กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1021

กู้ชูหน่วนมองไปยังเยี่ยจิ่งหานที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง จากนั้นมองไปที่ซือม่อเฟยที่กำลังยิ้มอย่างโง่เขลา และในที่สุดก็หันไปมองที่เหวินเส่าอี๋

กู้ชูหน่วนผละจากมือของซือม่อเฟยเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เขามากเกินไป และเกรงว่าทุกคนจะคิดมากเกินไป

นางพูดกับเยี่ยจิ่งหาน “เงินตำลึงยังให้มาไม่ครบ ข้าพาเจ้าไปด้วยไม่ได้หรอก”

“ข้าไม่ไปก็ได้ แต่สัญญากับข้าหนึ่งเรื่อง”

กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน

เจ้าหมอนี่เวลามีเรื่องขอร้องนางก็พูดออกมาตรงๆ อย่าพูดอ้อมค้อมอะไร

“พูดมาเลย เรื่องอะไร ขอเพียงไม่ใช่เรื่องเงิน”

“หยดเลือดออกมาอีกหนึ่งถ้วย”

“…..”

นางเพิ่งจะปล่อยเลือดถ้วยใหญ่ออกมาและตอนนี้ร่างกายก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติดี ให้นางปล่อยเลือดอีกถ้วย นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไหม?

กู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด “ได้ ข้าจะปล่อยเลือดออกมาอีกถ้วยหนึ่งก็ได้ แต่ต้องให้เวลาผ่านไปก่อน รอให้ข้าฟื้นตัวดีกว่านี้ก่อน”

หากไม่ตอบตกลง จากนิสัยของเยี่ยจิ่งหานละก็ ไม่รู้ว่าเขาจะถล่มทำลายวังหลังจนพังพินาศแค่ไหน

นางเคยสัญญากับเยี่ยจิ่งหานและเคยสัญญากับเซี่ยวอวี่เซวียนว่าจะช่วยพวกเขารวบรวมดวงวิญญาณทั้งเจ็ดให้ครบ การใช้เลือดถ้วยเดียวสามารถตามหาดวงวิญญาณเจอก็ถือว่าคุ้มค่ามาก

เยี่ยจิ่งหานเม้มริมฝีปากและเข็นรถเข็นของตัวเองจากไป

กู้ชูหน่วนผลักมือของซือม่อเฟยออกอีกครั้ง “เยี่ยจิ่งหานไม่ไป งั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่ที่วังหลังกับเจ้าเสือน้อยและคนอื่นจะดีกว่า”

“อาม่อจะไปกับพี่หญิง”

ซือม่อเฟยตื้อนางอีกครั้งและโน้มตัวไปซบนาง ไม่ว่านางจะผลักหรือดึงยังไงก็ไม่เป็นผล

“ครั้งนี้ข้าไปทำธุระที่เผ่าเพลิงฟ้า รอให้ข้าทำธุระเสร็จข้าจะกลับมาเล่นกับเจ้า หากเจ้ายังดื้อรั้นอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว”

“เช่นนั้นท่านสัญญากับข้าว่าครั้งหน้าท่านต้องพาข้าไปคนเดียวและไม่พาคนอื่นไปด้วย”

“ตกลง”

ไม่ง่ายเลยที่จะปลีกตัวออกจากเยี่ยจิ่งหานและซือม่อเฟย จากนั้นขุนนางกลับขัดขวางและกราบทูลรายงานต่างๆ นานา กล่าวว่าเสบียงอาหารถูกปล้น ทำให้ทุกพื้นที่ขาดแคลนเสบียงอาหาร

กู้ชูหน่วนโบกมือและกล่าว “เสบียงอาหารของราชสำนักไม่มีอีกแล้ว เวลาเร่งด่วนและกระชั้นชิดเช่นนี้จะไปหาเสบียงอาหารมาจากที่ไหนได้”

บรรดาขุนนางต่างงุนงง

เหวินเส่าอี๋ก็รู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน

นางเห็นเสบียงอาหารสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

ตอนนี้เสบียงอาหารหลายพื้นที่ต่างถูกปล้นสะดมไปจำนวนมาก ทว่านางกลับนิ่งเฉยเช่นนี้?

หรือคนที่ปล้นสะดมเสบียงอาหารไปจะเป็นคนที่นางรู้จัก?

เหวินเส่าอี๋ขยับนิ้ว จากนั้นก็มีคนออกไปตรวจสอบเรื่องเสบียงอาหารของทางการถูกปล้น

จากนั้นจักรพรรดินีก็นำพาพระสวามีกลับเผ่าเพลิงฟ้าด้วยขบวนที่เอิกเกริกและยิ่งใหญ่

ราษฎรในเมืองหลวงจำนวนมากต่างรุมล้อมเข้ามาดู

กู้ชูหน่วนมองไปยังถนนที่คุ้นเคยและอดไม่ได้ที่จะมองไปยังเหวินเส่าอี๋ที่นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน

“นี่ไม่ใช่ทางไปตระกูลเหวินใช่ไหม? ถ้าข้าเดาไม่ผิด เผ่าเพลิงฟ้าไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเหวินใช่หรือไม่”

เหวินเส่าอี๋กล่าว “เผ่าเพลิงฟ้าไกลเกินไป ไปตระกูลเหวินก็เหมือนกัน”

เจ้าหมอนี่

อะไรคือก็เหมือนกัน?

