ตอนที่ 284 ไม่ค้างที่นี่เหรอ

 

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือน้ำใจ ทั้งเขาดูแล้ว เด็กสาวสองคนนี้ไม่ได้มีท่าทีลำบากใจ แสดงว่าพวกเธอมีกำลังที่จะซื้อหาของขวัญเหล่านี้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ต่อให้พวกเธอจะพูดอย่างไร พวกเขาก็ไม่รับไว้แน่นอน

 

 

ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ สำหรับพวกเขาแล้วหน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่เด็กสาวทั้งสองมาเที่ยวบ้านและเป็นเพื่อนที่ดีของลูกสาวตัวเอง ได้รู้ว่าชีวิตวันหน้าของลูกสาวจะมีเพื่อนแบบพวกเธอ คนเป็นพ่อแม่ย่อมสบายใจ

 

 

ถึงอย่างไรต่อไปพอลูกๆ โต ก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง

 

 

คุณนายคนสวยซึ่งก็คือหลี่เนี่ยนชิงพูดพลางหัวเราะเบาๆ “อาผู้ชายพูดอย่างนี้แล้ว ถ้าฉันยังพูดอะไรอีก เท่ากับเห็นพวกเธอเป็นคนนอก ยังไงก็ต้องขอบใจพวกเธอนะ ต่อไปเฟยเฟยมีเรื่องอะไร ต้องฝากให้พวกเธอช่วยดูแลด้วย ยายหนูถูกเราตามใจจนเคยตัว ไม่รู้ความอะไรเลย”

 

 

“แม่อะ พูดเบาๆ หน่อยไม่ได้เหรอ หนูอยู่ไกลขนาดนี้ยังได้ยินเลยนะ” หลิ่วเฟยซวงซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเบ้ปาก แต่ใบหน้ามีรอยยิ้ม เดินมายืนเบียดข้างหลี่เนี่ยนชิง

 

 

“ได้ยินแล้วจะทำไม ที่แม่พูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ลูกปฏิเสธก็ไม่มีประโยชน์ สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของลูก ยังจะกลัวว่าเพื่อนจะเอาไปพูดเหรอ” หลี่เนี่ยนชิงพูดหยอกล้อ

 

 

หลิ่วเฟยซวงเบ้ปาก “ไม่ใช่ปัญหานี้สักหน่อย แค่รู้สึกว่าหนูไม่มีข้อดีสักนิด เฮ้อ แม่นะแม่ พูดข้อดีของหนูหน่อยไม่ได้หรือไง”

 

 

“ข้อดี แม่ ผมว่าเจ้าหญิงน้อยบ้านเรามีข้อดีก็คือซื่อบื้อ ทุกคนเห็นด้วยไหมครับ” หลิ่วเฟยอวิ๋นวางหยกม่วงแกะสลักไว้ในจุดที่สะดุดตาในห้องนั่งเล่น กำลังใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด พอได้ยินจึงหันมาพูดเสริม

 

 

หลิ่วเฉิงและภรรยาสบตากัน แล้วพยักหน้า “ว่าอย่างนั้นก็ได้ ซื่อบื้อได้น่ารักไง”

 

 

หลิ่วเฟยซวงไม่พอใจ “หนูคงไม่ใช่ลูกแท้ๆ แน่ ดูทุกคนสิ วันนี้ถือโอกาสรุมรังแกหนูใช่ไหม นิสัยไม่ดี”

 

 

ทั้งครอบครัวสี่คนพ่อแม่ลูกพูดจาหยอกล้อกัน ทำให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นพิเศษ อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์อดนึกอิจฉาไม่ได้

 

 

“เธอพูดอย่างนี้ไม่ถูกนะ ฉันกับเสี่ยวเย่ว์ไม่ได้รังแกเธอสักหน่อย จริงไหมเสี่ยวเย่ว์” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม

 

 

เหอเย่ว์นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้าทันที “จริงด้วย เฟยเฟย เราสองคนอยู่ข้างเธอนะ ไม่พูดโจมตีเธอเด็ดขาด…”

 

 

“พวกเธอดีจริงๆ!” หลิ่วเฟยซวงหันมากอดเหอเย่ว์เต็มรักด้วยความตื่นเต้นดีใจ

 

 

เหอเย่ว์โผล่หน้าออกมา กลอกตาใส่ พลางพูดว่า “ฉันแค่พูดเงียบๆ ในใจ เธอไม่ได้ยินหรอก”

 

 

“…” แบบนี้มันต่างกันตรงไหน เท่ากับโรยเกลือบนแผลชัดๆ

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นได้ยินก็เห็นพ้องทันที “วิธีนี้เข้าท่า”

 

 

ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันอย่างนี้เกือบครึ่งชั่วโมง พอเห็นว่าใกล้จะสามทุ่มแล้ว เหอเย่ว์จึงสบตากับอีลั่วเสวี่ย แล้วขอตัวลากลับ

 

 

“คุณอา อาหญิง เฟยเฟย ดึกแล้ว เราคงต้องกลับกันแล้วค่ะ”

 

 

“กลับ พวกเธอไม่นอนที่นี่เหรอ” หลิ่วเฟยซวงประหลาดใจ เธอเตรียมจะไปจัดเตียงให้ คืนนี้จะได้คุยกันเต็มที่

 

 

อีลั่วเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก ฉันยังมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย พรุ่งนี้เช้าถ้าเธออยากไปเที่ยวไหน โทร.มาได้เลย” เธอไม่คุ้นกับการนอนค้างบ้านคนอื่น โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายอาศัยอยู่กับคนในครอบครัว

 

 

แต่บ้านสกุลเฉวียนนั้นไม่เหมือนกัน ตอนนั้นเธอไม่มีทางเลือก ทั้งฐานะของเธอคือภรรยาตามกฎหมายของเฉวียนหมิง อาจเพราะใจยอมรับโดยไม่รู้ตัว เธอจึงอาศัยในคฤหาสน์หลังนั้นโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวง ไม่เหมือนกับตอนนี้

 

 

“ลั่วเสวี่ยพูดถูก เฟยเฟย พรุ่งนี้เราไปช้อปปิ้งกันก็ได้ แต่คืนนี้ฉันต้องกลับจริงๆ พ่อแม่ฉันอยู่บ้านกันตามลำพังคงจะเหงา”

 

 

 

 

ตอนที่ 285 เฟยอวิ๋นไปส่งพวกเธอสิ

 

 

คืนนี้ได้เห็นครอบครัวของหลิ่วเฟยซวงรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างมีความสุข ในใจเหอเย่ว์คิดถึงพ่อกับแม่ เธอไปเป็นทหารหลายปี พ่อแม่คงคิดถึงเธอมาก

 

 

เวลานี้เธอกลับมา ใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ก็นับว่าไม่น้อย แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับไม่พอ เธอต้องกลับบ้าน ใช้โอกาสนี้อยู่กับพวกท่านให้มากหน่อย ไปสัมผัสชีวิตมหาวิทยาลัยมากพอแล้ว

 

 

“พรุ่งนี้เธอค่อย…” หลิ่วเฟยซวงจะบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ก็ได้ แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหลี่เนี่ยนชิงขัดขึ้น

 

 

“เสี่ยวเย่ว์กตัญญูอย่างนี้ อาภูมิใจแทนพ่อแม่เธอจริงๆ ไม่ต้องห่วงเฟยเฟยหรอกจ้ะ เฟยอวิ๋น ลูกไปส่งพวกเธอกลับนะ ต้องส่งให้ถึงบ้านเลย”

 

 

ถึงตอนนี้ดูเหมือนหลิ่วเฟยซวงจะเข้าใจอะไรแล้ว จึงแลบลิ้นออกมา ยังดีที่เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่อย่างนั้นเพื่อนซี้อาจเคืองเอาได้

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นไปห้องครัวล้างมือแล้วเดินออกมา “วางใจได้ครับแม่ ผมจะส่งพวกเธอถึงบ้านทีละคนเลย” ว่าพลางเดินมาข้างตัวอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์

 

 

“งั้นคุณอา อาหญิง เราไปก่อนนะคะ”

 

 

หลี่เนี่ยนชิงยิ้มพลางพยักหน้า “ขับรถระวังด้วย เฟยอวิ๋น ขับช้าหน่อยนะ ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ถึงบ้านแล้วโทร.บอกด้วยนะจ๊ะ”

 

 

ลูกตัวเองออกไปข้างนอก เธอยังเป็นห่วง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกคนอื่น พวกเธอมาเป็นแขกที่บ้าน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย

 

 

“โทร.มาหาฉันนะ ฉันจะรอโทรศัพท์จากพวกเธอว่าถึงบ้านปลอดภัยแล้วถึงจะเข้านอน” หลิ่วเฟยซวงรีบพูด แต่แววตายังละห้อย เธออยากให้อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ค้างด้วยจริงๆ

 

 

เฮ้อ ทำไมต้องกลับด้วยนะ แย่จริง

 

 

“ได้ เรารู้แล้ว” อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์รับรอง ทั้งสองเดินไปที่ประตู หลิ่วเฟยซวงและพ่อแม่เดินตามมาส่ง เมื่อรถแล่นออกไป มองจากกระจกยังเห็นพวกเขายืนอยู่ที่หน้าประตู อีลั่วเสวี่ยเม้มปาก ยื่นมือออกไปโบกนอกหน้าต่าง พวกเขาจึงกลับเข้าบ้าน

