ตอนที่ 286 พ่อเธอให้

 

 

“ในรถอึดอัดไปไหม อยากเปิดหน้าต่างไหม” หลิ่วเฟยอวิ๋นเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ที่จริงเขาแค่อยากทำลายความเงียบเท่านั้น เงียบแบบนี้ทำให้เขาคิดฟุ้งซ่าน

 

 

ดวงตาเหอเย่ว์เป็นประกาย รับว่าอืมคำหนึ่ง เขาจึงเปิดหน้าต่างข้างอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์เล็กน้อย ลมเย็นพัดเข้ามา ทำให้ความคิดของทั้งสามคนปลอดโปร่งขึ้น

 

 

“ถนน XX ที่นี่ใช่ไหม” หลิ่วเฟยอวิ๋นเลี้ยวเข้ามาในถนนกว้างสายหนึ่ง คงเพราะแถบนี้ไม่ใช่ถนนที่พลุกพล่าน จึงมีรถผ่านไปมาไม่มาก

 

 

สองข้างทางมีอาคารพาณิชย์ และเป็นเขตที่พักอาศัย ที่นี่ก็คือถนน XX ที่อีลั่วเสวี่ยบอก หรือว่าเธอกลับมาพักที่บ้านสกุลอีแล้ว

 

 

อีลั่วเสวี่ยลืมตา รอยยิ้มผุดขึ้นช้าๆ “ไม่ใช่แถวนี้ค่ะ เป็นคฤหาสน์ตรงสุดถนน ขับตรงไปเลย ยังต้องขับต่ออีกหลายนาทีค่ะ” ถ้าบอกว่าคฤหาสน์ตั้งอยู่บนถนน XX ความจริงแล้วควรจะพูดว่าอยู่ในแถบสวนสาธารณะจะถูกต้องกว่า

 

 

เมื่อหลิ่วเฟยอวิ๋นจอดรถ เขาก็รู้สึกแปลกใจ “ลั่วเสวี่ย คุณพักที่นี่เหรอ” รอบๆ ไม่มีบ้านเรือน เขาจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

 

 

ราคาที่ดินที่นี่ยังสูงกว่าแถบคฤหาสน์ของเฉวียนหมิงในเมืองเอฟเสียอีก ภูเขาทั้งลูกเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล รอบๆ ล้อมกำแพงสูง ห่างออกมาเล็กน้อยยังมีรั้วไฟฟ้า แม้แต่ขโมยก็ไม่กล้ามายุ่มย่าม

 

 

“ใช่ ตอนนี้ที่นี่เป็นบ้านฉัน วันหลังถ้าพวกคุณจะมาหาฉันก็มาที่นี่ได้เลย” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม เธอเปิดประตูรถ หิ้วกระเป๋าลงจากรถไป แล้วปิดประตูเบาๆ

 

 

“อ้อ” หลิ่วเฟยอวิ๋นพยักหน้าด้วยความแปลกใจ ในหัวคิดว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้อย่างไร ก่อนหน้านี้ยุ่งอยู่กับธุรกิจจนไม่มีเวลาถามข่าวคราวของเธอ ฟังจากที่น้องสาวเล่าเท่านั้น

 

 

ดวงตาเหอเย่ว์วาวโรจน์ “ลั่วเสวี่ย เมื่อไหร่เธอจะพาเราเข้าไปเยี่ยมชมหน่อยล่ะ” ได้ยินพ่อบอกว่าคฤหาสน์ประจำตระกูลของแม่ทัพอวิ๋นสวยเป็นเอกลักษณ์มาก คิดแล้วน่าจะจริง

 

 

“ได้สิ ดูว่าเมื่อไหร่พวกเธอมีเวลาว่าง” อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้วโบกมือลา จากนั้นก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์

 

 

พวกเขาเห็นยามโค้งให้อีลั่วเสวี่ย และให้เธอเข้าไป

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นถอนสายตากลับมา “ไปเถอะ ผมไปส่งคุณ” เขาแน่ใจว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่ใช่ของสกุลเฉวียน เฉวียนหมิงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ แต่เธอเข้าไปอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

 

 

เหอเย่ว์เหมือนจะดูออกว่าหลิ่วเฟยอวิ๋นแปลกใจ เธอขยับปากจะพูด สุดท้ายก็พูดออกมา “คุณคงแปลกใจว่าทำไมลั่วเสวี่ยถึงอยู่ที่นี่ใช่ไหม”

 

 

