กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1022

กู้ชูหน่วนรีบสั่งให้คนกลับวังไปค้นหา

“กราบทูลฝ่าบาท…. ค้นหาทั่วทั้งท้องพระคลังแล้วก็ไม่มีกล่องที่ว่านั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ค้นหาทั่ววังหลังแล้วก็ไม่พบเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ค้นหาทั่วทุกตำหนักก็ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท ค้นหาทั่วทั้งวังหลวงแล้วก็ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเสียงกราบทูลของขันที คนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างแสดงสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้แต่เหวินเส่าอี๋เองก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความโกรธ “ท่านอ๋องเสวี่ยล่ะ? เขารู้หรือไม่ว่ากล่องนั้นอยู่ที่ใด?”

“กราบทูลฝ่าบาท ได้สอบถามไปหลายครั้งแล้ว แต่ท่านอ๋องเสวี่ยก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกล่องนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ รวมถึงนางกำนัลทั้งหลายที่คอยปรนนิบัติอดีตจักรพรรดินีต่างก็ไม่เคยได้ยินเรื่องกล่องนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีแอบหันไปมองทางฝั่งเผ่าเพลิงฟ้า

หรือพวกเขาเข้าใจผิดเอง หากมีกล่องนั้นจริง เหตุใดถึงหาไม่พบ?

ในวังหลวงก็เหลือเพียงขุดดินขึ้นมาเพื่อค้นหาแล้ว

ผู้อาวุโสฉีตบโต๊ะด้วยความโกรธ

“หากไม่มอบกล่องนั้นออกมา เผ่าเพลิงฟ้าของเราจะสร้างความขัดแย้งกับพวกท่าน”

กู้ชูหน่วนมองไปยังผู้อาวุโสฉีและแสดงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์เพื่อหวังกดดัน กดทับจนพวกเขารู้สึกไม่สบายตัวและถึงขั้นเกิดความรู้สึกไม่กล้าตอบโต้ขึ้นมาในใจ

“สร้างความขัดแย้งอย่างไรหรือ? ยกทัพมาก่อกบฏหรือ? เจ้าคิดว่ารัฐปิงเป็นของเล่นอย่างนั้นหรือ?”

“ก็แค่รัฐปิง เจ้าคิดว่าตัวเองนั่งในตำแหน่งจักรพรรดินีอย่างมั่นคงแล้วอย่างนั้นหรือ?”

เหวินเส่าอี๋นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ลำพังโดยไม่คิดห้าม ราวกับเขาไม่ได้ยินที่พวกเขากำลังพูดกัน

รองหัวหน้าเผ่ากล่าว “หุบปาก จะเสียมารยาทเช่นนี้ไม่ได้”

“รองหัวหน้าเผ่า พวกนางมีแผนการเพื่อทำลายหัวหน้าเผ่าของเรา แม้แต่สินสอดก็ไม่นำมาให้เรา เช่นนี้ไม่เรียกว่ารังแกเราเกินไปหน่อยหรือ? ข้ายอมไม่ได้หรอก”

กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชาและกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็ไปหยุดตรงที่ผู้อาวุโสฉี

“รัฐปิงได้ประสบพบเจอกับความยากลำบากอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะพบเจอปัญหาทำให้สะดุด แต่สภาพความเป็นอยู่ของเขาก็ยังดีกว่าใครอีกหลายคน ข้าคิดว่าจัดการกับเผ่าเพลิงฟ้าเผ่าเดียวคงไม่ยากเท่าไรนัก แม้ว่าจะไม่ชนะ แต่หากตายลงทั้งหมดก็ไม่แย่อะไร”

“เจ้า….”

ผู้อาวุโสฉียังคิดจะพูดอะไร ทว่ากลับถูกรองหัวหน้าเผ่าห้ามปรามไว้

รองหัวหน้าเผ่ากล่าว “ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว ผู้อาวุโสฉีแค่เป็นห่วงพระสวามี เป็นห่วงกล่องใบนั้น”

“รองหัวหน้าก็รู้ว่าเขาไม่เพียงเป็นหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า เขายังเป็นพระสวามีของรัฐปิง เช่นนั้นก็ควรรู้ดีว่าพระสวามีเป็นคนของข้า เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

“ส่วนเรื่องกล่องใบนั้น ข้าจะพยายามช่วยพวกเจ้าตามหา แต่หากหาไม่เจอข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตอนแรกก็ไม่ใช่เป็นข้าที่ฝืนพยายามที่จะแต่งงานเกี่ยวดองกับพวกเจ้า”

