ตอนที่ 154 อีกโลกหนึ่ง / ตอนที่ 155 เข้าใจได้

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 154 อีกโลกหนึ่ง 

 

 

 

 

 

“ข้าไม่ไป ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” 

 

 

ซูซินเหลียนตะโกนพร้อมกับเกาะมุ้งไว้แน่น นางจะไม่ยอมไปเด็ดขาด ถังเฉียนแปลกใจ ครั้งนั้นคนที่ขอร้องนางว่าอยากไปก็เป็นซูซินเหลียนเอง เวลานี้คนที่ไม่ยอมไปอย่างหัวเด็ดตีนขาดก็เป็นนางอีก ใบหน้าจื่อเย่ว์ฉายแววรำคาญออกมา ร้องหึแล้วพูดว่า 

 

 

“เดิมนางเป็นคนที่ฝ่าพระบาทกับองค์กุ้ยเฟยประทานมาเพื่อให้ช่วยดูแลท่านอ๋อง เวลานี้นางเป็นบ้า ท่านอ๋องบอกว่าควรดูแลนางให้ดีเหมือนเดิม แต่นางกลับไร้วาสนา” 

 

 

ถังเฉียนนั่งลงข้างๆ นาง พูดปลอบว่า 

 

 

“ก็ได้ ก็ได้ ไม่ไปก็ไม่ไป แล้วเจ้าเรียกข้ามา จะให้ข้าช่วยสิ่งใดหรือ” 

 

 

ซูซินหลินเหลือบมองจื่อเย่ว์ด้วยความระแวง ถังเฉียนหันมา ขอให้จื่อเย่ว์ออกไปจากห้อง คราวนี้จื่อเย่วย้ำอีก บอกให้ถังเฉียนอย่าเชื่อที่ซูซินเหลียนพูดเด็ดขาด นางเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ ทุกวันพร่ำพูดเหมือนคนเสียสติ 

 

 

ซูซินเหลียนมองดูจื่อเย่ว์เดินออกไป สีหน้าดูลึกลับ แล้วบอกให้ถังเฉียนเขยิบเข้ามาใกล้ๆ จงใจทำท่าทางลับๆ ล่อบอกกับนางว่า 

 

 

“ข้าคิดว่าที่นี่มีเจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าใจข้าได้ ข้าไม่ใช่คนของพวกเจ้าที่นี่ ข้ามาจากอีกโลกหนึ่ง” 

 

 

เมื่อถังเฉียนได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความคิดแรกในใจก็คือนี่เป็นคำพูดของคนเสียสติ แต่นางเคยได้ยินฉู่จิ่งเหยาบอกว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาด ในเมื่อนางสามารถเฝ้ามองโลกของดอกไม้เล็กๆ ดอกหนึ่ง แล้วเหตุใดจึงจะมีอีกโลกหนึ่งไม่ได้ 

 

 

เมื่อถังเฉียนคิดเช่นนี้ก็รู้สึกว่าควรจะตั้งใจฟังต่อ ดูว่าคำพูดนางมีช่องโหว่หรือไม่ หากไม่มี บางทีนางอาจจะไม่บ้า แต่นางเป็นเพียงคนจากอีกโลกหนึ่งเท่านั้น 

 

 

“เจ้าเล่าให้ละเอียด ข้าจะพยายามเข้าใจที่เจ้าพูด” 

 

 

ซูซินเหลียนได้ยินว่าถังเฉียนไม่พูดทันทีว่านางเป็นบ้า ทำให้ขอบตานางแดงเรื่อทันที ราวกับซาบซึ้งมาก 

 

 

“มีเพียงเจ้าที่เชื่อข้า ข้าไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่มาจากโลกของข้า จู่ๆ ก็มาถึงโลกของพวกเจ้า ข้าไม่รู้ว่าซูซินเหลียนเป็นใคร ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ทำอะไรกัน ดูเหมือนข้าจะทะลุมิติมา” 

 

 

“ทะลุมิติ?” 

 

 

คำนี้ฟังดูแปลกใหม่ ถังเฉียนพยายามทำความเข้าใจ 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าชื่ออะไร มาจากไหน ที่บ้านยังมีใครอีก เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามาที่โลกของเราได้อย่างไร” 

 

 

ซูซินเหลียนบอกว่านางมาจากโลก ปี 2018 ชื่อซูซิน เป็นนักเรียนมัธยมปลาย คงเป็นเพราะแรงกดดันจาดการสอบเอนทรานซ์มากเกินไปจึงทะลุมิติมา ถังเฉียนฟังที่นางเล่ารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ความเข้าใจต่อโลกนี้ของนางได้ไปถึงขีดสุด  

 

 

