ตอนที่ 282 ไม่มีอะไรสำคัญกว่าคนในครอบครัว

 

 

หลิ่วเฟยซวงพูดพลางชูแหวนหยกในมือ แหวนหยกยิ่งส่องประกายใต้แสงไฟ ไม่เสียทีที่หลิ่วเฟยอวิ๋นเลือกหินหยกที่ดีที่สุดมาทำ

 

 

“เอ๋ แหวนหยกนี่สวยจัง พวกเธอสามคนมีกันหมดเลย” ถึงตอนนี้คุณนายคนสวยจึงสังเกตเห็น แล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ แต่สีแบบนี้เหมาะสำหรับเด็กสาว สำหรับคนมีอายุอย่างเธอกำไลหยกเขียวหรือจี้หยกจะเหมาะกว่า

 

 

“ใช่ค่ะ นี่เป็นของตัวแทนของพวกเราสามพี่น้องค่ะ” หลิ่วเฟยซวงรีบอธิบายด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เสวี่ยฟังเฟยไปแล้ว ก็ได้เหอเย่ว์ที่ดีกว่ามาแทน

 

 

คุณนายคนสวยยิ้ม “มีความหมายดี ลูกต้องรักษาไว้ให้ดีนะ” จากนั้นก็เหลือบมองหลิ่วเฉิงที่กำลังครุ่นคิด

 

 

“คุณคะ เฟยอวิ๋นด้วย ซีเหมินหลงเซี่ยวคนนี้มีปัญหาอะไรเหรอ” เนื่องจากเธอเป็นคนไม่แต่งหน้า ที่ใช้ก็มีเพียงผงสีชาดและผงชิงไต้สำหรับเขียนคิ้วที่พบเห็นได้ไม่บ่อย ของเหล่านี้เธอสามารถใช้ดอกกุหลาบหรืออย่างอื่นที่หาได้ในสวนทำใช้เองได้ ดังนั้นจึงไม่รู้จักพวกเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในท้องตลาด ย่อมไม่รู้ว่าซีเหมินหลงเซี่ยวเป็นใครเป็นธรรมดา

 

 

“ไม่มีปัญหาหรอกครับ เขาเป็นซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ป เป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่มาก มี ผลกำไรมหาศาล” หลิ่วเฟยอวิ๋นอธิบาย

 

 

แต่พวกเขาจะบุกตลาดเครื่องหยก ทำไมไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน ถ้าจะทำ ก็น่าจะเล็งไปที่การค้าเพชรพลอยมากกว่า ทำไมถึงมาที่เมืองเอฟซึ่งไม่ใหญ่ไม่เล็กแบบนี้

 

 

“กำไรมหาศาล แต่ก็ต้องดูว่ามีปัญญาจะกลืนเข้าไปได้ไหม” ดวงตาหลิ่วเฉิงเป็นประกายวูบไหว เขาโยนนามบัตรลงบนโต๊ะรับแขก ความรู้สึกแปลกใจเมื่อครู่หายไปแล้ว

 

 

ตอนนี้หลิ่วเฟยอวิ๋นเองก็สงบลงไม่น้อย แต่ในใจยังคงตื่นเต้น ซีเหมินหลงเซี่ยวให้นามบัตรนี้ด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็จะได้รับเกียรติแบบนี้ นามบัตรนี้เท่ากับโอกาส ไม่ใช่จะให้กันตามใจชอบ

 

 

“หนูว่าที่คุณอาพูดมีเหตุผลมาก ซีเหมินหลงเซี่ยวคนนี้ที่ผ่านมาเราเคยเห็นทางทีวีและนิตยสาร เรารู้ดีถึงพลังการประชาสัมพันธ์ของเขา แต่เบื้องหลังของความสวยงามเป็นยังไงเราก็ไม่รู้ค่ะ”

 

 

สีหน้าเหอเย่ว์ดูจริงจัง ใจเธอไม่อยากให้หลิ่วเฟยอวิ๋นไปเกี่ยวข้องกับเขา ทันทีที่ประเทศซีกั๋วกำหนดตัวผู้สืบทอดบัลลังก์แล้ว ถ้าไม่ใช่ซีเหมินหลงเซี่ยวละก็ ธุรกิจของเขาต้องถูกเล่นงานแน่นอน

 

 

ถึงตอนนั้น ซีเหมินหลงเซี่ยวย่อมเป็นห่วงแค่บริษัทที่อยู่ในประเทศเท่านั้น ส่วนภายนอกคงถูกคนอื่นฮุบไป ถ้าต้องเสี่ยงร่วมมือกับเขา สู้ค่อยๆ ทำธุรกิจ เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า

