DND.
ไม่ว่าดินแดนมีดสวรรค์จะหาปราชญ์ภาษาไม้มากี่คนพวกเขาก็มิอาจพลิกสถานการณ์ได้หากซือหยูยังคงอยู่ ข้อตกลงนี้ก็จะสูญเปล่า เพราะดินแดนมีดสวรรค์จะไม่ได้อะไรกลับมาเลย
“หึหึสิบปีก่อนเจ้ามีฉินหลิน นี่ก็เหมือนกันเมื่อพวกข้ามีซือหยูเซี่ยน เจ้าพูดได้อย่างไรว่ามันไม่ยุติธรรม?”
รองผู้จัดการใหญ่ถอนหายใจแรงอย่างเยือกเย็นยามที่ดินแดนมีดสวรรค์ได้เปรียบ พวกเขาทำเป็นหลับหูหลับตา แต่เมื่อพวกเขาได้เปรียบบ้าง ดินแดนมีดสวรรค์กลับบอกว่ามันไม่ยุติธรรม
ปีศาจเด็ดดาวทำราวกับไม่ได้ยิน
“ดังนั้นแล้วเพื่อความยุติธรรม ข้าตัดสินใจที่จะ…”
“ที่จะฆ่ามัน!”
จิตสังหารคลั่งพวยพุ่งมาจากแววตาปีศาจเด็ดดาวเขาพุ่งเข้าใส่ซือหยูทันที
แต่นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่รู้แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทั้งสองขยับตัวอย่างรวดเร็ว
“ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้วคนดินแดนพรสวรรค์ทั้งหมดจงฟัง พวกเจ้าจงปกป้องซือหยูเซี่ยน สังหารทุกคนที่กล้าเข้าหาเขา”
ซือหยูเซี่ยนกลายเป็นคนที่สำคัญอย่างมากต่อพวกเขาพวกเขาจะยอมให้เกิดอันตรายกับซือหยูได้อย่างไร?
นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่ร่วมมือกันและพยายามจะขวางปีศาจเด็ดดาว
“หัตถ์เด็ดดาว!”
แววตาเยือกเย็นของปีศาจเด็ดดาวมุ่งสายตาเร็วดั่งสายฟ้าเขาเงื้อมืออย่างรวดเร็วราวกับจะเด็ดดาวลงมา
นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่โดนท่านี้ซัดจนกระเด็นลอยออกไปความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมากนัก จ้าวเทวะระดับเจ็ดสองคนมิอาจเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะระดับแปดคนเดียวได้แม้จะร่วมมือกันก็ตาม
“เจ้ามันมารผจญและเจ้าต้องตาย!”
ปีศาจเด็ดดาวรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหากซือหยูยังมีชีวิตดินแดนมีดสวรรค์จะไม่มีทางได้อะไรจากเมืองเทียนหยา
ฟึ่บ!
เมื่อปีศาจเด็ดดาวกำลังจะจู่โจมซือหยูคนสวมชุดสีมรกตก็บินมาหาเขา นางมีกระบี่ยาวสีคราม มันวาดวงกระบี่สวยสด
ปีศาจเด็ดดาวชักสีหน้า
“ลู่จือยี่!”
ลู่จือยี่ได้รับฉายาว่าเป็นสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนพรสวรรค์ปีศาจเด็ดดาวได้ยินเรื่องพลังการต่อสู้ของนางมาก่อนแล้ว ว่ากันว่านางเคยต่อสู้กับจ้าวเทวะระดับแปดมาก่อน และพลังของนางก็อ่อนแอกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ลู่จือยี่มองซือหยูไม่วางตาก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น
“เจ้าอย่าได้คิดฆ่าเขา”
ฟึ่บ!
นักบวชโซกับรองผู้จัดการใหญ่ที่กระเด็นออกไปพุ่งกลับมายืนเคียงข้างลู่จือยี่ทั้งสามเป็นจ้าวเทวะระดับเจ็ด ขณะที่ลู่จือยี่มีพลังมหาศาลกว่า พวกเขาควรจะรับมือกับปีศาจเด็ดดาวได้สักครู่
ปีศาจเด็ดดาวชักสีหน้าและตะโกน
“หูหวังกุยเจ้าจะยืนนิ่งหาพระแสงอันใด? ถ้าเจ้าไม่อยากจะกุดหัวตัวเองให้จ้าวดินแดนก็จงเอาหัวซือหยูเซี่ยนมาเสีย”
แย่แล้ว!