ถังเฉียนถอนหายใจ แล้วหยิบพู่กันขึ้นมา ตั้งใจจดที่ซูซินเหลียนหรืออาจพูดว่าซูซินเล่าไว้ทั้งหมด นางไม่ได้ปฏิเสธทั้งหมด อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าคำพูดซูซินเหลียนมีช่องโหว่ หรืออย่างน้อยนางก็หาไม่เจอ 

 

 

หลังจากพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทพแล้ว ไข้ป่าที่ระบาดตามที่ต่างๆ ก็ได้รับการแก้ไข เผ่าหมอผีควบคุมน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้ ทำหน้าที่แบ่งสรรปันส่วน แต่ควบคุมอย่างเข้มงวดต่อเขตที่นิกายเทพมังกรควบคุมอยู่ ไม่ส่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ ถังเฉียนแปลกใจมาก แต่ความมีเมตตาของนางไม่อาจได้รับการสนับสนุนทุกครั้ง ถังเฉียนรู้ว่านี่เป็นวิธีหนึ่งของอาจารย์ 

 

 

เผ่าหมอผีดำรงอยู่ในเผ่าม้งมานับพันปี คนเผ่านี้ร่างกายไม่แข็งแรง จำนวนคนไม่มาก ชอบอาศัยเป็นกลุ่มเล็กๆ อย่างโดดเดี่ยว มีนิสัยโหดร้าย แปลกประหลาด แต่ชนเผ่าเช่นนี้กลับสามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ในเผ่าม้งมาอย่างยาวนาน และยังได้รับการเคารพเชิดชู แสดงว่าเผ่าหมอผีมีวิธีดำรงอยู่ในแบบของตนเอง 

 

 

หลังจากถังเฉียนพบซูซินเหลียนแล้ว นางได้เล่าที่ซูซินเหลียนพูดให้จื่อเย่ว์ฟัง อยากให้จื่อเย่ว์ปล่อยนาง แต่จื่อเย่ว์คิดว่านางเป็นบ้า ถังเฉียนมีฐานะเป็นแขก นางไม่สามารถตัดสินแทนเจ้าบ้านได้ นางจึงกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างซูซินเหลียนกับฉู่จิ่งเหยา แม้ว่าจื่อเย่ว์จะไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ถังเฉียนเชื่อว่าฉู่จิ่งเหยาน่าจะเข้าใจ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 155 เข้าใจได้ 

 

 

 

 

 

“เจ้าบอกว่านางมาจากอีกโลกหนึ่งอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าจะยอมรับคำพูดเช่นนี้ได้หรือ” 

 

 

ถังเฉียนฝึกยืนอยู่ในท่าม้าก้าว พร้อมกับเล่าให้ฉู่จิ่งเหยาฟังอย่างละเอียด ฉู่จิ่งเหยาฟังจบก็ถามด้วยความแปลกใจ  

 

 

“แน่นอนว่ายอมรับได้ ตรรกะของนางไม่มีปัญหา แม้จะไม่สามารถเข้าใจที่นางพูดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่คำพูดนางไหลลื่น นางพูดได้อย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้บ้า ในเมื่อนางไม่บ้า มีฐานะสูงถึงพระชายารอง เป็นคุณหนูที่เกิดในจวนมหาเสนาบดี จึงไม่มีความจำเป็นที่จะกุเรื่องเหล่านี้มาหลอกเรา ท่านอ๋องมีความเห็นอย่างไร” 

 

 

คำพูดถังเฉียนทำให้ฉู่จิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“ถ้าเป็นช่วงก่อนพิธีบวงสรวง ข้าคงไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลของนางกับเจ้า แต่เวลานี้ ข้ายอมเชื่อ เพราะข้าสัมผัสกับความอัศจรรย์ของการบวงสรวงด้วยตัวเอง จะไม่เชื่อก็ไม่ได้” 

 

 

ถังเฉียนซักไซ้ต่อ 

 

 

“ท่านอ๋องสัมผัสถึงสิ่งใด” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยายิ้ม เขาตบศีรษะนางเบาๆ แล้วพูดว่า 

 

 

“กลับไปเถอะ วันหลังข้าค่อยบอกเจ้า” 

 

 

ถังเฉียนไม่ได้รับคำตอบ กลับถูกฉู่จิ่งเหยาบอกให้กลับไป นางเพิ่งออกมาจากที่นี่ จื่อเย่ว์ก็พานางไปยังสถานที่เร้นลับแห่งหนึ่ง ฉู่จิ่งเหยารู้ว่าถังเฉียนต้องนั่งสมาธิ จึงสั่งให้คนสร้างหอแห่งหนึ่งในบริเวณตอนในสุดของสวนดอกไม้ ตั้งชื่อว่าหอฟังฝน สำหรับให้นางใช้ดูดรับไอทิพย์ 

 

 