 

 

เงียบไปครู่หนึ่ง อีลั่วเสวี่ยจึงแสดงความเห็นของตนบ้าง “เสี่ยวเย่ว์พูดถูกค่ะ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของไหลย่ากับร้านเครื่องหยกของเราห่างกันมากเกินไป ทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่เห็นค่ะ”

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นคิดทบทวน ที่จริงเขาใจเย็นลงแล้ว เขามองแหวนหยกบนนิ้วของหญิงสาวทั้งสาม หรือจะเป็นเพราะแหวนนี้ ตอนนั้นที่ซื้อดีไซน์แหวนต้นแบบมา เคยมีคนบอกว่าเป็นดีไซน์เลียนแบบแหวนโบราณอายุพันปีวงหนึ่ง เพราะสาเหตุนี้ซีเหมินหลงเซี่ยวจึงมาหาถึงที่ร้านใช่หรือเปล่า สมองหลิ่วเฟยอวิ๋นคิดอย่างรวดเร็ว แล้วก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา

 

 

เขามองทุกคนพลางยิ้มๆ “ทุกคนวางใจเถอะ ผมไม่ทำอะไรวู่วามแน่”

 

 

“งั้นก็ดีแล้ว พ่อไว้ใจลูก ที่จริงพ่อกับแม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกเป็นเศรษฐีพันล้าน ยืนอยู่ระดับสูงสุดของสังคมชั้นสูงอะไร ขอแค่ลูกๆ มีกินมีใช้ไม่เดือดร้อน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว” หลิ่วเฉิงอบรมลูกชาย

 

 

“พ่อ แม่ ผมเข้าใจดีครับ” หลิ่วเฟยอวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

 

เหมือนคำที่ว่า คนมามีเจตนาไม่ดี คนมีเจตนาดีไม่มา ซีอีโอของไหลย่ากรุ๊ปมาปรากฏตัวที่นี่ ลดตัวมาคุยธุรกิจกับเขา ดูแล้วคงไม่ใช่ธุรกิจธรรมดาแน่นอน

 

 

 

 

ตอนที่ 283 ราคาไม่น้อยใช่ไหม

 

 

“ลูกเข้าใจก็ดีแล้ว เงินน่ะค่อยๆ หาก็ได้ เป็นคนต้องมีหลักการอยู่บนความเป็นจริง สั่งสมความสามารถถึงระดับหนึ่งก็จะรุ่งขึ้นได้ อย่าคิดกินคำเดียวก็อ้วนทันที จะส่งผลต่อความอยากอาหาร ทำให้ต่อไปก็ไม่กล้ากินอะไรอีก”

 

 

สุดท้ายพอเป็นโรคกระเพาะอาหาร จะกินอะไรก็ต้องเลือก ย่อมส่งผลเสียต่อการเติบโตของตัวเอง

 

 

“พอเถอะๆ บอกคุณแล้วไงว่าอย่าเอาพวกทฤษฎีในราชการมาคุยที่บ้าน แถมยังจะอบรมลูกเรื่องธุรกิจอีก” คุณนายคนสวยไม่พอใจ ในความคิดเธอ บ้านเป็นสถานที่พักผ่อน ถ้าถกเรื่องพวกนี้ ก็จะไม่เหลือพื้นที่ให้ได้ผ่อนคลายแล้ว

 

 

หลิ่วเฉิงกับลูกชายทำท่าหงอ เงียบไปทันทีเมื่อถูกดุ

 

 

“ไม่พูดแล้วๆ ลูกชาย พ่อพูดแค่นี้แหละ ที่เหลือลูกก็ดูเอาแล้วกัน สรุปคือคิดให้รอบคอบก่อนทำ” เมื่อเห็นภรรยามีท่าทางไม่พอใจ หลิ่วเฉิงจึงรีบสรุปสั้นๆ

 

 

ถึงตรงนี้อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์เงยหน้าดูนาฬิกาแขวนผนังในห้องนั่งเล่น สองทุ่มครึ่งแล้ว ทั้งสองหันไปพยักหน้าให้กัน จากนั้นเหอเยว์ก็หยิบของอย่างหนึ่งออกมาจากถุงข้างโซฟา

 

 

“คุณอา คุณอาหญิงคะ นี่สำหรับคุณอาทั้งสองค่ะ ได้ยินว่าอาทิตย์ก่อนเป็นวันครบรอบวันแต่งงานของคุณอาทั้งสอง เรามอบของขวัญไม่ทัน ต้องขอโทษด้วยค่ะ คิดว่าตอนนี้มอบให้คงยังไม่สายนะคะ”