หูหวังกุยเป็นจ้าวเทวะระดับห้าและจ้าวเทวะธรรมดาๆคนอื่นมิอาจปกป้องซือหยูเซี่ยนได้
หูหวังกุยซ่อนตัวอยู่ในบรรดากลุ่มคนที่แตกตื่นขณะที่ปีศาจเด็ดดาวเริ่มจู่โจมเขาเริ่มเล็งเป้าซือหยูเอาไว้อยู่แล้ว
“ฮื่ม!ฮื่ม! ซือหยูเซี่ยน จะกี่ครั้งเจ้าก็ทำลายแผนการของข้า ครานี้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”
หูหวังกุยก้าวออกมาด้านหน้าเขาเป็นจ้าวเทวะระดับห้าที่มีรังสีพลังอันแข็งแกร่ง รังสีพลังนั่นทำให้จ้าวเทวะชั้นต้นที่ปกป้องซือหยูถอยกลับไป
แม้จะดูเหมือนว่าซือหยูถูกปกป้องโดยคนจำนวนมากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับหูหวังกุย เขาก็ไร้ทางสู้
ซือหยูไม่คิดจะเผชิญชะตาเช่นนั้นเพื่อรอคอยความตายแต่ถ้าหากเขาเปิดเผยตัวตนในฐานะ ‘ซือหยู’ พลังของเขาก็ยังคงไม่พอที่จะต่อสู้กับจ้าวเทวะระดับห้า ความแตกต่างในด้านพลังนั้นสูงเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิอาจเผชิญหน้ากับหูหวังกุยตรงๆได้ เขาต้องหลบ
ฟึ่บ!
เพลิงแดงฉานที่ร้อนอย่างแปลกประหลาดงอกออกมาจากแผ่นหลังของซือหยูเหล่าจ้าวเทวะชั้นต้นรอบๆตกใจและหลบเพลิงด้วยความกลัว เพลิงจากแผ่นหลังซือหยูนั้นรุนแรงพอที่จะฆ่าพวกเขา
เพลิงนี้ลุกโชนไม่หยุดหย่อนสุดท้ายมันก็ก่อร่างเป็นปีกเพลิงยาวสิบศอก
“คิดจะหนีเรอะ?”
หูหวังกุยยิ้มเยือกเย็นราวน้ำแข็งไม่ว่าวิชาลับของซือหยูจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ไม่น่าจะเทียบความเร็วของจ้าวเทวะระดับห้าได้
ฟึ่บ!
เพลิงโบกสะบัดซือหยูแตะพื้นด้วยปลายเท้าทะยานขึ้นฟ้า เขาเดินทางข้ามระยะหลายหมื่นลี้ในพริบตาเดียว เขาไปอยู่เหนือน่านฟ้าป่าปีศาจร้าง
พอถึงตอนนั้นหูหวังกุยก็ปรากฏตัวในจุดที่ซือหยูเคยยืนอยู่ก่อนหน้า
“นั่นมันวิชาลับอะไรกัน?”
หูหวังกุยเงยหน้ามองฟ้าด้วยความตกใจความเร็วของซือหยูไม่ได้ช้าไปกว่าจ้าวเทวะระดับห้าอย่างเขาเลย
ซือหยูหนีจากเขาไปได้!จิตสังหารของหูหวังกุยรุนแรงขึ้น เขาจะต้องไม่ปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตรอด
“เจ้าจะหนีไปได้ซักกี่น้ำ”
หูหวังกุยพุ่งไปใกล้ซือหยูในระยะหมื่นลี้
แต่ซือหยูก็สะบัดปีกเพลิงหนีไปอีกซือหยูไม่ได้ออกจากอาณาเขตของป่าปีศาจร้างและเพียงรอให้กำลังเสริมกับยอดฝีมือจากดินแดนพรสวรรค์ตามมา
หากซือหยูบินหนีไปไกลต่อให้กำลังเสริมตามมา กำลังเสริมเหล่านั้นก็ช่วยเขาไม่ได้
ซือหยูบินไปรอบๆด้วยความคิดอย่างหนึ่งหูหวังกุยยังคงไล่ตามไม่หยุดหย่อนเพราะมิอาจตามซือหยูได้ทัน มันกลายเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครทำอะไรได้ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
ปีศาจเด็ดดาวกระวนกระวาย
“เจ้ารออะไรอยู่?กำลังเสริมมันกำลังจะไปถึงแล้ว”
เมื่อได้ยินหูหวังกุยกัดฟันทนความเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้ เขาอ้าปากและหยิบลูกปัดสีม่วงออกมา
เมื่อลู่จือยี่เห็นก็เบิกตากว้าง
“ลูกปัดขวัญเทพ!ซือหยูเซี่ยน ระวัง บินลงไปเร็ว!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากลู่จือยี่ซือหยูระมัดระวังตัวมากขึ้นและเริ่มบินลงไปที่พื้นโดยไม่คิดชีวิต
ซือหยูรู้สึกว่าเขาเคยเจอกับสิ่งที่เหมือนกับลูกปัดนี้มาก่อนดูเหมือนว่ากู้ไทซูจะเคยใช้มันกับเขา มันคล้ายพลังสายโลหิตของกู้ไทซู พลังนี้จะทำให้พลังในร่างถูกสกัดกั้นมิอาจไหลเวียน
ถ้าหากซือหยูเสียพลังขณะอยู่บนฟ้าเขาจะใช้ปีกแก่นเพลิงไม่ได้อีกต่อไป ต่อให้หูหวังกุยไม่ทันฆ่า เขาก็ตกลงมาตายอยู่ดี
“นังผู้หญิงพูดมาก!”