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นเหลือบมองอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ผ่านกระจกมองหลัง ในรถมืดสลัว มองสีหน้าพวกเธอไม่ชัด แต่ดูเหมือนเขาจะมองเห็นดวงตาที่เจิดจ้าในความมืดคู่นั้นได้

 

 

“พวกคุณสองคนจะไปไหน ใครอยู่ใกล้ที่นี่กว่า” ได้ยินว่าอีลั่วเสวี่ยไม่ได้อยู่กับเฉวียนหมิงแล้ว ไม่รู้ว่าเธอพักที่ไหน น้องสาวเคยพูดถึง แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแน่ๆ

 

 

ส่วนเหอเย่ว์นั้น เขารู้จักบ้านเธอ แต่ตามมารยาทก็ต้องถามด้วย

 

 

“ฉันอยู่ใกล้กว่า ส่งฉันก่อนค่ะ” อีลั่วเสวี่ยกลอกตา เหอเย่ว์ได้ยินแต่ไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า

 

 

“งั้นส่งลั่วเสวี่ยก่อน”

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียดายแต่ยังคงยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่มีปัญหา แต่ผมไม่รู้ว่าคุณพักที่ไหน ลั่วเสวี่ย” ถ้ารู้ว่าเธออยู่ไหน ต่อไปจะตามหาเธอก็มีโอกาสมากขึ้น

 

 

“คฤหาสน์ชานเมือง ถนน XX” นี่เป็นบ้านเก่าของตระกูลอวิ๋น เป็นที่ตั้งคฤหาสน์สกุลอวิ๋น

 

 

“คฤหาสน์ชานเมือง ถนน XX? ลั่วเสวี่ยคุณอยู่ที่นั่นเหรอ” บ้านที่นั่นดูเหมือนจะไม่ขายให้คนนอก เหมือนจะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล มีคนคอยเฝ้า หลิ่วเฟยอวิ๋นนึกสงสัย แต่เห็นท่าทางอีลั่วเสวี่ยไม่อยากพูดถึง เขาจึงไม่ถามต่อ

 

 

ทั้งสามคนในรถไม่พูดคุยกัน บรรยากาศจึงอึดอัดเล็กน้อย ส่วนอีลั่วเสวี่ยนั่งหลับตา ท่าทางเหมือนจะเพลีย

 

 

อีลั่วเสวี่ยรู้ว่าหลิ่วเฟยอวิ๋นคิดอย่างไร เพราะเหตุนี้เธอจึงต้องแสดงท่าทีชัดเจนกับเขา ให้เขารู้ว่าตัวเธอไม่รู้สึกอะไรกับเขา

 

 

เวลานี้ในใจเธอคิดเพียงจะลองเปิดช่องเล็กๆ ให้เฉวียนหมิง แต่จะไม่ให้ใครอื่นเข้ามาเด็ดขาด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหนานหลิวเฟิงหรือหลิ่วเฟยอวิ๋น ก็ต้องไม่ให้ความหวังใดๆ กับพวกเขา

 

 

 

 

ตอนที่ 285 เฟยอวิ๋นไปส่งพวกเธอสิ

 

 

 

 

คืนนี้ได้เห็นครอบครัวของหลิ่วเฟยซวงรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างมีความสุข ในใจเหอเย่ว์คิดถึงพ่อกับแม่ เธอไปเป็นทหารหลายปี พ่อแม่คงคิดถึงเธอมาก

 

 

เวลานี้เธอกลับมา ใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ก็นับว่าไม่น้อย แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับไม่พอ เธอต้องกลับบ้าน ใช้โอกาสนี้อยู่กับพวกท่านให้มากหน่อย ไปสัมผัสชีวิตมหาวิทยาลัยมากพอแล้ว

 

 

“พรุ่งนี้เธอค่อย…” หลิ่วเฟยซวงจะบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ก็ได้ แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหลี่เนี่ยนชิงขัดขึ้น

 

 

“เสี่ยวเย่ว์กตัญญูอย่างนี้ อาภูมิใจแทนพ่อแม่เธอจริงๆ ไม่ต้องห่วงเฟยเฟยหรอกจ้ะ เฟยอวิ๋น ลูกไปส่งพวกเธอกลับนะ ต้องส่งให้ถึงบ้านเลย”

 

 

ถึงตอนนี้ดูเหมือนหลิ่วเฟยซวงจะเข้าใจอะไรแล้ว จึงแลบลิ้นออกมา ยังดีที่เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่อย่างนั้นเพื่อนซี้อาจเคืองเอาได้

