ตอนที่ 1976 ยั่วยุ (1)
“โลกวิญญาณก่อตัวขึ้นจากพลังวิญญาณของท่านจ้าววิญญาณเพียงผู้เดียว ดังนั้นเราสามารถค้นหาพลังวิญญาณเพื่อฝึกฝนได้ทุกที่ในโลกวิญญาณ แค่ต้องขัดเกลาวิญญาณของตนก็สามารถทำให้วิญญาณเรามั่นคงได้” น่าหลานเยว่กล่าวอย่างจริงจัง
“เจ้าน่าจะมีที่พักของตัวเองและได้เห็นไฟวิญญาณแล้ว ไฟวิญญาณคือสิ่งที่ท่านจ้าววิญญาณเตรียมไว้ช่วยพวกเราทำวิญญาณของเราให้มั่นคง ซึ่งจะช่วยให้เราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาระดับการฝึกฝนให้สูงขึ้น สถานที่ที่มีไฟวิญญาณเข้มข้นที่สุดคือป่าโยวเมิ่ง ถ้าเจ้าไปที่นั่นก็จะสามารถฝึกฝนได้ดีขึ้น”
น่าหลานเยว่พูดอย่างจริงจัง จวินอู๋เสียก็ฟังอย่างตั้งใจ สำหรับจวินอู๋เสีย ข้อมูลทั้งหมดนี้ดูเป็นข้อมูลพื้นฐานอย่างมาก แต่กระนั้นนางก็ยังต้องการมันอย่างที่สุด น่าหลานเยว่เป็นวิญญาณมนุษย์ ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นส่วนที่จวินอู๋เสียต้องการอย่างมาก
ภายในร้านอาหารที่พลุกพล่านเป็นพิเศษ จวินอู๋เสียกับน่าหลานเยว่ก็หมกมุ่นจดจ่อกันมาก แม้แต่ตอนที่อาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะ ก็ไม่ได้ขัดจังหวะการสนทนาระหว่างคนทั้งสองเลย บัวน้อยมองเจ้านายของตนคุยกับน่าหลานเยว่อย่างตั้งใจอยู่เงียบๆ ในฐานะที่เป็นวิญญาณพืช วิธีการฝึกฝนของพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ หลังจากฟังอยู่พักหนึ่งเขาก็พบว่าตนไม่เข้าใจอะไรเลย จึงก้มหน้าก้มตากินอาหารที่สั่งมา
หุนหุนโหลวเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดไม่กี่แห่ง มีลูกค้าเข้าออกมากมายนับไม่ถ้วน ขณะที่จวินอู๋เสียกับน่าหลานเยว่กำลังคุยกันอย่างออกรส วิญญาณมนุษย์กลุ่มหนึ่งก็เดินวางมาดขึ้นมาที่ชั้นสามของหุนหุนโหลว
“อาจารย์อาน่าหลาน วิธีการฝึกของท่านมันโบราณแล้ว ยังจะเอามาสอนคนอยู่อีก ไม่คิดว่ามันไม่เหมาะสมไปหน่อยหรือ?” จู่ๆก็มีเสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากด้านข้าง
น่าหลานเยว่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
จวินอู๋เสียหันไปทางต้นเสียงและเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น คนพวกนั้นเป็นวิญญาณมนุษย์ ดูจากรูปลักษณ์ก็ไม่ได้แก่อะไรนัก ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบปี
หัวหน้ากลุ่มยิ้มมุมปากมองน่าหลานเยว่อย่างดูถูก แววตาแฝงเจตนาร้าย
ชายคนนั้นไม่สนใจเลยว่าน่าหลานเยว่จะเห็นความเป็นปรปักษ์ของเขา เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆอย่างไม่เกรงใจ แล้วเลิกคิ้วมองน่าหลานเยว่ที่จ้องเขาอย่างไม่พอใจมาก ก่อนจะหันไปกวาดตามองจวินอู๋เสียและบัวน้อย เมื่อเห็นว่าร่างกายของจวินอู๋เสียยังอยู่สภาพโปร่งใส เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“แม่นางน้อยท่านนี้เพิ่งมาที่โลกวิญญาณงั้นหรือ? ข้าเห็นว่าเจ้าดูอายุยังน้อย ต้องระวังอย่าให้ใครมาชี้นำผิดๆ ถ้าเจ้าถูกนำไปผิดทางมันก็คงไม่ดีเท่าไร” ใบหน้าของจวินอู๋เสียงดงามอย่างไม่มีใครเสมอเหมือน ชายคนนั้นมองด้วยสายตาเป็นประกาย ไม่สนใจน่าหลานเยว่ที่ใบหน้ามืดมนขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าเจ้าอยากเรียนวิธีขัดเกลาวิญญาณ ข้าสอนให้เจ้าได้ แล้วเจ้าจะได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน” พร้อมกับพูด ชายคนนั้นก็เหลือบมองไปที่น่าหลานเยว่ด้วยแววตาไม่พอใจ
