DND.
ปั้ง!
เมื่อซือหยูถูกลากไปใต้ป่าปีศาจร้างเขาก็เห็นว่าสิ่งรอบข้างเป็นเงาสีอำพันเข้ม สายตาของเขามิอาจมองได้เกินกว่าร้อยเมตร
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
กิ่งไม้มากมายพร้อมกับเถาวัลย์เข้ารัดตัวซือหยูจากทุกทิศทางราวกับอสรพิษหิวโหยกิ่งไม้และเถาวัลย์เหล่านั้นรัดตัวซือหยูจนแน่น มันเริ่มกลืนกินพลังในตัวซือหยู
ซือหยูตกตะลึงพลังวิญญาณในจุดกำเนิดพลังของเขาถูกดูดกลืนไปหนึ่งในสิบในพริบตาเดียวไม่ต่างกับน้ำที่พุ่งออกจากเขื่อนแตก ซือหยูดึงเส้นไหมในมือด้วยนิ้วชี้และใช้มันพันรอบเถาวัลย์ที่รัดตัว จากนั้นจึงออกแรงที่ดัชนี
โฮก!
เสียงคำรามเจ็บปวดดังมาจากส่วนลึกของป่ากิ่งไม้ที่แม้แต่จ้าวเทวะระดับห้ายังตัดไม่ขาดถูกบั่นสะบั้น ซือหยูเป็นอิสระและกลิ้งตัวลงกับพื้นเพื่อเลี่ยงการถูกเถาวัลย์รัดไปมากกว่านี้ จากนั้นจึงใช้พลังกายวิ่งด้วยความเร็ว
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เสียงลมโหยหวนพัดเข้าหูเมื่อกิ่งไม้แลเถาวัลย์พุ่งเข้าใส่จากทุกทิศทางเคราะห์ดีที่ซือหยูยังพอหลบมันได้
ซือหยูวิ่งไปยังทิศด้านนอกป่าปีศาจร้างแต่หลังจากผ่านไปสักครู่ เขาก็สะดุดกับเศษเถาวัลย์ขาดที่ฝังนิ่งอยู่กับพื้น
ซือหยูใจหายเขากลับมาที่จุดเริ่มต้น!
ซือหยูไม่อยากจะเชื่อ…มันเกิดขึ้นได้ยังไง!สัมผัสทิศทางของข้าไม่เคยพลาด! ข้าวิ่งวนมาโดยที่ไม่รู้ตัวได้ยังไง? หรือจะเป็นเพราะหมอกอำพันนี่?
ซือหยูขมวดคิ้วแน่นเขาตรวจสอบภายในร่างกายและพบว่าแสงสีม่วงได้ดับลงไปมากแล้ว แต่พลังชีวิตของเขาไหลได้เพียงเล็กน้อย ซือหยูฟันมือพุ่งไปตามเส้นขอบฟ้า เขาพยายามจะหนีออกจากป่าปีศาจร้าง
แต่แม้ว่าเขาจะวิ่งเป็นเส้นตรงหมอกอำพันนั้นก็มีไม่สิ้นสุด ซือหยูมิอาจมองเห็นจุดจบของมันได้ ขณะนั้น เหล่ากิ่งไม้กับเถาวัลย์ก็ไล่ตามหลังมาไม่ขาดสาย
ซือหยูหมดหวังเขาทำได้แค่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด ยิ่งวิ่งไปไกลเท่าไหร่ กิ่งไม้กับเถาวัลย์ก็ยิ่งไล่ตามมามากขึ้น ด้านหลังซือหยูนั้นเต็มไปด้วยเถาวัลย์หนาแน่นจนเป็นกำแพงเข้าถล่มใส่มาที่เขา
ซือหยูชาไปทั้งร่างถ้าหากเขาสัมผัสกับกิ่งไม้เหล่านี้สักครั้ง เขาจะถูกสูบพลังไปจนหมดและตาย!
