ตอนที่ 896 - เข้าสู่ป่าปีศาจร้าง

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.
  ไม่ว่าดินแดนมีดสวรรค์จะหาปราชญ์ภาษาไม้มากี่คนพวกเขาก็มิอาจพลิกสถานการณ์ได้หากซือหยูยังคงอยู่ ข้อตกลงนี้ก็จะสูญเปล่า เพราะดินแดนมีดสวรรค์จะไม่ได้อะไรกลับมาเลย
  “หึหึสิบปีก่อนเจ้ามีฉินหลิน นี่ก็เหมือนกันเมื่อพวกข้ามีซือหยูเซี่ยน เจ้าพูดได้อย่างไรว่ามันไม่ยุติธรรม?”
  รองผู้จัดการใหญ่ถอนหายใจแรงอย่างเยือกเย็นยามที่ดินแดนมีดสวรรค์ได้เปรียบ พวกเขาทำเป็นหลับหูหลับตา แต่เมื่อพวกเขาได้เปรียบบ้าง ดินแดนมีดสวรรค์กลับบอกว่ามันไม่ยุติธรรม
  ปีศาจเด็ดดาวทำราวกับไม่ได้ยิน
  “ดังนั้นแล้วเพื่อความยุติธรรม ข้าตัดสินใจที่จะ…”
  “ที่จะฆ่ามัน!”
  จิตสังหารคลั่งพวยพุ่งมาจากแววตาปีศาจเด็ดดาวเขาพุ่งเข้าใส่ซือหยูทันที
  แต่นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่รู้แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทั้งสองขยับตัวอย่างรวดเร็ว
  “ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้วคนดินแดนพรสวรรค์ทั้งหมดจงฟัง พวกเจ้าจงปกป้องซือหยูเซี่ยน สังหารทุกคนที่กล้าเข้าหาเขา”
  ซือหยูเซี่ยนกลายเป็นคนที่สำคัญอย่างมากต่อพวกเขาพวกเขาจะยอมให้เกิดอันตรายกับซือหยูได้อย่างไร?
  นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่ร่วมมือกันและพยายามจะขวางปีศาจเด็ดดาว
  “หัตถ์เด็ดดาว!”
  แววตาเยือกเย็นของปีศาจเด็ดดาวมุ่งสายตาเร็วดั่งสายฟ้าเขาเงื้อมืออย่างรวดเร็วราวกับจะเด็ดดาวลงมา
  นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่โดนท่านี้ซัดจนกระเด็นลอยออกไปความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมากนัก จ้าวเทวะระดับเจ็ดสองคนมิอาจเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะระดับแปดคนเดียวได้แม้จะร่วมมือกันก็ตาม
  “เจ้ามันมารผจญและเจ้าต้องตาย!”
  ปีศาจเด็ดดาวรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหากซือหยูยังมีชีวิตดินแดนมีดสวรรค์จะไม่มีทางได้อะไรจากเมืองเทียนหยา
  ฟึ่บ!
  เมื่อปีศาจเด็ดดาวกำลังจะจู่โจมซือหยูคนสวมชุดสีมรกตก็บินมาหาเขา นางมีกระบี่ยาวสีคราม มันวาดวงกระบี่สวยสด
  ปีศาจเด็ดดาวชักสีหน้า
  “ลู่จือยี่!”
  ลู่จือยี่ได้รับฉายาว่าเป็นสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนพรสวรรค์ปีศาจเด็ดดาวได้ยินเรื่องพลังการต่อสู้ของนางมาก่อนแล้ว ว่ากันว่านางเคยต่อสู้กับจ้าวเทวะระดับแปดมาก่อน และพลังของนางก็อ่อนแอกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  ลู่จือยี่มองซือหยูไม่วางตาก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น
  “เจ้าอย่าได้คิดฆ่าเขา”
  ฟึ่บ!
  นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่ที่กระเด็นออกไปพุ่งกลับมายืนเคียงข้างลู่จือยี่ทั้งสามเป็นจ้าวเทวะระดับเจ็ด ขณะที่ลู่จือยี่มีพลังมหาศาลกว่า พวกเขาควรจะรับมือกับปีศาจเด็ดดาวได้สักครู่
  ปีศาจเด็ดดาวชักสีหน้าและตะโกน
  “หูหวังกุยเจ้าจะยืนนิ่งหาพระแสงอันใด? ถ้าเจ้าไม่อยากจะกุดหัวตัวเองให้จ้าวดินแดนก็จงเอาหัวซือหยูเซี่ยนมาเสีย”
  แย่แล้ว!