หูหวังกุยรีบทุบลูกปัดสีม่วง
ซือหยูถูกแสงสีม่วงสาดผ่านพลังของเขาถูกสกัดราวกับกลายเป็นน้ำแข็ง พลังของเขามิอาจไหลเวียนได้
ปีกแก่นเพลิงลดขนาดลงไปมากเมื่อเสียพลัง พวกมันก็เล็กลง
แย่แล้ว!
เขายังห่างจากพื้นอยู่มากเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรอดชีวิตกับการตกลงไปที่พื้น
และพลังชีวิตจากทั้งร่างยังถูกสกัดเอาไว้เขามิอาจเปิดแหวนมิติและเอาสมบัติออกมาช่วยชีวิตได้เลย
ซือหยูคิดหนักแต่เขาก็เห็นป่าปีศาจร้างที่อยู่ห่างออกไป
ป่าปีศาจร้างมีต้นไม้ที่สูงอย่างมากมักจะมีต้นไม้ที่สูงราวหนึ่งลี้ มีกระทั่งต้นไม้ยักษ์ที่่สูงหลายลี้อีกด้วย ถ้าเขาร่อนไปที่นั่น เขาจะใช้ความสูงของต้นไม้รับแรงกระแทกแทน
แต่ป่าปีศาจร้างอันตรายมากเขาค่อนข้างที่จะกลัว แม้แต่อสูรเนรมิตรก็มิอาจมีชีวิตรอดกลับมาหลังจากไปที่นั่น แล้วเขาจะรอดได้หรือ?
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน!คงจะดีกว่าถ้าเขาตกไปที่ป่าปีศาจร้างแทนที่จะตกลงไปตายจากความสูง
ซือหยูทำใจและใช้โอกาสที่ปีกยังสลายไม่หมดปรับตำแหน่งบนฟ้าเขาบินไปทางป่าปีศาจร้าง
หูหวังกุยรู้แล้วว่าซือหยูคิดจะทำอะไรเขาเยาะเย้ย
“เจ้ายังคิดจะรักษาชีวิตไว้อีกเรอะ?”
เขาใช้แก้วหลายล้านดวงในการซื้อลูกปักขวัญเทพจากตลาดมืดว่ากันว่ามันถูกสร้างจากกู้ไทซูด้วยตัวเอง มันจะทำให้ศัตรูเจอกับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ในเวลาสำคัญ
เขาเสียสละมากถึงเพียงนี้ถ้าหากซือหยูรอดชีวิตไปได้ เขาจะไม่กลายเป็นตัวตลกหรือ?
“น้ำแข็งครองนภา!”
หูกวังกุยเรียกแส้ยาวออกมาจากกระเป๋าเมื่อสะบัดแส้ หมอกขาวเยือกเย็นจะพุ่งออกมา
เมื่อโบกแส้อากาศเย็นยะเยือกจะแล่นทั่วฟ้า มันแช่แข็งแม้กระทั่งพลังวิญญาณตามธรรมชาติ ซือหยูที่กำลังร่อนตกเจออากาศเยือกเย็นนี้ ปีกแก่นเพลิงของเขาเย็นลงอย่างรวดเร็ว เพลิงได้ดับไปเมื่อสัมผัสอากาศเย็นนี้
เพียงสามวินาทีปีกแก่นเพลิงก็ลดขนาดลงมากจนซือหยูเสียอีกไป เขากลายเป็นก้อนหินหนักที่กำลังตกลงตรงสู่พื้น ป่าปีศาจร้างยังคงห่างไกลจากเขา เขายังห่างจากต้นไม้นับลี้
ซือหยูใจหาย
“หึหึเจ้าจะตายและถูกฝังที่นี่”
ฟึ่บ!