ที่นี่ไม่ต่างกับแดนเอกเทศหากเข้ามาโดยไร้แผนที่เส้นทาง มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะออกไป! คนที่เข้ามาจะถูกเถาวัลย์ไล่ล่าจนกว่าจะถูกดูดกลืนพลังจนหมด!
ซือหยูใจหายเมื่อคิดถึงขั้นนี้เขารู้แล้วว่าทำไมแม้แต่อสูรเนรมิตรถึงหนีไปจากที่นี่ไม่ได้
ซือหยูกำลังวิ่งไม่หยุดและเขาก็ไม่รู้ว่าหูหวังกุยใช้วิธีใดในการหนีออกจากป่าปีศาจร้าง เขาได้ยินเสียงคำรามจากทั่วป่า
ที่อีกด้านของป่าสตรีงามสองคนร่างเล็กใหญ่ถือเข็มทิศและรุดหน้าไปตามทิศทางช้าๆ ที่แปลกที่สุดก็คือพวกนางนั้นเดินอยู่ในป่าปีศาจร้าง แต่กลับไม่ถูกเถาวัลย์จู่โจม
โฮกก!
เสียงคำรามจากระยะไกลคืบคลานมาใกล้พวกนาง
“ท่านป้าเกิดอะไรขึ้น? งานเซ่นเซ่นให้พวกต้นไม้ปีศาจนี่ไปแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมพวกมันถึงตื่นขึ้นมาอีกล่ะ?”
ใบหน้ากงซุนหวูซื่อเต็มไปด้วยความกลัว
แม่นางหลิงหน้านิ่ง
“สัตว์อสูรที่ถูกโยนเข้ามาจะต้องหนีได้มันกำลังถูกพวกเถาวัลย์ตามล่า บัดซบ! พวกมันกำลังมาทางเรา! หนีเร็ว!”
ทั้งสองแอบเข้ามาในป่าปีศาจร้างเมื่อพิธีเซ่นจบลงและเมื่อทุกคนกำลังสนใจพิธีเซ่น พวกนางก็เลยไม่รู้ว่าซือหยูกำลังถูกตามฆ่าจนถูกลากลงมาอยู่ในป่า
“ไอ้สัตว์อสูรบัดซบ!มันควรจะยอมเป็นของเซ่นสิ เราจ่ายไปเยอะกว่าจะได้เข็มทิศที่เหยามู่เต๋าเหรินใช้มานำทางสู่ที่นี่…”
อสูรน้อยพูดด้วยความเกลียดชัง
นางรู้สึกโชคร้ายเอาเสียมากเพราะตั้งแต่ที่ถูกซือหยูเซี่ยนลวนลามก็ไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นกับนางเลย
“หยุดพูดได้แล้วเราต้องเปลี่ยนเส้นทางแล้วหาทางออกทีหลัง”
หลังพูดจบสตรีงามทั้งสองก็หายไปในพริบตา
ต่อมาซือหยูลอยผ่านพร้อมขมวดคิ้ว เขารู้ว่าการหนีเป็นวงกลมต่อไปแบบนี้มิใช่คำตอบ
แต่จู่ๆซือหยูก็ใจเต้นแรงเมื่อเห็นขวดแก้วลอยในแหวนมิติในขวดมีทรายสีทองทั้งหมดของเขาอยู่นั้น! ทรายกำลังกระโจนไปมาในขวดราวกับมีชีวิต
ก่อนหน้านี้ที่แท่นบูชาทรายเหล่านี้แสดงการเคลื่อนไหวประหลาดมาแล้ว และเมื่ออยู่ในป่า การเคลื่อนไหวแบบเดิมก็มากขึ้น ตอนนี้ทรายสีทองเกือบจะระเบิดออกมาจากขวดอยู่แล้ว!
