บทที่ 1515 ร่างจริงถูกพบ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1515 ร่างจริงถูกพบ

แปลโดย iPAT

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!” เผชิญหน้ากับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนแสดงความตกใจออกมา

“นี่…นี่…”

“วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!”

“นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”

ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย สามผู้อมตะตระกูลฟางตกตะลึง

ตระกูลฟางพยายามค้นหามันมานานหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน

มันคือมรดกของตระกูลชิงที่พวกเขาปรารถนา

ดวงตาของสามผู้อมตะตระกูลฟางแทบหลุดออกมาจากเบ้า พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

“ทายาทแห่งเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตายซะเถอะ!” อสูรวิญญาณแรกกำเนิดคำรามอยู่ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเจตนาสังหารอันแรงกล้า

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้คือนายเหนือหัวของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ มันมีร่างกายใหญ่โตเหมือนภูเขา มีกระดองเต่า กรงเล็บพยัคฆ์ หางมังกร คออสรพิษ และศีรษะมนุษย์

ฟางหยวนตระหนักถึงความเกลียดชังและเจตนาสังหารที่ระเบิดออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้ควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ขณะเดียวกันมันก็ถูกผนึกเอาไว้โดยวังหลังนี้เช่นกัน

ไม่ว่ามันจะคำรามอย่างไร เสียงของมันก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปภายนอก

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปหาฟางหยวนจากด้านหน้าขณะที่สนมอินทรีย์พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง

ผีเฒ่าไป่จุนคำรามและออกคำสั่งอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว

แมงมุมเหินและอสรพิษมีปีกพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว และปีศาจอมตะระดับเจ็ดอีกสองคนโจมตีฟางหยวนพร้อมกัน

อันตรายมาก!

หัวใจของฟางหยวนเต้นแรง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่พลุ่งพล่านราวกับคลื่นยักษ์

เขาไม่ได้คาดหวังว่าในจังหวะที่เขาออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้

“ผู้อาวุโส ระวัง!”

“โอ้ ไม่!”

สามผู้อมตะตระกูลฟางกรีดร้อง สถานการณ์เลวร้าย พวกเขาเป็นห่วงฟางหยวนมาก

ศัตรูเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือฟางหยวน พวกเขาลอบโจมตีอย่างกะทันหัน สามผู้อมตะตระกูลฟางไม่สามารถช่วยฟางหยวนได้ทันเวลา ในจังหวะสำคัญฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงตนเองเท่านั้น

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาผู้อื่น

เขาเป็นคนระวังตัว เขาเตรียมร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาสามารถใช้งานเกราะหวนคืนได้ทันทีหากเขาต้องการ

‘แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถใช้มัน’

ฟางหยวนอยู่ในทะเลทรายผีเขียวพร้อมกับสามผู้อมตะตระกูลฟาง เขาไม่สามารถเปิดเผยเกราะหวนคืนได้โดยง่าย แต่หากเขาไม่ใช้มัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด เพียงอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว พวกมันก็สามารถกำจัดเขาได้อย่างง่ายดาย

ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ฟางหยวนไม่ตื่นตระหนก ตรงข้ามความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาพุ่งทะยานขึ้นภายในตัวเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คาดคิด

เสียงหัวเราะของฟางหยวนทำให้สามผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกถึงความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองของเขา

ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิด!

ร่างแยกที่เรืองแสงสีฟ้าจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบๆ

นี่เป็นท่าไม้ตายที่ฟางหยวนได้รับมาจากราชันภูเขาม่วง เดิมทีมันเป็นแสงสีม่วงแต่มันถูกดัดแปลงให้เป็นแสงสีฟ้า

เหตุผลก็คือฟางหยวนผสานวิญญาณลอบโจมตีเข้าไปและทำให้มันทรงพลังมากขึ้นไปอีก

ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน

“เป็นการตอบโต้ที่ยอดเยี่ยม!” ฟางหยุนยกย่องขณะที่ฟางอันเล่ยและฟางเล้งเงียบ

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าเผชิญหน้าราวกับดาวตก

“ปัง ปัง ปัง ปัง…”

ร่างแยกสีฟ้าระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับฟองสบู่แตกโดยไม่สามารถต่อต้าน