 

 

ของขวัญที่เหอเย่ว์มอบให้เป็นชุดกี่เพ้าเย็บด้วยมือกับผ้าคลุมไหล่ปักลาย ขนาดตัวให้หลิ่วเฟยซวงเอาชุดของแม่เธอมาวัด ส่วนของขวัญที่ให้หลิ่วเฉิงเป็นชุดน้ำชากับใบชา

 

 

“พวกเด็กๆ นี่เกรงใจเกินไปแล้ว” อีกฝ่ายบอกว่ามอบให้เป็นของขวัญครบรอบวันแต่งงาน หลิ่วเฉิงและภรรยาจึงรับไว้ด้วยความดีใจ เปิดดูทันที ต่างพอใจกับของขวัญมาก

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นมองเหอเย่ว์ด้วยความประทับใจ เธอมีความใส่ใจจริงๆ คงตั้งใจสืบดูแล้วว่าพ่อกับแม่ชอบอะไร

 

 

‘โอ้โห แม่คุณ คราวนี้ของขวัญของคุณก็จะไม่ค่อยมีความหมายแล้วสิ’ ตอนนี้ลูกบอลเงินที่เงียบมาตลอดอดล้อเลียนไม่ได้ ที่จริงมันเป็นห่วงว่าของขวัญของเธอจะถูกพวกเขาปฏิเสธ

 

 

อีลั่วเสวี่ยไม่ตอบ หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ เปิดออก เผยให้เห็นหยกม่วงแกะสลัก

 

 

“หยกม่วงนี้ หนูซื้อมาจากเพื่อนคนหนึ่งค่ะ ได้ยินว่าถ้าตั้งไว้ในบ้านจะช่วยหล่อเลี้ยงไอทิพย์ในบริเวณนั้น และใช้เป็นของประดับได้ด้วย หนูไม่รู้ว่าจะให้ของขวัญอะไรแก่คุณอาทั้งสองดี แต่หยกนี้สามารถเอามาตั้งประดับได้ หวังว่าคุณอาทั้งสองจะชอบค่ะ”

 

 

คุณนายคนสวยพอเห็นหยกม่วงแกะสลัก ดวงตาก็เป็นประกายทันที “ชอบจ้ะ หนุ่มสาวอย่างพวกเธอนี่ตั้งใจเลือกของกันจริงๆ อาไม่รู้จะขอบใจพวกเธอยังไงดี”

 

 

“เฟยเฟย ช่วยแม่เอาชุดไปเก็บในห้องหน่อย เฟยอวิ๋น หาที่วางหยกนี่ด้วย อย่าทำแตกหักนะ”

 

 

พอให้ลูกสองคนออกไปแล้ว คุณนายคนสวยก็ขยับเข้ามาใกล้ “พวกเธอสองคน คนหนึ่งยังเป็นนักศึกษา อีกคนเป็นทหาร ไม่ควรเสียเงินเสียทองมากมายขนาดนี้ เดี๋ยวนี้ของที่เป็นงานฝีมือราคาแพงมาก ยังมีลั่วเสวี่ยอีก หยกม่วงแกะสลักของเธอ ราคาไม่น้อยใช่ไหม”

 

 

หยกม่วงแกะสลักนี้ดูแล้วเป็นของเก่าแก่ทั้งยังฝีมือดีมาก ราคาทั่วไปคงซื้อไม่ได้แน่ ส่วนชุดกี่เพ้าก็เป็นงานเย็บด้วยมือทีละฝีเข็ม ไหนจะยังมีงานปักอีก

 

 

เหอเย่ว์กับอีลั่วเสวี่ยสบตากัน จากนั้นก็กุมมือคุณนายคนสวย “นี่ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ก็อย่างที่คุณอาผู้ชายบอกเมื่อกี้ เงินทองเป็นของหาได้ เราอายุยังน้อย มีเวลาถมไป อาหญิงไม่ต้องพูดแล้วค่ะ”

 

 

“ลั่วเสวี่ยพูดถูก ถ้าอาหญิงยังพูดอีก แสดงว่าไม่ชอบของขวัญที่เรามอบให้นะคะ”

 

 

“ไม่ๆๆ ไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกจ้ะ” เห็นอีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์ที่มีความคิดแปลกๆ พูดแบบนี้ คุณนายคนสวยก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก

 

 

หลิ่วเฉิงมองทั้งสองด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันไปมองภรรยา “ของพวกนี้เป็นน้ำใจของเด็กๆ คุณก็ไม่ต้องพูดแล้ว”