ซือหยูใจเต้นแรงยิ่งขึ้นเมื่อเรียกทรายสีทองเต็มกำมือมาโปรยที่กลางอากาศ…ข้าเหลือแค่ทรายสีทองของเหยามู่เต๋าเหรินให้พึ่งแล้ว
และจู่ๆทรายสีทองเหล่านั้นก็ได้พุ่งไปยังส่วนลึกของป่าปีศาจร้างราวกับดาวตก ซือหยูลังเลสักครู่ก่อนจะเลือกตามไป เมื่อเขาหนีไม่ได้ เขาก็อาจจะต้องเข้าไปในป่าที่ลึกกว่าเดิม
ไม่นานซือหยูพบว่าไม่ว่าทรายสีทองจะไปทางไหนก็ไม่มีเถาวัลย์หรือกิ่งไม้ปรากฏขึ้นมาเลยราวกับว่าทรายทองนี้รู้เส้นทางปลอดภัย! นอกจากกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่พันแข้งขาเขาอยู่ก็ไม่มีกิ่งเถาใหม่มาเลยตลอดเส้นทาง!
ซือหยูแอบโล่งอกขณะที่ตามทรายสีทองต่อไปหลังจากรุดหน้ามาทั้งวัน ซือหยูไม่รู้เลยว่าทรายสีทองพาเขาไปที่ไหน เขารู้แต่ว่าที่นี่มีหมอกอำพันที่หนายิ่งกว่าเดิม สายตามิอาจมองได้ไปไกลกว่าสิบศอก
ยิ่งไปกว่านั้นทรายสีทองยังเร็วขึ้น ทำให้เขาช้าลงไม่ได้ มิเช่นนั้นทรายสีทองจะหายไปกับหมอกและเขาจะหลงทาง!
ปั้ง!
“อ๊าาา!”
ซือหยูไล่ตามทรายสีทองไปจนมีเงาทมิฬแล่นผ่านตาเขาพบมนุษย์หนึ่งคน!
ซือหยูที่เคลื่อนไหวเร็วมากมิอาจหลบได้ทันเวลาเขาจึงปะทะกับมนุษย์คนนี้ ร่างกายซือหยูนั้นแข็งแกร่ง ประกอบกับความเร็วสูงที่วิ่งเข้ามาทำให้การปะทะนั้นรุนแรงยิ่งกว่าถูกภูเขาหลายลูกกระแทกใส่!
ร่างนั้นกระเด็นออกไปหลังจากกระแทกกับซือหยูคนผู้นั้นกรีดร้องด้วยความกลัวและกระเด็นไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ร่างซือหยูเองก็ถลาไปข้างหน้ากระแทกเข้ากับคนผู้นั้นเป็นครั้งที่สอง!.ไอลีนโนเวล.
แม้ว่าจะมองไม่เห็นซือหยูก็ได้ยินเสียงคนกระอักเลือด ซือหยูก้าวไปที่ตอไม้และเตะขาทั้งสองข้างเพื่อกระโจนคว้าแขนของคนผู้นั้นอย่างแน่นหนา แขนที่คว้าได้มาบอบบางอ่อนนุ่มราวกับแขนเด็กผู้หญิง
ซือหยูเอนกายเด็กสาวลงพื้นแต่ไม่ได้เข้าใกล้นางเขาถอยหลังหนึ่งก้าวและสวมเกราะราชาศิลานิรันดร์ เพราะเขาคิดว่ามนุษย์คนใดก็ตามที่มาเจอในสถานที่อันตรายอย่างป่าปีศาจร้างจะต้องไม่ใช่คนดี!
หลังจากสวมเกราะเรียบร้อยซือหยูชายตามองเด็กสาว ในตอนนั้นเขาก็เกือบจะตะโกนร้องด้วยความตกใจ
“กล้าดียังไงมาชนข้า?โอ้ะ! เอวข้า…”
เสียงแหลมของเด็กที่โกรธเกรี้ยวดังจากปากชุ่มโลหิตของเด็กสาวร่างเล็ก
นางมองจ้องซือหยูที่อยู่ตรงหน้ากงซุนหวูซื่อเกือบจะกัดลิ้นเมื่ออุทาน
“ซือหยูเซี่ยน!นี่เจ้า!”