เขากำลังกีดกันนางอย่างนั้นหรือ

“ถึงตระกูลเหวินแล้ว….”

“กระหม่อมเหวินเฮ่า และตระกูลเหวินคารวะฝ่าบาท ฝ่าบาททรงอายุยืนนานหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”

กู้ชูหน่วนประคองเหวินเส่าอี๋ลงจากรถม้า

จากนั้นก็เดินตามเหวินเฮ่าและคนอื่นๆ เข้าไปยังตระกูลเหวิน

นางเคยมาที่ตระกูลเหวิน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาที่นี่อย่างเปิดเฟย

กู้ชูหน่วนดูออกว่าเหวินเฮ่าคือรองหัวหน้าเผ่า รวมถึงผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งของตระกูลเหวินล้วนต่างคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมาก

ในบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ มีคนที่เคยคิดจะฆ่านางเพื่อต้องการเอาดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของนางออกมา

ไม่รู้ว่าเพราะนางยื้อเวลานานเกินไปหรือเปล่า ทำไมผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไรนัก

ทว่าสายตาที่มองไปที่เหวินเส่าอี๋กลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

“หัวหน้าเผ่า ดวงตาของท่าน….”

“ไม่มีอะไร”

“หัวหน้าเผ่า เราได้เชิญหมอที่ดีที่สุดในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งมาและตอนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ประเดี๋ยวข้าน้อยจะให้พวกเขาดูอาการให้ท่านขอรับ”

จากนั้นกงกงก็กล่าวเตือน “ตอนนี้หัวหน้าเผ่าของพวกท่านได้เป็นพระสวามีแล้ว ต่อไปพวกท่านควรเรียกว่าพระสวามีหรือพระองค์ถึงจะถูก”

กู้ชูหน่วนไม่อยากทำให้บรรยากาศแย่ลงไปกว่านี้และพูดบอกมาตรงๆ “แม้ว่าเส่าอี๋จะเป็นพระสวามี แต่ก็ถือเป็นผู้นำของตระกูลเหวิน และหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า การที่พวกเขาจะเรียกเส่าอี่๋ว่าหัวหน้าเผ่าก็สมเหตุสมผลแล้ว ชื่อเป็นเพียงสิ่งแสดงสัญาลักษณ์เท่านั้น อย่าไปคิดมากอะไรเลย” แม้ะเป็นเช่นนั้น คนของตระกูลเหวินกลับไม่รู้สึกดีใจ

เพิ่งจะผ่านการแต่งงานไปไม่เท่าไร นางก็แต่งตั้งกุ้ยเหรินให้กลายเป็นพระสวามีรอง นี่ถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามพวกเขาอย่างมาก

รองหัวหน้าเผ่ากล่าว “ฝ่าบาท หัวหน้าเผ่าเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เราได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับเอาไว้พร้อมแล้ว เชิญนั่งได้…..”

อาหารและเหล้าที่ตระกูลเหวินจัดเตรียมนั้นอุดมสมบูรณ์อย่างมาก โดยมีอาหารทั้งหมดสิบแปดรายการด้วยกัน

หลังจากที่กู้ชูหน่วนได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี นางก็คอยประหยัดและอดอาหารอยู่เสมอ แม้แต่เนื้อสักชิ้นก็แทบไม่กล้ากิน ตอนนี้เมื่อเห็นอาหารจำนวนมากที่ละลานตาขนาดนี้ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของนางปรากฏขึ้น

“รองหัวหน้าเผ่าเกรงใจเกินไปแล้ว พวกท่านก็นั่งลงเถอะ”

กู้ชูหน่วนประคองเหวินเส่าอี๋ไปนั่งลงอย่างระมัดระวังและยังคีบอาหารให้เขาอีกด้วย

นางเองก็อยากกินมาก ท้องของนางก็ร้องจ๊อกๆ ไม่หยุดๆ ทว่าคนของตระกูลเหวินมากมายเช่นนี้ ทำให้นางต้องแสร้งสร้างภาพให้ดูดีเล็กน้อย

ไม่เช่นนั้นเป็นถึงจักรพรรดินี ทว่าแม้แต่เนื้อชิ้นเดียวก็ไม่มีกิน หากถูกเผยแพร่ออกไปผู้คนคงหัวเราะจนฟันหลุด