“อย่างน้อยมันก็ได้ผลดีกว่าวิธีการของอาจารย์อาน่าหลาน ในโลกวิญญาณทุกวันนี้ ยังมีใครใช้วิธีโบราณแบบนั้นขัดเกลาวิญญาณกันบ้าง? ท่านอาจารย์ของเราได้ไปอ้อนวอนต่อท่านจ้าววิญญาณเพื่อสร้างหอคอยโยวหลิงโดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้วิญญาณมนุษย์แข็งแกร่งขึ้น มีเพียงอาจารย์อาน่าหลานที่ยังดื้อรั้น ผ่านมาหลายปีก็ยังยืนกรานจะละทิ้งสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างหอคอยโยวหลิงและเลือกฝึกฝนด้วยวิธีโบราณต่อไป เขาก็แค่ซากดึกดำบรรพ์ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” ชายคนนั้นพูดดูหมิ่นอย่างเปิดเผย ไม่มีท่าทีเคารพน่าหลานเยว่เลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ 1977 ยั่วยุ (2)
“หอคอยโยวหลิง?” จวินอู๋เสียหรี่ตา ท่าทางของชายตรงหน้าทำให้นางไม่ชอบเขาอย่างแรง แม้ว่าเขาจะเรียกน่าหลานเยว่ว่าอาจารย์อา แต่เขาก็ไม่แสดงความเคารพต่อน่าหลานเยว่เลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ออกจากปากก็ตั้งใจเย้ยหยันถากถางราวกับต้องการทำให้น่าหลานเยว่อับอาย
ชายคนนั้นไม่ได้รับรู้ถึงความไม่ชอบใจที่จวินอู๋เสียมีต่อเขาเลย กลับคิดว่าคำพูดของตนดึงความสนใจของสาวงามได้สำเร็จ เขากล่าวอย่างได้ใจทันทีว่า “แม่นาง เจ้าเพิ่งมาที่โลกวิญญาณคงยังไม่รู้เรื่องนี้ หอคอยโยวหลิงเป็นสถานที่ที่อาจารย์ของข้าขอให้ท่านจ้าววิญญาณสร้างขึ้นเมื่อร้อยปีก่อน เป็นสถานที่ฝึกที่ดีที่สุดสำหรับวิญญาณมนุษย์เท่านั้น พลังวิญญาณของวิญญาณมนุษย์นั้นค่อนข้างอ่อนแอกว่าวิญญาณอื่นๆ ก่อนที่หอคอยโยวหลิงจะถูกสร้างขึ้น สถานะของวิญญาณมนุษย์ในโลกวิญญาณต่ำต้อยมาก วิญญาณมนุษย์ที่อ่อนแอมักถูกข่มเหงจากวิญญาณอาวุธและวิญญาณอื่นๆ ทำให้พวกเราเดือดร้อนกันมาก อาจารย์ของข้าทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนวิญญาณมนุษย์ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เขาจึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโน้มน้าวให้ท่านจ้าววิญญาณสร้างหอคอยโยงหลิงขึ้นมา”
“ตั้งแต่มีการสร้างหอคอยโยวหลิง ความเร็วในการฝึกของวิญญาณมนุษย์เราก็เพิ่มขึ้นมาก ทำให้สถานะของพวกเราในโลกวิญญาณดีขึ้นมากด้วย” ขณะที่พูด ชายคนนั้นก็หันไปมองวิญญาณสัตวอสูรหลายตนที่กำลังกินอาหารอยู่ที่ชั้นสาม เขาเบะปากอย่างดูถูกและพูดว่า “เจ้ารู้ไหมว่าวิญญาณอื่นหยิ่งยโสขนาดไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าวิญญาณมนุษย์? แต่ตอนนี้เมื่อพวกมันเห็นเรา ก็ทำได้แค่หุบปากอย่างเชื่อฟัง”
ชายคนนั้นพูดเสียงดังมาก เมื่อวิญญาณเผ่าอื่นได้ยินคำพูดของเขา พวกเขาก็หันหน้ามามองด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร
“เมิ่งอีเหลียง เจ้าพูดจบรึยัง?” น่าหลานเยว่เอ่ยปากอย่างทนไม่ไหว พร้อมกับขมวดคิ้วมองเมิ่งอีเหลียงที่ปากไม่มีหูรูด
“หอคอยโยวหลิงจะดีหรือไม่ ไม่ต้องให้เจ้ามาบอก ทุกคนเลือกเองได้ ใช่ว่าวิญญาณทุกดวงจะกระหายความสำเร็จมากขนาดต้องไปที่หอคอยโยวหลิง”
เมิ่งอีเหลียงหัวเราะและมองน่าหลานเยว่ก่อนจะตอบว่า “อาจารย์อาน่าหลาน โลกนี้มีใครบ้างที่ไม่ปรารถนาพลังอันแข็งแกร่ง? อย่าบอกข้าว่าท่านไม่อยากให้วิญญาณมนุษย์แข็งแกร่งมากขึ้น? ดูเหมือนท่านอาจารย์จะพูดถูก แม้ว่าพวกท่านสองคนจะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน แต่นิสัยแตกต่างกันมากราวสวรรค์กับพื้นโลก ท่านอาจารย์ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของวิญญาณมนุษย์ แต่ท่านกลับดื้อรั้นเลือกที่จะเป็นคนธรรมดา ไม่กลัวว่าตัวเองจะทำให้ชื่อของอาจารย์ปู่ตกต่ำบ้างหรือไง?”