นางตกใจมากเมื่อได้เห็นเขา…อะไรกัน!ซือหยูเซี่ยนเข้าพิธีเซ่นอยู่ที่ด้านนอกไม่ใช่รึ? ทำไมเขาถึงวิ่งมาในป่าปีศาจร้างได้?
และที่สำคัญที่สุดก็คือทำไมเขาจะต้องมาไกลขนาดนี้และกระแทกกับนาง? นางโกรธแค้นซือหยูอยู่เสมอ และตอนนี้นางเกือบจะโดนวิ่งชนจนตายเพราะเขา อารมณ์ร้อนระอุของนางปะทุออกมา
“เจ้าโกรธแค้นอะไรข้ากัน?ทำไมเจ้าถึงต้องมาทำร้ายข้าตลอด?”
นางตะโกน
ในอดีตซือหยูทำลายเงาของนางในขั้นที่ห้าสิบและชิงสิทธิ์ของนางมา ต่อมาเขาก็ทำอนาจารนางในที่สาธารณะ และตอนนี้เขาก็วิ่งมาตลอดทางจนชนนางเกือบตาย!
ความโกรธของนางปะทุขึ้นมาถึงขีดสุด
“ข้าจะฆ่าเจ้าไอ้เวรเอ้ย!”
กงซุนหวูซื่อโกรธจนคลั่งนางไม่อยากจะเชื่อว่านางเอาตัวรอดได้ในป่าปีศาจร้างแต่เกือบตายด้วยมือซือหยูเซี่ยน! ในตอนนั้น กงซุนหวูซื่อเงื้อมือเล็กๆขึ้นเพื่อที่จะตบซือหยูแรงๆ
แต่แรงกระแทกทำให้นางบาดเจ็บการพุ่งเข้าตบซือหยูรังแต่จะทำให้นางบาดเจ็บหนักกว่าเดิม กงซุนหวูซื่อร้องครางด้วยความเจ็บปวด มือที่เงื้อขึ้นมาร่วงลงไปที่ข้างลำตัว
ซือหยูใจเต้นแรงเขารีบเรียกโอสถฟื้นฟูที่นำมาจากร้านตงหลินรินใส่ปากนางและมองรอบๆด้วยความระมัดระวัง
เขาพูด
“ข้าจะอธิบายทุกอย่างกับเจ้าทีหลังแต่ตอนนี้เงียบก่อน ที่นี่มีแต่ต้นไม้อสูร มันจะตามเสียงมาได้ง่ายๆ”
“ข้า…ไม่ต้องการ…โอสถบัดซบ…ของเจ้า…”
กงซุนหวูซื่อพูดออกมาอย่างยากลำบากโอสถในปากเริ่มออกฤทธิ์เข้าสู่ร่างกายและฟื้นฟูอวัยวะภายใน
กงซุนหวูซื่อทั้งอับอายและโกรธแค้นนางจ้องซือหยูด้วยความเกรี้ยวกราด ถ้าไม่ใช่เพราะนางบาดเจ็บสาหัส นางคงจะพุ่งเข้าไปจู่โจมซือหยูแล้ว
ในตอนนั้นเกราะของซือหยูเปล่งแสง มันเตือนเขาว่าอันตรายกำลังเข้ามาใกล้! ซือหยูโผเข้ากอดกงซุนหวูซื่อและกลิ้งลงไปกับพื้นโดยไม่ลังเล
ปั้ง!
จุดที่เขาเพิ่งจะย่อตัวลงเมื่อครู่ถูกพลังแข็งแกร่งกดจมลงไปเป็นหลุมลึกในพริบตาหลุมลึกนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ถ้าหากซือหยูไม่หลบ เขาคงจะตายไปแล้ว!
