะเลยนี่?”
น่าหลานเยว่ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเขาถูกหลอกง่ายๆ แต่เป็นเพราะว่าหากไม่ใช่ร่างวิญญาณก็ไม่สามารถเข้าสู่โลกวิญญาณได้ ดังนั้นเขาจึงทึกทักเอาทันทีว่า “เจ้านาย” ของบัวน้อยถูกฆ่าอีกแล้ว แต่โชคดีที่เจ้านายของเขาเก่งพอที่จะเข้าสู่โลกวิญญาณได้
ท่าทางบัวน้อยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกสายตาของจวินอู๋เสียห้ามเอาไว้
เจ้าเด็กนี่พูดจาไม่ระวัง อาจจะพลาดเอาได้ง่ายๆ
“ในเมื่อเจ้าเป็นเจ้านายของบัวน้อย งั้นเราก็นั่งลงคุยกันหน่อยเป็นไง?” น่าหลานเยว่กล่าวเชิญ
จวินอู๋เสียคิดนิดนึงแล้วก็ตอบตกลง แต่……
“ข้าแตะต้องอะไรไม่ได้เลย” จวินอู๋เสียบอกว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถ “นั่งลง” ได้
นางสามารถสัมผัสพื้นได้ แต่โต๊ะ เก้าอี้ และอื่นๆ……ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับนาง
น่าหลานเยว่พูดพลางหัวเราะ “ไม่มีปัญหา ในเมื่อมาที่โลกวิญญาณแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่ ตราบใดที่เจ้าหมั่นฝึกฝน ไม่นานเจ้าก็จะเป็นเหมือนวิญญาณอื่นๆที่นี่ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก แต่เจ้ากับข้าเป็นวิญญาณมนุษย์เหมือนกัน งั้นข้าก็อาจจะช่วยเรื่องการฝึกฝนได้บ้างเล็กน้อย”
ตอนที่ 1975 เที่ยวโลกวิญญาณในหนึ่งวัน (5)
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวินอู๋เสียก็เต็มใจนั่งลงพูดคุย นางไม่สนใจอย่างอื่น สิ่งที่นางสนใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือจะฝึกฝนและทำให้ตัวนางแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร แม้ว่าจวินอู๋เหยาจะรู้เกี่ยวกับวิธีฝึกอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนเป็นร่างวิญญาณเพื่อฝึกฝนมาก่อน สิ่งที่เขารู้คงไม่ละเอียดเท่าที่ร่างวิญญาณจริงๆรู้
น่าหลานเยว่เชิญพวกจวินอู๋เสียนั่งโต๊ะเดียวกันกับเขา เมื่อเขาเห็นอิงซู่อยู่ด้านหลังจวินอู๋เสีย เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
“อิงซู่ ทำไมเจ้ากลับมาด้วยล่ะ?” ถ้าเขาจำไม่ผิด อิงซู่ก็ออกไปสักพักแล้วไม่ใช่หรือ?