สีหน้าของน่าหลานเยว่ยิ่งน่าเกลียดขึ้นทุกที แต่เมิ่งอีเหลียงก็ไม่สนไม่เกรงกลัวอะไรเลย พวกคนที่มากับเมิ่งอีเหลียงเห็นน่าหลานเยว่โดนเมิ่งอีเหลียงพูดใส่จนพูดไม่ออก ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“พวกเจ้าหนวกหูจะตายแล้ว! ถ้ายังพูดกับท่านอาน่าหลานแบบนี้อยู่ล่ะก็ เชื่อไหมล่ะว่าข้าจะหักขาพวกเจ้า!” บัวน้อยที่ก้มหน้าก้มตากินไม่สามารถทนต่อการดูถูกที่เมิ่งอีเหลียงทำต่อน่าหลานเยว่ได้อีกต่อไป เขาลุกพรวดขึ้น มือคว้าไหเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับถลึงตาจ้อง
เมิ่งอีเหลียงตวัดสายตามามองบัวน้อย แล้วทำหน้าเยาะเย้ยขบขันทันที
“เจ้าเนี่ยนะ? จะหักขาพวกข้า? ตลกเป็นบ้าเลยว่ะ!”
เจ้าเด็กเหลือขอที่สูงไม่ถึงเอวเขากำลังข่มขู่เขาเนี่ยนะ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่เคยได้ยินมาเลย
“ไอ้หนู เจ้ามาจากไหน? รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ถึงได้กล้าพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้”
“ข้าคือบัวหิมะจักรพรรดิ” บัวน้อยบอก
“บัวหิมะจักรพรรดิ?” เมิ่งอีเหลียงหรี่ตา นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“ก็แค่วิญญาณพื……”
เมิ่งอีเหลียงยังพูดไม่จบประโยค ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ดึงแขนเสื้อของเมิ่งอีเหลียงอย่างกังวล
ตอนที่ 1978 ยั่วยุ (3)
“อะไร?” เมิ่งอีเหลียงตะคอกอย่างหงุดหงิด
ชายคนนั้นเหลือบมองบัวน้อยอย่างกังวล แล้วกระซิบกับเมิ่งอีเหลียงว่า “บัวหิมะจักรพรรดิเป็นวิญญาณพืช”
“ข้ารู้แล้ว เป็นวิญญาณพืชแล้วยังไง?” เมิ่งอีเหลียงพูดอย่างดูถูก “ก็แค่เด็กน้อยตัวเล็กๆ จะทำอะไรข้าได้?”