“คุณรู้เหรอ” พอหลิ่วเฟยอวิ๋นพูดออกไป จึงรู้ตัวว่าแสดงอาการตื่นเต้นมากเกินไป ออกจะเสียกิริยา จึงรีบปรับสีหน้าท่าทีให้เป็นปกติ ปิดบังความตื่นเต้นในใจ

 

 

น่าเสียดายที่เหอเย่ว์สังเกตเห็นหมดแล้ว ในใจอดสะท้านด้วยความขมขื่นไมได้ หนานหลิวเฟิงปักใจอยู่กับลั่วเสวี่ยไม่ยอมลืม หลิ่วเฟยอวิ๋นก็เหมือนกัน

 

 

เธอไม่อิจฉา เพราะเธอเห็นข้อดีของอีลั่วเสวี่ย แต่ลั่วเสวี่ยมีเฉวียนหมิงอยู่แล้ว หรือคนพวกนี้มองไม่ออก

 

 

“เหอเย่ว์ คุณรู้เหรอว่าทำไมลั่วเสวี่ยถึงอยู่ที่นี่” หลิ่วเฟยอวิ๋นเห็นเหอเย่ว์ไม่พูด จึงชะลอรถลงเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม

 

 

ได้ยินเสียงหลิ่วเฟยอวิ๋น เหอเย่ว์จึงหลุดจากอาการใจลอย “อ้อ รู้สิ ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนั้นครึ่งหนึ่ง เท่าที่ฉันรู้ น่าจะได้หลักฐานรับรองเร็วๆ นี้แหละ”

 

 

อวิ๋นเว่ยรักและเอ็นดูเธอมาก เขาคงเตรียมเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว แต่เพราะอีลั่วเสวี่ยเป็นคนที่นิสัยดึงดัน เขาจึงยังไม่เอาออกมาแสดงเท่านั้น เธอได้ยินพ่อพูดถึงแม่ทัพคนนี้มาตั้งแต่เล็ก จนตอนหลังเธอก็กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ของครูฝึกคนนี้

 

 

“เพราะอะไร” ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าใจ

 

 

เหอเย่ว์ตอบโดยไม่ต้องคิด “เพราะคฤหาสน์หลังนี้เป็นของพ่อบุญธรรมของเธอ เขารักพี่ลั่วเสวี่ยมาก แน่นอนว่ายอมยกสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ”

 

 

 

 

ตอนที่ 287 เด็กสาวนั่นไม่เลว

 

 

“พ่อบุญธรรม? พ่ออุปถัมภ์ ลั่วเสวี่ยมีพ่อบุญธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้ ผมจำได้ว่าเธอมีพ่อแม่บุญธรรม แต่เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก” หลิ่วเฟยอวิ๋นมุ่นคิ้วอย่างงุนงง

 

 

ในใจเกิดความรู้สึกรับไม่ได้ แต่ก็คอยบอกกับตัวเองว่าอีลั่วเสวี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น

 

 

แน่นอนว่าเหอเย่ว์ไม่ได้คิดมากอย่างนั้น ในเมื่อหลิ่วเฟยอวิ๋นอยากรู้ เธอย่อมอธิบาย “สักสองเดือนก่อนน่ะ พ่อบุญธรรมของเธอเป็นเพื่อนเก่าแก่ของครอบครัวเฟิงฉี่ ไม่มีลูก ภรรยาตายนานแล้ว บอกว่ารู้สึกถูกชะตากับพี่ลั่วเสวี่ย ก็เลยรับมาเป็นลูกสาวบุญธรรม เธอเองก็ไม่ปฏิเสธ”

 

 

“คุณหมายถึงเฟิงฉี่ของหลิงเป่าถัง สกุลเฟิงเหรอ” เขารู้จักร้านเก่าแก่นี้ มีชื่อเสียงด้านการแพทย์แผนจีนมาก คนในวงสังคมชั้นสูงมารับการรักษาและดูแลสุขภาพกับหมอที่นี่

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาใช้การแพทย์แผนจีนร่วมกับการแพทย์แผนตะวันตก ผลการรักษาดีมาก เป็นที่ชื่นชมของผู้คนไม่น้อย

 

 

“เมืองเอฟยังมีสกุลเฟิงอื่นด้วยเหรอ” เหอเย่ว์ยิ้มที่มุมปาก แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ดูงดงามเป็นพิเศษราวกับดอกถานฮวาที่บานยามราตรี