  หูหวังกุยเป็นจ้าวเทวะระดับห้าและจ้าวเทวะธรรมดาๆคนอื่นมิอาจปกป้องซือหยูเซี่ยนได้
  หูหวังกุยซ่อนตัวอยู่ในบรรดากลุ่มคนที่แตกตื่นขณะที่ปีศาจเด็ดดาวเริ่มจู่โจมเขาเริ่มเล็งเป้าซือหยูเอาไว้อยู่แล้ว
  “ฮื่ม!ฮื่ม! ซือหยูเซี่ยน จะกี่ครั้งเจ้าก็ทำลายแผนการของข้า ครานี้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”
  หูหวังกุยก้าวออกมาด้านหน้าเขาเป็นจ้าวเทวะระดับห้าที่มีรังสีพลังอันแข็งแกร่ง รังสีพลังนั่นทำให้จ้าวเทวะชั้นต้นที่ปกป้องซือหยูถอยกลับไป
  แม้จะดูเหมือนว่าซือหยูถูกปกป้องโดยคนจำนวนมากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับหูหวังกุย เขาก็ไร้ทางสู้
  ซือหยูไม่คิดจะเผชิญชะตาเช่นนั้นเพื่อรอคอยความตายแต่ถ้าหากเขาเปิดเผยตัวตนในฐานะ ‘ซือหยู’ พลังของเขาก็ยังคงไม่พอที่จะต่อสู้กับจ้าวเทวะระดับห้า ความแตกต่างในด้านพลังนั้นสูงเกินไป
  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิอาจเผชิญหน้ากับหูหวังกุยตรงๆได้ เขาต้องหลบ
  ฟึ่บ!
  เพลิงแดงฉานที่ร้อนอย่างแปลกประหลาดงอกออกมาจากแผ่นหลังของซือหยูเหล่าจ้าวเทวะชั้นต้นรอบๆตกใจและหลบเพลิงด้วยความกลัว เพลิงจากแผ่นหลังซือหยูนั้นรุนแรงพอที่จะฆ่าพวกเขา
  เพลิงนี้ลุกโชนไม่หยุดหย่อนสุดท้ายมันก็ก่อร่างเป็นปีกเพลิงยาวสิบศอก
  “คิดจะหนีเรอะ?”
  หูหวังกุยยิ้มเยือกเย็นราวน้ำแข็งไม่ว่าวิชาลับของซือหยูจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ไม่น่าจะเทียบความเร็วของจ้าวเทวะระดับห้าได้
  ฟึ่บ!
  เพลิงโบกสะบัดซือหยูแตะพื้นด้วยปลายเท้าทะยานขึ้นฟ้า เขาเดินทางข้ามระยะหลายหมื่นลี้ในพริบตาเดียว เขาไปอยู่เหนือน่านฟ้าป่าปีศาจร้าง
  พอถึงตอนนั้นหูหวังกุยก็ปรากฏตัวในจุดที่ซือหยูเคยยืนอยู่ก่อนหน้า
  “นั่นมันวิชาลับอะไรกัน?”
  หูหวังกุยเงยหน้ามองฟ้าด้วยความตกใจความเร็วของซือหยูไม่ได้ช้าไปกว่าจ้าวเทวะระดับห้าอย่างเขาเลย
  ซือหยูหนีจากเขาไปได้!จิตสังหารของหูหวังกุยรุนแรงขึ้น เขาจะต้องไม่ปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตรอด
  “เจ้าจะหนีไปได้ซักกี่น้ำ”
  หูหวังกุยพุ่งไปใกล้ซือหยูในระยะหมื่นลี้
  แต่ซือหยูก็สะบัดปีกเพลิงหนีไปอีกซือหยูไม่ได้ออกจากอาณาเขตของป่าปีศาจร้างและเพียงรอให้กำลังเสริมกับยอดฝีมือจากดินแดนพรสวรรค์ตามมา
  หากซือหยูบินหนีไปไกลต่อให้กำลังเสริมตามมา กำลังเสริมเหล่านั้นก็ช่วยเขาไม่ได้
  ซือหยูบินไปรอบๆด้วยความคิดอย่างหนึ่งหูหวังกุยยังคงไล่ตามไม่หยุดหย่อนเพราะมิอาจตามซือหยูได้ทัน มันกลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครทำอะไรได้ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
  ปีศาจเด็ดดาวกระวนกระวาย
  “เจ้ารออะไรอยู่?กำลังเสริมมันกำลังจะไปถึงแล้ว”
  เมื่อได้ยินหูหวังกุยกัดฟันทนความเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้ เขาอ้าปากและหยิบลูกปัดสีม่วงออกมา
  เมื่อลู่จือยี่เห็นก็เบิกตากว้าง
  “ลูกปัดขวัญเทพ!ซือหยูเซี่ยน ระวัง บินลงไปเร็ว!”
  เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากลู่จือยี่ซือหยูระมัดระวังตัวมากขึ้นและเริ่มบินลงไปที่พื้นโดยไม่คิดชีวิต
  ซือหยูรู้สึกว่าเขาเคยเจอกับสิ่งที่เหมือนกับลูกปัดนี้มาก่อนดูเหมือนว่ากู้ไทซูจะเคยใช้มันกับเขา มันคล้ายพลังสายโลหิตของกู้ไทซู พลังนี้จะทำให้พลังในร่างถูกสกัดกั้นมิอาจไหลเวียน
  ถ้าหากซือหยูเสียพลังขณะอยู่บนฟ้าเขาจะใช้ปีกแก่นเพลิงไม่ได้อีกต่อไป ต่อให้หูหวังกุยไม่ทันฆ่า เขาก็ตกลงมาตายอยู่ดี
  “นังผู้หญิงพูดมาก!”
  หูหวังกุยรีบทุบลูกปัดสีม่วง
  ซือหยูถูกแสงสีม่วงสาดผ่านพลังของเขาถูกสกัดราวกับกลายเป็นน้ำแข็ง พลังของเขามิอาจไหลเวียนได้
  ปีกแก่นเพลิงลดขนาดลงไปมากเมื่อเสียพลัง พวกมันก็เล็กลง
  แย่แล้ว!
  เขายังห่างจากพื้นอยู่มากเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรอดชีวิตกับการตกลงไปที่พื้น
  และพลังชีวิตจากทั้งร่างยังถูกสกัดเอาไว้เขามิอาจเปิดแหวนมิติและเอาสมบัติออกมาช่วยชีวิตได้เลย
  ซือหยูคิดหนักแต่เขาก็เห็นป่าปีศาจร้างที่อยู่ห่างออกไป
  ป่าปีศาจร้างมีต้นไม้ที่สูงอย่างมากมักจะมีต้นไม้ที่สูงราวหนึ่งลี้ มีกระทั่งต้นไม้ยักษ์ที่่สูงหลายลี้อีกด้วย ถ้าเขาร่อนไปที่นั่น เขาจะใช้ความสูงของต้นไม้รับแรงกระแทกแทน
  แต่ป่าปีศาจร้างอันตรายมากเขาค่อนข้างที่จะกลัว แม้แต่อสูรเนรมิตรก็มิอาจมีชีวิตรอดกลับมาหลังจากไปที่นั่น แล้วเขาจะรอดได้หรือ?
  แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน!คงจะดีกว่าถ้าเขาตกไปที่ป่าปีศาจร้างแทนที่จะตกลงไปตายจากความสูง
  ซือหยูทำใจและใช้โอกาสที่ปีกยังสลายไม่หมดปรับตำแหน่งบนฟ้าเขาบินไปทางป่าปีศาจร้าง
  หูหวังกุยรู้แล้วว่าซือหยูคิดจะทำอะไรเขาเยาะเย้ย
  “เจ้ายังคิดจะรักษาชีวิตไว้อีกเรอะ?”
  เขาใช้แก้วหลายล้านดวงในการซื้อลูกปักขวัญเทพจากตลาดมืดว่ากันว่ามันถูกสร้างจากกู้ไทซูด้วยตัวเอง มันจะทำให้ศัตรูเจอกับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ในเวลาสำคัญ
  เขาเสียสละมากถึงเพียงนี้ถ้าหากซือหยูรอดชีวิตไปได้ เขาจะไม่กลายเป็นตัวตลกหรือ?
  “น้ำแข็งครองนภา!”
  หูกวังกุยเรียกแส้ยาวออกมาจากกระเป๋าเมื่อสะบัดแส้ หมอกขาวเยือกเย็นจะพุ่งออกมา
  เมื่อโบกแส้อากาศเย็นยะเยือกจะแล่นทั่วฟ้า มันแช่แข็งแม้กระทั่งพลังวิญญาณตามธรรมชาติ ซือหยูที่กำลังร่อนตกเจออากาศเยือกเย็นนี้ ปีกแก่นเพลิงของเขาเย็นลงอย่างรวดเร็ว เพลิงได้ดับไปเมื่อสัมผัสอากาศเย็นนี้
  เพียงสามวินาทีปีกแก่นเพลิงก็ลดขนาดลงมากจนซือหยูเสียอีกไป เขากลายเป็นก้อนหินหนักที่กำลังตกลงตรงสู่พื้น ป่าปีศาจร้างยังคงห่างไกลจากเขา เขายังห่างจากต้นไม้นับลี้
  ซือหยูใจหาย
  “หึหึเจ้าจะตายและถูกฝังที่นี่”
  ฟึ่บ!