ถังเฉียนเพิ่งผละไป เจิ้งจยาเฉิงก็มาถึง คราวนี้เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการตรวจสอบถังเฉียน แม้ความตายของผู้คุมจะมีข้อน่าสงสัยหลายเรื่อง แต่การทดสอบครั้งสุดท้ายนั้น ฉู่จิ่งเหยาก็ทำด้วยตนเอง 

 

 

ครั้งนั้นถังเฉียนเตรียมใช้มีดสั้นแทงอกตนเอง ทั้งเจิ้งจยาเฉิงและฉู่จิ่งเหยามองเห็นวินาทีนั้น แววตานางช่างบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ดังนั้นเจิงจยาเฉิงจึงไม่คิดเรื่องการจะตรวจสอบถังเฉียนอีก ที่มาวันนี้เขามีเรื่องอื่นที่สำคัญมาก 

 

 

มีข่าวจากเจาหยาง ในวังรู้เรื่องที่ซูซินเหลียนป่วยแล้ว กุ้ยเฟยร้องห่มร้องไห้ทูลกล่าวโทษเบื้องหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ทำให้ทรงรำคาญ บังเอิญมีหนังสือแจ้งจากเผ่าม้งว่าจวนจินซิวอ๋องจัดการกับการระบาดของไข้ป่าไม่ได้ผล ทำผิดพลาดโดยการปล่อยให้พวกหมอผีสังหารชาวบ้าน ฮ่องเต้ทรงกริ้ว จึงตำหนิฉู่จิ่งเหยา 

 

 

ราชโองการยังมาไม่ถึง แต่ข่าวแพร่สะพัดออกไปแล้ว 

 

 

“ท่านอ๋อง รากฐานของเราที่เจาหยางถูกถอนออกไปหลายต้นแล้ว กุ้ยเฟยอยากฉกฉวยโอกาสที่ตอนนี้ท่านตกที่นั่งลำบาก ขับท่านออกจากเจาหยางอย่างเด็ดขาด วันหน้าจะได้ไม่ขัดขวางพระนาง หากตอนนี้ท่านอ๋องไม่ตอบโต้ เกรงว่าเราคงจะฟื้นขึ้นใหม่ได้ยากแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาฟังที่เจิ้งจยาเฉิงพูด มือกำกระบี่ทะลุตะวันแน่น เขารู้สึกร้อนใจ แต่ไม่อาจให้คนอื่นล่วงรู้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่จิตใจผู้คนกำลังหวั่นไหว เขายิ่งต้องสุขุมยิ่งกว่าใคร 

 

 

“เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะแก้ไขอย่างไร ตอนที่ข้าอยู่ที่เจาหยางยังไม่อาจเลี่ยงเรื่องที่พระนางทำร้ายขุนนางตงฉิน เวลานี้อยู่ไกลสุดขอบฟ้า ก็ยิ่งคิดแต่ก็ทำไม่ได้ ช่างเถอะ” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงฟังแล้วรู้สึกกลัดกลุ้ม เขารู้ดีว่าขณะนี้ฉู่จิ่งเหยาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เขามีกำลังเพียงน้อยนิดในเผ่าม้ง แค่พอค้ำจุนได้อย่างยากเย็น แปดเผ่าที่นี่ ล้วนรับมือได้ยากทั้งสิ้น โดยเฉพาะเผ่าหมอผี ดูเหมือนมีเมตตา แต่แฝงไว้ด้วยความอำมหิต ป้องกันยากที่สุด 

 

 

“ท่านอ๋อง ที่ท่านให้ผู้น้อยไปสืบเรื่องถังหรงเจิน มีข่าวแล้วขอรับ ใกล้วันพระราชสมภพขององค์ไทเฮาแล้ว ฝ่าพระบาทน่าจะทรงพระราชทานอภัยโทษทั่วแผ่นดิน ถังหรงเจินคนนี้นับว่าดวงดี มีรายชื่ออยู่ในนักโทษที่ได้รับการลดหย่อน ยกเลิกการประหาร เปลี่ยนเป็นเนรเทศแทนขอรับ” 

 

 

พอฉู่จิ่งเหยาได้ยินเช่นนี้ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออก แล้วพูดว่า 

 

 

“คราวนี้หมอผีน้อยคงจะดีใจแล้ว นางช่วยชีวิตข้า ต้องรีบบอกให้นางรู้ ถือว่าเป็นการที่ข้าตอบแทนนางเถอะ” 

 

 

เจิ้งจยาเฉิงได้ฟังเช่นนี้ก็รับปาก แต่เพราะก่อนหน้านี้เขามีเรื่องบาดหมางกับถงถงเอ๋อร์และพวก ข่าวนี้จึงไปถึงแค่ประตูเรือนหานต้าน แต่กลับไปไม่ถึงหูถังเฉียน