อิงซู่ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้านายข้าเสียแล้ว เพราะงั้น……”
ไม่จำเป็นที่อิงซู่จะต้องกล่าวให้จบประโยค น่าหลานเยว่ก็เข้าใจ
“มีวิญญาณพืชเป็นภูติประจำตัวก็อันตรายล่ะนะ ดีแล้วที่เจ้ากลับมา” น่าหลานเยว่ไม่สงสัยอะไรเลย เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับวิญญาณอาวุธและวิญญาณสัตว์อสูรในการเป็นภูติประจำตัวให้มนุษย์ ในโลกวิญญาณ วิญญาณพืชมีจำนวนไม่มากตั้งแต่แรกแล้ว บวกกับเรื่องที่วิญญาณพืชส่วนใหญ่มีนิสัยแปลกประหลาดและหยิ่งผยองมาก ดังนั้น จึงมีวิญญาณพืชเพียงน้อยนิดที่เต็มใจเป็นภูติประจำตัว
เนื่องจากความหายากของวิญญาณพืช เวลาที่วิญญาณพืชปรากฏตัวในแดนมนุษย์ จึงอันตรายอย่างมาก
อิงซู่ยิ้มอย่างเฉื่อยชา แต่สายตาของเขาเหลือบมองไปที่จวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ novel-lucky
เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว บรรดาวิญญาณมุงทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปนั่งที่ของตัวเอง เพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆของตนต่อไป
กระต่ายหูใหญ่กระโดดเข้ามารับรายการอาหาร บัวน้อยตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปและสั่งอาหารมามากมาย ความที่เป็นเป้าหมายหลักในการกลั่นแกล้งมานานหลายปี แม้ว่าพลังในการต่อสู้ของบัวน้อยจะถูกมองข้ามไปได้ แต่พลังของวิญญาณเขาแข็งแกร่งมาก ในสถานที่อย่างโลกวิญญาณที่พลังวิญญาณสามารถใช้เป็นเงินได้ เขาย่อมเป็นเศรษฐีคนหนึ่ง
เมื่อเห็นทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ และจวินอู๋เสียไม่สามารถถือตะเกียบได้ นางจึงได้แต่ก้มหน้ามองข้างล่าง ไม่สนใจอาหารน่าอร่อยที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
“เจ้ายังจำชีวิตของตัวเองได้มากแค่ไหน?” น่าหลานเยว่มองจวินอู๋เสีย อาจเป็นเพราะทั้งคู่เป็นวิญญาณมนุษย์ รวมกับการที่นางเป็นเจ้านายของบัวน้อย น่าหลานเยว่จึงค่อนข้างเป็นมิตรกับจวินอู๋เสีย
“ข้าจำอะไรไม่ได้เลย” จวินอู๋เสียตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย
หลังจากตาย จิตสำนึกของวิญญาณจะค่อยๆหายไป แม้แต่วิญญาณที่มีพลังอันแข็งแกร่ง เมื่อเวลาผ่านไปก็จะค่อยๆลืมทุกอย่างตอนที่ยังมีชีวิต มีเพียงผู้ที่ยึดติดอย่างรุนแรงเท่านั้นที่ยังมีความรู้สึกเสียใจอยู่หลังจากที่ตายไปแล้ว แต่มันจะคลุมเครืออย่างมาก
“งั้นหรือ ก็นะ……คนที่เข้ามาในโลกวิญญาณ จะมีสักกี่คนที่ยังจำอดีตได้” น้ำเสียงของน่าหลานเยว่เต็มไปด้วยความเสียใจ เมื่อร่างวิญญาณเข้าสู่โลกวิญญาณ โดยปกติแล้วก็จะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขา
“ช่างเถอะ ในโลกวิญญาณมีชีวิตใหม่รออยู่ เรื่องในอดีตไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราอีกต่อไป แค่หมั่นฝึกฝนวิญญาณเจ้าให้ดีก็พอแล้ว เทียบกันแล้วที่นี่สงบสุขกว่ามาก” น่าหลานเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จวินอู๋เสียพยักหน้า
น่าหลานเยว่เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว เขาเริ่มคุยกับจวินอู๋เสียเรื่องวิธีฝึกฝนวิญญาณ พูดตามตรง การฝึกฝนวิญญาณจำเป็นต้องมีการกระตุ้นในระดับหนึ่ง เนื่องจากแก่นวิญญาณคือว่างเปล่า ถ้าปล่อยให้มันเสื่อมลงไปเรื่อยๆ ไม่เพียงพลังจะอ่อนแอลง กระทั่งจิตสำนึกก็จะค่อยๆจางหายไป ดังนั้น การกระตุ้นวิญญาณจะทำให้จิตสำนึกไม่จางหายไป และยังทำให้มันมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
“อันที่จริง ในโลกวิญญาณ มีหลายสถานที่ที่เหมาะให้พวกเราฝึกฝนวิญญาณ”