  สายลมรุนแรงพัดเข้ามาเมื่อหูหวังกุยไล่ตามไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายเขาสะบัดแส้ในมือเพื่อฟาดซือหยู
  แค่พลังความเย็นของมันอย่างเดียวก็มากพอที่จะเอาชีวิตเขาแล้วไหนจะพลังของจ้าวเทวะที่ใช้มันอีก
  เมื่อรองผู้จัดการใหญ่นักบวชโซ และลู่จือยี่เห็นสถานการณ์ของซือหยูจากระยะไกล ทั้งสามก็กังวลใจอย่างหนัก แต่ปีศาจเด็ดดาวก็จู่โจมทั้งสามต่อไปเพื่อไม่ให้มีโอกาสได้เข้าช่วยซือหยู
  ซือหยูตายแน่!
  ในยามคับขันแสงสีม่วงเปล่งประกายจากตาซ้ายของซือหยู มังกรม่วงไร้ลักษณ์เข้ารัดรอบตัวหูหวังกุยเอาไว้
  หูหวังกุยมิอาจขยับกายแต่เขายังคงคิดได้ ความตกตะลึงถาโถมเข้าใส่
  “ร่างข้าถูกผนึกนี่มัน…พลังเวลา!”
  สิ่งที่ถูกผนึกร่วมกับหูหวังกุยก็คือแส้ของเขา
  ซือหยูไม่คิดจะเผยเรื่องพลังเวลานอกเสียจากยามคับขันเขาถูกบังคับให้ต้องใช้พลังนี้
  แต่เคราะห์ดีที่เขาอยู่ห่างไกลจากคนอื่นคนอื่นเห็นแค่ร่างของหูหวังกุยที่หยุดนิ่งไปสามลมหายใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
  ฟึ่บ!
  ซือหยูโบกสะบัดแขนเส้นไหมที่มิอาจมองด้วยตาเปล่ารัดรอบแส้ นั่นทำให้แส้ลดความเร็วลง และเขายังใช้แรงจากแส้ช่วยพาตัวเองไปที่ป่าปีศาจร้างอีกครั้ง และเขาก็พาหูหวังกุยที่ถูกผนึกลงป่าไปด้วย
  ในวินาทีแรกซือหยูบินมาได้ร้อยเมตร
  วินาทีที่สองซือหยูบินมาได้สองร้อยเมตร
  วินาทีที่สามซือหยูบินได้สามร้อยเมตร
  หลังจากผ่านไปสามวินาทีหูกวังกุยกลับมาควบคุมร่างกายได้ดังเดิม เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว
  “พลังเวลา!เจ้าหนู ที่เจ้า..”
  ซือหยูหันไปมองและพูด
  “ไปที่ป่าปีศาจร้างกับข้าซะดีๆ!”
  หูหวังกุยไล่ต้อนซือหยูจนมาถึงที่นี่ซือหยูย่อมต้องลากเขาลงไปด้วย ก่อนที่หูหวังกุยจะได้ปล่อยแส้ เขาก็ถูกซือหยูพามาที่น่านฟ้าเหนือป่าปีศาจร้างแล้ว ทั้งคู่ตกลงไปทางหมอกสีอำพันในป่า
  หูหวังกุยกลัวมากเขารีบปล่อยแส้และใช้มือทั้งสองซัดอากาศเพื่อที่จะทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง เขาอยากจะทิ้งระยะห่างจากป่านี้
  ฟึ่บ!
  แต่ในตอนนั้นก็มีกิ่งไม้แห้งพุ่งเข้ารัดรอบตัวหูหวังกุยกับซือหยูมันดึงพวกเขาลงไปที่ป่า
  “อ๊ากกก!ไม่นะ!”
  หูกวังกุยกรีดร้องอย่างน่าเวทนาเขาพยายามจะฉีกกิ่งไม้แห้งด้วยมือ
  แต่แม้จะเป็นพลังของจ้าวเทวะระดับห้าเมื่อซัดใส่กิ่งไม้แห้งไป มันก็ส่งเสียงราวกับว่าเขาซัดเหล็กกล้า
  หูหวังกุยไม่คิดจะยอมรับชะตาเช่นนี้แต่เขาก็ยังคงถูกลากเข้าป่าไป ซือหยูก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือการบาดเจ็บสาหัสในการตกจากที่สูง
  และเมื่อกิ่งไม้เข้ารัดนั่นก็ทำให้เขารอดจากการตกไปตาย มันดีกว่าสถานการณ์เดิม แต่กิ่งไม้นี้ก็อันตรายมากอยู่ดี
  ถ้าเขาจะไม่ผิดรองผู้จัดการใหญ่เคยพูดว่าทุกๆปี กิ่งไม้ในป่าปีศาจร้างจะทอดยาวกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตเพื่อดูดกลืนพลัง กิ่งไม้เหล่านี้จะต้องเป็นกิ่งไม้ตามตำนานที่สร้างภัยพิบัติครั้งใหญ่ในจิวโจวครั้งอดีต