ชายคนนั้นรีบพูดว่า “เขาทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก แต่บัวหิมะจักรพรรดิกับบัวเมาเป็นร่างเดียวกัน พอดื่มเหล้า เขาจะกลายเป็นบัวเมา บัวเมาคือหนึ่งในนักสู้ที่เก่งกาจของพวกวิญญาณพืช พลังของเขา……” ชายคนนั้นแอบทำไม้ทำมือเป็นสัญญาณ
สีหน้าของเมิ่งอีเหลียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“การที่พวกวิญญาณมนุษย์มีขยะอย่างพวกเจ้าอยู่นี่ช่างทำให้คนทั้งเผ่าพันธุ์อับอายจริงๆ นอกจากการเอาชื่ออาจารย์มาพูดถึงทุกๆประโยคแล้ว พวกเจ้ามีความสามารถอะไรบ้าง?” แม้แต่อิงซู่ก็ทนนั่งอยู่เงียบๆไม่ได้ เขาไม่ได้สนิทกับน่าหลานเยว่ แต่เขาเกลียดพวกที่พูดพล่ามไม่หยุดตอนที่เขากำลังกินอาหาร มันหนวกหูน่ารำคาญเหมือนแมลงวัน
“แล้วเจ้าเป็นใครอีกเนี่ย!” เมิ่งอีเหลียงหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยินคำพูดของอิงซู่
“ข้าคืออิงซู่ อะไร? อยากโดนอัดหรือ?” อิงซู่เงยหน้าขึ้น สีหน้าบ่งบอกว่า “ไม่พอใจก็เข้ามาเลย”
เมื่อได้ยินชื่อของอิงซู่ เมิ่งอีเหลียงก็กลืนความโกรธที่พุ่งขึ้นมากลับลงไปทันที
เขาไม่เคยได้ยินชื่อบัวหิมะจักรพรรดิมาก่อน แต่เขารู้จักชื่อเสียงของอิงซู่มานานแล้ว หนึ่งในสามหัวหน้าของพวกวิญญาณพืช พลังของอิงซู่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะยืนหยัดต่อสู้ได้
“พวกไม่เอาไหน ทำเป็นกร่างแต่ขี้ขลาดตาขาว” อิงซู่เย้ยหยัน
สีหน้าของเมิ่งอีเหลียงยิ่งดูน่าเกลียด แต่เมื่อเห็นท่าทางของอิงซู่และบัวน้อย ไม่ว่าเขาจะอารมณ์เสียแค่ไหน ก็ไม่กล้าทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ มิฉะนั้นถึงจะมีคนที่เขาพามาด้วย ก็เกรงจะไม่พอมือของบัวเมากับอิงซู่
“วันนี้เจ้าชนะ!” เมิ่งอีเหลียงกัดฟัน มองไปที่น่าหลานเยว่แล้วพูดต่อว่า “อาจารย์อาน่าหลาน ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมท่านไม่ชอบหอคอยโยวหลิงถึงขนาดนั้น ดูเหมือนท่านกลายเป็นพันธมิตรของพวกวิญญาณพืชแล้ว ทำไม? วิญญาณมนุษย์แข็งแกร่งแล้ว สถานะของเพื่อนวิญญาณพืชของท่านในโลกวิญญาณจะถูกคุกคาม ท่านก็เลยไม่ชอบมันซินะ ท่านทำแบบนี้ วันหน้าเหล่าวิญญาณมนุษย์จะยอมรับท่านเป็นหนึ่งในพวกเราได้อย่างไร?”
“ยังไม่ไปอีก? ให้ข้าส่งพวกเจ้าออกไปไหม?” สายตาของอิงซู่เปลี่ยนเป็นเย็นชา
เมิ่งอีเหลียงไม่กล้าพูดอะไรอีก แค่พาคนของตนหนีหางจุกตูดออกไปจากหุนหุนโหลว
“คนกลุ่มนี้น่ารังเกียจจริง” บัวน้อยมองตามหลังพวกเมิ่งอีเหลียงออกไปแล้วพูดด้วยความโกรธ
น่าหลานเยว่ยิ้มเฝื่อนและมองบัวน้อยกับอิงซู่อย่างขอโทษ “วันนี้ข้าทำให้พวกเจ้าลำบากแล้ว”
“ไม่ลำบากเลย พวกนั้นสมควรโดนสั่งสอนแล้ว” เมื่อเห็นพวกน่ารำคาญออกไปแล้ว บัวน้อยก็ปล่อยมือจากไหเหล้าแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ
จวินอู๋เสียที่เงียบอยู่ตลอดมีท่าทางครุ่นคิด นางสังเกตเห็นว่าตอนที่เมิ่งอีเหลียงคุยโวเกี่ยวกับหอคอยโยวหลิงและวิญญาณมนุษย์ สายตาของวิญญาณเผ่าอื่นที่หันมามองพวกเขาไม่เป็นมิตรเอาซะเลย นางรู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอาวุธ วิญญาณสัตว์อสูร หรือวิญญาณพืช ทั้งหมดดูไม่เป็นมิตรกับวิญญาณมนุษย์ เหมือนกับสัตว์อสูรตัวมหึมาที่พาพวกเขาเข้าไปในป่าตอนนั้น มันเย็นชาและเฉยเมยกับพวกเขาทุกคน
“น่าอายจริงๆที่ให้เจ้าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ อาจารย์ของพวกเขากับข้ามีความขัดแย้งกันบางอย่าง ทำให้เรื่องเช่นนี้ขึ้น ขอโทษด้วย” น่าหลานเยว่มองจวินอู๋เสียอย่างขอโทษขอโพย เขาตั้งใจจะคุยเรื่องการฝึกฝนกับจวินอู๋เสียอีกสักหน่อย แต่เมิ่งอีเหลียงกับคนของเขาก็มาทำให้เสียอารมณ์หมด
“ไม่เป็นไร ว่าแต่หอคอยโยวหลิงที่พวกเขาพูดถึงคืออะไร?”