ตระกูลเหวินลงมือจัดการได้อย่างใจกว้างมาก ในเมื่อเดินทางมาแล้ว เช่นนั้นก็สมควรจะหาเงินกลับไปบ้าง

“เป็นเพียงอาหารธรรมดาๆ ฝ่าบาทอย่าได้รังเกียจเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความตั้งใจของพระสวามีและทุกคนในเผ่าเพลิงฟ้า ทุกคนเชิญตามสบายเลย เริ่มทานได้”

คนของเผ่าเพลิงฟ้าไม่มีใครขยับตะเกียบและนั่งอยู่เฉยๆ

พวกเขาไม่ขยับทำให้กู้ชูหน่วนก็ไม่กล้าลงมือ

ไม่รู้ว่าเพราะเหวินเส่าอี๋รับรู้ได้ว่านางหิวมากหรือว่ายังไง จากนั้นเขาก็ลงมือคีบเนื้อให้นางและยิ้มอย่างอ่อนโยน “กินกันเถอะ เย็นแล้วจะไม่อร่อย”

เมื่อพูดจบ เขาเองก็เริ่มลงมือทานทันที

แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น ทว่าท่าทางการกระทำของเขากลับไม่ต่างจากคนปกติ หากไม่รู้ว่าเขามองไม่เห็น เกรงว่าคงดูไม่ออกว่าเขาตาบอดอย่างแน่นอน

กู้ชูหน่วนหันไปยิ้มให้กับเหวินเส่าอี๋

นางคีบเนื้อเข้าไปในปากและพยายามครุ่นคิดว่าจะได้เงินจากเผ่าเพลิงฟ้าอย่างไรเพื่อนำไปช่วยผู้ประสบภัย จากนั้นก็ได้ยินรองหัวหน้าเผ่ากล่าว “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าสินสอดชิ้นสุดท้ายได้นำมาด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“นำมาสิ”

กู้ชูหน่วนสะดุ้งเล็กน้อยและคาดเดาไม่ออกว่ารองหัวหน้าเผ่าต้องการพูดอะไร

ทว่านางได้เตรียมของมามากมาย แม้จะไม่มีราคาเท่าไร แต่ก็จัดเตรียมด้วยความตั้งใจจริง

รองหัวหน้าเผ่าผายมือออกและสั่งให้คนไปตรวจสอบสินสอด

ไม่นานคนใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “หัวหน้าเผ่า รองหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสทุกท่าน ไม่มีของชิ้นนั้นในสินสอดที่นำมาด้วยขอรับ”

ควับ…..

สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนเกือบจะสำลักและรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ

“ฝ่าบาท สินสอดชิ้นสุดท้ายล่ะ ฝ่าบาทคิดจะผิดคำพูดอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“สินสอดชิ้นสุดท้าย? คืออะไร?”

ปัง…..

ผู้อาวุโสฉีทุบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด

“เผ่าเพลิงฟ้าแต่งงานกับท่านก็เพื่อสินสอดชิ้นสุดท้ายชิ้นนั้น ตอนนี้ท่านได้ครอบครองหัวหน้าเผ่าของเราแล้ว ทว่ากลับคิดปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?”

“เดี๋ยวก่อน ข้าหมดสติไปในช่วงงานอภิเษกสมรส ข้าตื่นขึ้นมาก็ไม่มีใครบอกว่าข้าต้องให้สินสอดชิ้นสุดท้ายกับพวกท่าน แม้แต่เหวินเส่าอี๋เองก็ไม่ได้บอกอะไร”

“เผ่าเพลิงฟ้าแต่งงานกับราชวงศ์รัฐปิงก็เพื่อสินสอดชิ้นสุดท้ายนี้ เรื่องนี้ต้องให้คนอื่นบอกด้วยหรือ? เป็นเรื่องที่สืบทอดกันตั้งแต่อดีตกาลนานมา”

“สิ่งสำคัญก็คือ ตอนที่ข้าขึ้นครองราชย์ อดีตจักรพรรดินีก็ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว”

คนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างมองหน้ากัน

เรื่องสำคัญเช่นนี้ นอกจากจักรพรรดินีแล้ว คงไม่มีใครรู้อีกกระมัง

นางจะรู้เรื่องอย่างละเอียดได้อย่างไร

หากไม่มอบสินสอดชิ้นสุดท้ายมาให้ เช่นนั้นหัวหน้าเผ่าของเราก็สละชีวิตของเขาอย่างเปล่าประโยชน์อย่างนั้นหรือ

“พวกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน บอกข้าก่อนว่าสิ่งนั้นคืออะไร ประเดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนนำมามอบให้”

รองหัวหน้าเผ่ากล่าว “เป็นอะไรกระหม่อมเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก รู้เพียงว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในกล่องสีแดง และกล่องถูกปิดผนึกด้วยยันต์สีเหลืองสลักอักษรรูน”