ซือหยูมองกลับไปและเห็นร่างลางๆที่หน้าตอไม้ด้านหลังมันค่อนข้างเป็นร่างที่เขาคุ้นเคย
ฟึ่บ!
ร่างงดงามพุ่งมาข้างหน้าใบหน้าปรากฏให้เห็น
“แม่นางหลิง!นี่เจ้าเองรึ!”
ซือหยูตกใจเมื่อเจอนางเขาคิด…นางจะเข้ามาที่นี่ด้วยทำไมกัน?
แม่นางหลิงจ้องมองซือหยูด้วยร่างที่สั่นและความโกรธแค้นนางบอกกงซุนหวูซื่อให้รอนางก่อนที่นางจะกลับมา
แต่เมื่อกลับมานางก็เดาจากสิ่งที่เห็นได้นางเห็นชายซัดร่างกงซุนหวูซื่อเข้ากับต้นไม้ จากที่นางเห็น นางเห็นว่าซือหยูกำลังปิดปากกงซุนหวูซื่อและคิดว่าเขากำลังทำมิดีมิร้าย!
“ซือหยูเซี่ยน!นี่เจ้า!!”
เมื่อแม่นางหลิงเห็นใบหน้าซือหยูชัดๆนางก็ตกตะลึง
เมื่อความคิดซัดแล่นเข้ามาใบหน้างดงามของนางก็แข็งราวกับหิน
“เจ้า…เจ้ามันหน้าด้านไอ้แก่ตัณหากลับ…ไอ้โจรชั่ว! เจ้าเข้ามาในป่าปีศาจร้างเพื่อไล่ลวนลามนาง! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ซือหยูถูกกล่าวหาพล่อยๆเขารีบอธิบาย
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด!โปรดใจเย็นลงก่อน”
“เข้าใจผิดเรอะ?มันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้ยังไง?”
แม่นางหลิงตะคอกเขาต่อไป
ซือหยูลดตามองและพบว่าเขากำลังจับเอวของกงซุนหวูซื่อด้วยมือหนึ่งข้างขณะที่มืออีกข้างนั้นแนบกับอกแบนของนางโดยไม่ตั้งใจ เมื่อมองดวงตาที่มีน้ำรินออกของกงซุนหวูซื่อ ซือหยูก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เห็นมันดูเลวร้ายแค่ไหน
ใบหน้าแก่เฒ่าของซือหยูแดงเขาผละมือออกด้วยความโกรธ
“มันเป็นเรื่องด่วน!ข้าคิดว่าเราถูกโจมตี! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
เมื่อเขาพยายามอธิบายเขาก็คิดในใจ…นางไม่มีเนินอกเหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าข้าจับนางส่วนไหนอยู่?
เมื่อปล่อยกงซุนหวูซื่อซือหยูทิ้งระยะห่างจากทั้งคู่ราวสิบห้าศอกเพื่อที่จะแน่ใจว่าเขาจะหายไปกับหมอกได้ตลอดเวลา ดูจากคำพูดเมื่อครู่ ซือหยูตระหนักได้ว่านางทั้งสองรู้จักกัน นั่นทำให้เขาสงสัย
กงซุนหวูซื่อเป็นศิษย์จากตำหนักโลหิตแม่นางหลิงเป็นเจ้าของโรงประมูลเทียนหยา ซือหยูจึงต้องคิด…ความสัมพันธ์ของพวกนางเป็นยังไงกันแน่?
ซือหยูนึกถึงหยกแก่นเพลิงที่กงซุนหวูซื่อมอบให้เขาอรหันต์ผีก็เคยพูดว่ามันคือสัญลักษณ์จากคนระดับสูงของโรงประมูลเทียนหยา
…หรือว่ากงซุนหวูซื่อจะเป็นคนของโรงประมูลเทียนหยา?กงซุนหวูซื่อผู้นี้น่าสงสัยยิ่งนัก!