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นไปห้องครัวล้างมือแล้วเดินออกมา “วางใจได้ครับแม่ ผมจะส่งพวกเธอถึงบ้านทีละคนเลย” ว่าพลางเดินมาข้างตัวอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์

 

 

“งั้นคุณอา อาหญิง เราไปก่อนนะคะ”

 

 

หลี่เนี่ยนชิงยิ้มพลางพยักหน้า “ขับรถระวังด้วย เฟยอวิ๋น ขับช้าหน่อยนะ ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ถึงบ้านแล้วโทร.บอกด้วยนะจ๊ะ”

 

 

ลูกตัวเองออกไปข้างนอก เธอยังเป็นห่วง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกคนอื่น พวกเธอมาเป็นแขกที่บ้าน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย

 

 

“โทร.มาหาฉันนะ ฉันจะรอโทรศัพท์จากพวกเธอว่าถึงบ้านปลอดภัยแล้วถึงจะเข้านอน” หลิ่วเฟยซวงรีบพูด แต่แววตายังละห้อย เธออยากให้อีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ค้างด้วยจริงๆ

 

 

เฮ้อ ทำไมต้องกลับด้วยนะ แย่จริง

 

 

“ได้ เรารู้แล้ว” อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์รับรอง ทั้งสองเดินไปที่ประตู หลิ่วเฟยซวงและพ่อแม่เดินตามมาส่ง เมื่อรถแล่นออกไป มองจากกระจกยังเห็นพวกเขายืนอยู่ที่หน้าประตู อีลั่วเสวี่ยเม้มปาก ยื่นมือออกไปโบกนอกหน้าต่าง พวกเขาจึงกลับเข้าบ้าน

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นเหลือบมองอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์ผ่านกระจกมองหลัง ในรถมืดสลัว มองสีหน้าพวกเธอไม่ชัด แต่ดูเหมือนเขาจะมองเห็นดวงตาที่เจิดจ้าในความมืดคู่นั้นได้

 

 

“พวกคุณสองคนจะไปไหน ใครอยู่ใกล้ที่นี่กว่า” ได้ยินว่าอีลั่วเสวี่ยไม่ได้อยู่กับเฉวียนหมิงแล้ว ไม่รู้ว่าเธอพักที่ไหน น้องสาวเคยพูดถึง แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแน่ๆ

 

 

ส่วนเหอเย่ว์นั้น เขารู้จักบ้านเธอ แต่ตามมารยาทก็ต้องถามด้วย

 

 

“ฉันอยู่ใกล้กว่า ส่งฉันก่อนค่ะ” อีลั่วเสวี่ยกลอกตา เหอเย่ว์ได้ยินแต่ไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้า

 

 

“งั้นส่งลั่วเสวี่ยก่อน”

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียดายแต่ยังคงยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่มีปัญหา แต่ผมไม่รู้ว่าคุณพักที่ไหน ลั่วเสวี่ย” ถ้ารู้ว่าเธออยู่ไหน ต่อไปจะตามหาเธอก็มีโอกาสมากขึ้น

 

 

“คฤหาสน์ชานเมือง ถนน XX” นี่เป็นบ้านเก่าของตระกูลอวิ๋น เป็นที่ตั้งคฤหาสน์สกุลอวิ๋น

 

 

“คฤหาสน์ชานเมือง ถนน XX? ลั่วเสวี่ยคุณอยู่ที่นั่นเหรอ” บ้านที่นั่นดูเหมือนจะไม่ขายให้คนนอก เหมือนจะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล มีคนคอยเฝ้า หลิ่วเฟยอวิ๋นนึกสงสัย แต่เห็นท่าทางอีลั่วเสวี่ยไม่อยากพูดถึง เขาจึงไม่ถามต่อ

 

 

ทั้งสามคนในรถไม่พูดคุยกัน บรรยากาศจึงอึดอัดเล็กน้อย ส่วนอีลั่วเสวี่ยนั่งหลับตา ท่าทางเหมือนจะเพลีย

 

 

อีลั่วเสวี่ยรู้ว่าหลิ่วเฟยอวิ๋นคิดอย่างไร เพราะเหตุนี้เธอจึงต้องแสดงท่าทีชัดเจนกับเขา ให้เขารู้ว่าตัวเธอไม่รู้สึกอะไรกับเขา

 

 

เวลานี้ในใจเธอคิดเพียงจะลองเปิดช่องเล็กๆ ให้เฉวียนหมิง แต่จะไม่ให้ใครอื่นเข้ามาเด็ดขาด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหนานหลิวเฟิงหรือหลิ่วเฟยอวิ๋น ก็ต้องไม่ให้ความหวังใดๆ กับพวกเขา