เมื่อพูดจบ คนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างก็โมโหขึ้นมา

มีเพียงรองหัวหน้าเผ่าที่ยังดูสงบและใจเย็นอยู่

ไม่เพียงแค่คนของเผ่าเพลิงฟ้าที่โกรธโมโห เหวินเส่าอี๋เองก็วางตะเกียบลงที่โต๊ะเสียงดัง

ทุกคนคิดว่าเหวินเส่าอี๋จะระเบิดความโมโหออกมา

ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะพูดออกมาเพียง “ได้เวลากลับวังแล้ว”

“หัวหน้าเผ่า….”

“จัดขบวนกลับวังหลวง”

ผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆ คิดจะห้ามปราม ทว่าเหวินเส่าอี๋มองไปอย่างเยือกเย็น ทำให้พวกเขาตกใจจนไม่กล้าพูดออกมา

แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะพูดไปเพียงสองประโยคเท่านั้น ทว่ารัศมีความน่าเกรงขามของเขานั้นชัดเจน ทำให้ทุกคนไม่กล้าลงมือทำอะไร

เป็นการกลับเผ่ามาอย่างไม่มีความสุข

คนของเผ่าเพลิงฟ้ายืนมองดูกู้ชูหน่วนจูงมือเหวินเส่าอี๋เดินออกไป และหายลับตาไปจากหน้าประตูตระกูลเหวิน

ผู้อาวุโสจำนวนมากต่างมองไปยังรองหัวหน้าเผ่าอย่างไม่สบอารมณ์

“รองหัวหน้าเผ่า เราจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?”

“ผู้อาวุโสฉี วันนี้เจ้าทำเกินไปมาก พวกเจ้าด้วยเช่นกัน อารมณ์ฉุนเฉียวเช่นนี้เหมาะสมจะเป็นผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ?”

“เพราะนางรังแกเราก่อน หากนางไม่มอบกล่องใบนั้นออกมา เช่นนั้นก็เท่ากับเราเสียทั้งคนและกองกำลังเลยน่ะสิ”

รถม้ามุ่งตรงไปยังวังหลวง คนสองคนในรถม้าต่างเงียบกริบและบรรยากาศก็เงียบมาก

นอกรถม้า บรรดาคนรับใช้ต่างไม่กล้าส่งเสียง เพราะกลัวจะเกิดภัยพิบัติ

กู้ชูหน่วนจิบน้ำชาและกล่าวออกมา “หากเจ้าคิดจะหย่าร้างก็ยังทัน ข้าสามารถทำตามความต้องการของเจ้าได้ตลอดเวลา ส่วนกล่องและการรักษาดวงตาของเจ้า รวมถึงการตามหาดวงวิญญาณ ข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ”

เหวินเส่าอี๋ใช้สองมือหมุนถ้วยน้ำชาและดวงตาอันอบอุ่นของเขามองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่สนใจทิวทัศน์

เวลาผ่านไปเขาจึงกล่าวขึ้นมา “ไม่ต้อง”

ไม่ต้อง?

หมายความว่าไม่ต้องการหย่าร้าง?

“เจ้าแต่งงานกับข้าเพียงเพราะกล่องใบนั้นใช่หรือไม่ ตอนนี้กล่องใบนั้นได้หายไป ข้าสัญญากับเจ้าว่าข้าจะพยายามตามหาให้เจอ เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนทนกับการแต่งงานในครั้งนี้”

“ก็แค่สถานะตัวตนเท่านั้น ไม่เห็นจะต่างอะไรกับการแต่งงานเลย”

เหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะเข้าใจเขาและเหมือนจะไม่เข้าใจ

“เจ้าเชื่อว่าข้าไม่ได้แอบซ่อนกล่องใบนั้น?”

“เชื่อ”

ฉะนั้นเจ้าเลยไม่สงสัยเรื่องนี้

ส่วนเรื่องการแต่งงาน….

ความรักเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอย่างมาก

ในชีวิตนี้ เขาไม่มีวันแต่งงานกับใครทั้งนั้น

แต่งงานเพียงในนามกับนามก็ดีแล้ว

อย่างน้อยนางก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร

บรรดาผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าจะได้ไม่เร่งรัดให้เขาแต่งงาน อีกทั้งยังไม้ทำตามสัญญาที่มีให้กับอดีตหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าอีกด้วย

รถม้ายังคงเดินหน้าต่อไป

ทั้งสองไม่พูดจากันอีก

จนกระทั่งผ่านหมู่บ้านที่ทรุดโทรม สตรีสวมชุดเปรอะเปื้อนและสวมผ้าปิดหน้าจำนวนหนึ่ง อุ้มลูกคุกเข่าต่อหน้ารถม้าและโขกศีรษะลงกับพื้น

“ใต้เท้า ขอร้องล่ะให้ข้าวให้น้ำเราด้วยเถอะ ลูกของข้าหิวจนจะตายอยู่แล้ว หากไม่มีอะไรกิน เขาจะต้องตายแน่ๆ ขอร้องล่ะ ได้โปรด ให้ข้าเป็นวัวเป็นควายก็ยอม”

“ใต้เท้า ได้โปรดให้ของกินกับข้าด้วยเถอะ ครอบครัวของข้าแทบอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว”

เพราะการเดินทางอย่างเรียบง่าย รถม้าก็เป็นเพียงรถม้าของตระกูลมีเงินเท่านั้น ไม่ใช่รถม้าที่อลังการของวังหลวง ทำให้พวกคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน

กู้ชูหน่วนตะโกนหยุดรถม้า

สิ่งที่เห็นคือบรรดาผู้หญิงขอทานที่กำลังร้องขออย่างน่าเวทนา

ไกลออกไปก็มีผู้อพยพลี้ภัยจำนวนมากต่างวิ่งกรูกันเข้ามา

เสียงของนางแผ่วเบาเล็กน้อย “ขอโทษด้วยนะ เสบียงอาหารน้อยนิดที่มีได้แบ่งให้หมู่บ้านก่อนหน้านี้ไปแล้ว ข้าจะรายงานสภาพของพวกเจ้าเพื่อให้คนมาจัดการ อ้อมพวกเขาไป แล้วเดินทางต่อได้”

ทหารองครักษ์ต่างกีดกันชาวบ้านที่มาขออาหาร และคนอื่นๆ ก็คอยคุ้มกันรถม้าของกู้ชูหน่วนเพื่อให้เดินทางต่อไปได้

สิ่งที่ได้ยินคือน้ำเสียงที่หมดหวังของพวกเขา

กู้ชูหน่วนหลับตาลงอย่างเจ็บปวด

นางรู้สึกมีกำลังไม่มากพอที่จะช่วยเหลือคนเหล่านี้

แม้จะอยากช่วยมากเพียงใด ทว่าทั้งรัฐมีผู้ประสบทุกข์จำนวนมากขนาดนั้น นางจะช่วยได้อย่างไร

เหวินเส่าอี๋เป็นคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น ทว่าหูของเขานั้นได้ยินดี

ตลอดทางที่ผ่านมามีหมู่บ้านไม่น้อยและได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนาจำนวนมาก แต่ละเสียงช่างรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ แม้จะมีจิตใจเข้มแข็งเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานได้

“ห้าล้านตำลึง เผ่าเพลิงฟ้ามีเรื่องให้ทำอีกมากมาย ข้าให้ได้เพียงห้าล้านตำลึงเท่านั้น”

กู้ชูหน่วนแววตาเปล่งประกาย

“เจ้าต้องการช่วยเหลือข้า?”

“ทางกลับวังหลวงมีหลายทาง ทว่าเจ้ากลับเลือกเดินทางที่เปล่าเปลี่ยว แถมยังต้องผ่านชาวบ้านที่ประสบภัยเหล่านี้ เจ้าไม่ได้ต้องการให้ข้าบริจาคเงินหรอกหรือ?”

แม้เขาจะรู้ทางกู้ชูหน่วน แต่นางก็ยื่นมือรับอย่างไม่ละอายใจ

“ทองคำห้าล้านตำลึง?”

มุมปากของเหวินเส่าอี๋กระตุก

“เงิน”

มีกี่คนในโลกที่สามารถเอาเงินห้าล้านตำลึงออกมาได้อย่างง่ายดาย?

รัฐปิงประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นปีแล้วปีเล่า และเผ่าเพลิงฟ้าได้ให้เงินบริจาคแก่คนยากจนเหล่านั้นอย่างลับๆ มาเป็นเวลานานแล้ว และจำนวนเงินที่ลงทุนไปนั้นก็ไม่สามารถคำนวณได้

จะนำเงินตำลึงออกมามากกว่านี้ได้อย่างไร