สายลมรุนแรงพัดเข้ามาเมื่อหูหวังกุยไล่ตามไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายเขาสะบัดแส้ในมือเพื่อฟาดซือหยู
แค่พลังความเย็นของมันอย่างเดียวก็มากพอที่จะเอาชีวิตเขาแล้วไหนจะพลังของจ้าวเทวะที่ใช้มันอีก
เมื่อรองผู้จัดการใหญ่นักบวชโซ และลู่จือยี่เห็นสถานการณ์ของซือหยูจากระยะไกล ทั้งสามก็กังวลใจอย่างหนัก แต่ปีศาจเด็ดดาวก็จู่โจมทั้งสามต่อไปเพื่อไม่ให้มีโอกาสได้เข้าช่วยซือหยู
ซือหยูตายแน่!
ในยามคับขันแสงสีม่วงเปล่งประกายจากตาซ้ายของซือหยู มังกรม่วงไร้ลักษณ์เข้ารัดรอบตัวหูหวังกุยเอาไว้
หูหวังกุยมิอาจขยับกายแต่เขายังคงคิดได้ ความตกตะลึงถาโถมเข้าใส่
“ร่างข้าถูกผนึกนี่มัน…พลังเวลา!”
สิ่งที่ถูกผนึกร่วมกับหูหวังกุยก็คือแส้ของเขา
ซือหยูไม่คิดจะเผยเรื่องพลังเวลานอกเสียจากยามคับขันเขาถูกบังคับให้ต้องใช้พลังนี้
แต่เคราะห์ดีที่เขาอยู่ห่างไกลจากคนอื่นคนอื่นเห็นแค่ร่างของหูหวังกุยที่หยุดนิ่งไปสามลมหายใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ฟึ่บ!
ซือหยูโบกสะบัดแขนเส้นไหมที่มิอาจมองด้วยตาเปล่ารัดรอบแส้ นั่นทำให้แส้ลดความเร็วลง และเขายังใช้แรงจากแส้ช่วยพาตัวเองไปที่ป่าปีศาจร้างอีกครั้ง และเขาก็พาหูหวังกุยที่ถูกผนึกลงป่าไปด้วย
ในวินาทีแรกซือหยูบินมาได้ร้อยเมตร
วินาทีที่สองซือหยูบินมาได้สองร้อยเมตร
วินาทีที่สามซือหยูบินได้สามร้อยเมตร
หลังจากผ่านไปสามวินาทีหูกวังกุยกลับมาควบคุมร่างกายได้ดังเดิม เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว
“พลังเวลา!เจ้าหนู ที่เจ้า..”
ซือหยูหันไปมองและพูด
“ไปที่ป่าปีศาจร้างกับข้าซะดีๆ!”
หูหวังกุยไล่ต้อนซือหยูจนมาถึงที่นี่ซือหยูย่อมต้องลากเขาลงไปด้วย ก่อนที่หูหวังกุยจะได้ปล่อยแส้ เขาก็ถูกซือหยูพามาที่น่านฟ้าเหนือป่าปีศาจร้างแล้ว ทั้งคู่ตกลงไปทางหมอกสีอำพันในป่า
หูหวังกุยกลัวมากเขารีบปล่อยแส้และใช้มือทั้งสองซัดอากาศเพื่อที่จะทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง เขาอยากจะทิ้งระยะห่างจากป่านี้
ฟึ่บ!
แต่ในตอนนั้นก็มีกิ่งไม้แห้งพุ่งเข้ารัดรอบตัวหูหวังกุยกับซือหยูมันดึงพวกเขาลงไปที่ป่า
“อ๊ากกก!ไม่นะ!”
หูกวังกุยกรีดร้องอย่างน่าเวทนาเขาพยายามจะฉีกกิ่งไม้แห้งด้วยมือ
แต่แม้จะเป็นพลังของจ้าวเทวะระดับห้าเมื่อซัดใส่กิ่งไม้แห้งไป มันก็ส่งเสียงราวกับว่าเขาซัดเหล็กกล้า
หูหวังกุยไม่คิดจะยอมรับชะตาเช่นนี้แต่เขาก็ยังคงถูกลากเข้าป่าไป ซือหยูก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือการบาดเจ็บสาหัสในการตกจากที่สูง
และเมื่อกิ่งไม้เข้ารัดนั่นก็ทำให้เขารอดจากการตกไปตาย มันดีกว่าสถานการณ์เดิม แต่กิ่งไม้นี้ก็อันตรายมากอยู่ดี
ถ้าเขาจะไม่ผิดรองผู้จัดการใหญ่เคยพูดว่าทุกๆปี กิ่งไม้ในป่าปีศาจร้างจะทอดยาวกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตเพื่อดูดกลืนพลัง กิ่งไม้เหล่านี้จะต้องเป็นกิ่งไม้ตามตำนานที่สร้างภัยพิบัติครั้งใหญ่ในจิวโจวครั้งอดีต