สนมอินทรีย์และอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินหลบออกไปเพราะไม่ต้องการกีดขวางเส้นทางของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด

แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกช้าที่สุด มันยังอยู่ที่เดิม

ไม่ว่าจะเป็นสนมอินทรีย์หรือผีเฒ่าไป่จุน พวกเขาสูญเสียเป้าหมายในการโจมตีเพราะไม่สามารถค้นหาตัวจริงของฟางหยวน

‘โอ้?’ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางหยวน

เขากำลังวางแผนและไม่ได้หลบหนี อย่างไรก็ตามวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับพุ่งเข้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง

‘บังเอิญ?’ ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทาง

แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับเปลี่ยนทิศทางตามเขาไปอีกครั้ง

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาปล่อยหมอกออกมาปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้

ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน!

ผู้อมตะทั้งหมดถูกปิดล้อมด้วยหมอกหนาทึบ

สนมอินทรีย์กรีดร้องขณะที่นางหยุดเคลื่อนไหว

ผีเฒ่าไป่จุนเรียกอสูรวิญญาณแรกกำเนิดกลับไปปกป้องตนเอง

“หมอกเหล่านี้ทำลายการรับรู้ทิศทาง เราได้รับผลกระทบจากมันแม้เราจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ตาม ช่างน่าประทับใจนัก!” ฟางเล้งอุทาน

แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวนโดยไม่ได้รับผลกระทบ

เดิมทีท่าไม้ตายนี้เป็นหมอกสีม่วงที่มีขอบเขตเล็กๆแต่มันสามารถสร้างความสับสนให้กับผู้อมตะระดับแปด แต่หลังจากถูกดัดแปลงโดยฟางหยวน นอกจากสีที่เปลี่ยนไป ขอบเขตของมันยังขยายออกไป แต่มันจะส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้น

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สามารถเข้าประชิดตัวฟางหยวน

แม้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะสองท่า แต่พวกมันกลับไม่ส่งผลกระทบต่ออสูรวิญญาณแรกกำเนิดลึกลับที่อยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ฟางหยวนพยายามหลบด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ทั้งสองกำลังจะปะทะกัน!

ริมฝีปากของฟางหยวนยกตัวขึ้น

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นจากการปะทะที่รุนแรง

แต่มันไม่เกี่ยวกับฟางหยวน

ปรากฏว่าสิ่งที่ปะทะกันคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีก

‘แม้ข้าจะไม่สามารถทำให้เจ้าสับสน แต่ข้าสามารถทำให้คนอื่นๆสับสน’

ขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและแฝงตัวอยู่ท่ามกลางร่างแยก

‘อัศจรรย์นัก!’ เมื่อหมอกจางลง ฟางอันเล่ยมองไปที่เกิดเหตุและต้องยกย่องโดยไม่รู้ตัว

ฟางหยวนสามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมากได้ด้วยตัวเขาเองเพียงผู้เดียว เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง

“บัดซบ!” ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดคำรามด้วยความโกรธ

ร่างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกตกลงบนพื้น

การปะทะครั้งนี้ทำให้ความเร็วของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลดลงอย่างมาก แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดยังควบคุมมันออกไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวนอย่างไม่ลดละ

‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ศัตรูยังตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าได้อีกงั้นหรือ?’ ฟางหวนตกตะลึง

ตั้งแต่ฟางหยวนครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปดและพัฒนาท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย มันก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน

แต่ตอนนี้ศัตรูกลับเพิกเฉยต่อมันและสามารถไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวน นี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งแรกของเขา

‘กระทั่งในภัยพิบัติ ข้ายังสามารถหลอกลวงเจตจำนงสวรรค์ ศัตรูใช้วิธีใดในการค้นหาข้า?’

ฟางหยวนไม่เข้าใจ

‘ไม่ มันไม่ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา’

‘ข้ามีอาภรณ์วิญญาณที่สามารถป้องกันการอนุมาน หากผู้ใดต้องการอนุมานเกี่ยวกับข้า พวกเขาต้องทำลายอาภรณ์วิญญาณเป็นอันดับแรก แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของการอนุมานใดๆทั้งสิ้น’

‘ศัตรูใช้วิธีใดกันแน่?’