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นเข้าใจแล้ว “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง แล้วทำไมคุณถึงเรียกเธอว่าพี่” เหอเย่ว์น่าจะอายุมากกว่าลั่วเสวี่ยเล็กน้อย แต่ทำไมฟังแล้วถึงไม่รู้สึกขัดหูนะ แปลกจริง

 

 

“เพราะฉันนับถือเธอมาก แต่เธอไม่ให้ฉันเรียกว่าพี่ บอกว่าเรียกแล้วแก่” เพราะอยู่ๆ พูดเรื่องนี้กับหลิ่วเฟยอวิ๋น จึงนึกขึ้นได้ว่าพ่อเคยกำชับไม่ให้พูดถึงฐานะคุณหนูใหญ่และความสามารถของเธอ เหอเย่ว์จึงบอกว่าตัวเองยอมรับเธอเป็นพี่สาว

 

 

“เท่านี้เองเหรอ” หลิ่วเฟยอวิ๋นไม่ค่อยเชื่อนัก รู้สึกว่าเหอเย่ว์ปิดบังอะไรเขาอยู่

 

 

เหอเย่ว์กลอกตา “อ้อ มีอีก เฉวียนหมิงกับครอบครัวพ่อบุญธรรมของพี่ลั่วเสวี่ยมีสัญญาหมั้นหมายกัน ได้ยินว่าพ่อบุญธรรมของเธอพอใจกับเรื่องนี้มาก” ที่พูดได้ก็มีแค่นี้แล้ว

 

 

ในฐานะคนของกองทัพภาคสิบสอง เธอไม่สามารถเอ่ยถึงฐานะและอิทธิพลของอวิ๋นเว่ยมากเกินไป เพราะถ้าหลิ่วเฟยอวิ๋นเผลอพูดออกไป เกรงว่าอาจทำให้ตัวเขาเองและอีลั่วเสวี่ยเดือดร้อนได้

 

 

คนทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบฐานะคนของกองทัพภาคสิบสองได้ ต่อให้เป็นแค่นายทหารเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ความจริงมีอิทธิพลมากกว่านายทหารทั่วไปมาก

 

 

“อ้อ งั้นเหรอ” ที่แท้ยังมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอย่างนี้ หรือว่านี่เป็นวาสนา เธอรับพ่อบุญธรรม แต่คิดไม่ถึงว่าสองครอบครัวเคยมีการหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เล็ก ตอนนี้ก็ยิ่งดูมีเหตุผลมากขึ้น

 

 

หลิ่วเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไรอีก เขาเหยียบคันเร่ง รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

“อืม…” เหอเย่ว์เองก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน ปล่อยให้หลิ่วเฟยอวิ๋นขับรถพาเธอไปส่งบ้าน

 

 

อีกด้านหนึ่ง ทางหลิ่วเฟยซวงกับพ่อแม่เธอ พอเข้ามาในบ้าน พ่อกับแม่ก็รั้งตัวลูกสาวไว้

 

 

“พ่อ แม่ จะทำอะไรคะ” หลิ่วเฟยซวงทำตาโต ทำไมต้องใช้สายตามองหนูอย่างกับจะสอบสวนคนร้ายด้วย หรือว่าวันนี้พ่อกับแม่แกล้งทำเป็นชอบเสวียเสวี่ยกับเสี่ยเย่ว์ แต่ความจริงไม่พอใจ ไม่หรอกน่า สองคนนั่นก็ทำตัวดีออก

 

 

เพื่อนที่ฉันชอบ พ่อกับแม่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเกลียดอยู่แล้ว

 

 

หลี่เนี่ยนชิงยิ้มอ่อนโยน มือข้างหนึ่งดึงลูกสาวไว้ “เฟยเฟย คิดไม่ถึงว่าลั่วเสวี่ยที่ลูกพูดถึงตลอดจะเป็นเด็กดีรู้ความอย่างนี้ ลูกน่าจะพามาให้เรารู้จักนานแล้ว”

 

 

“หนูก็อยากพามาค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสเลย ตอนหลังก็มีแต่เรื่องติดขัดอยู่เรื่อย” เมื่อก่อนพออีลั่วเสวี่ยว่างก็ต้องไปทำงานพิเศษ เธอไม่อาจให้เพื่อนหยุดงานเพื่อมาเที่ยวเล่น ต่อให้ชวน อีกฝ่ายก็คงไม่ตกลงแน่

 

 

ต่อมาเธอไม่ต้องทำงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่ายุ่งอะไรอยู่ หรือเพราะเฉวียนหมิงพาตัวเธอไป ช่วงปิดเทอมก็เจอกันไม่กี่ครั้ง จนเวลาผ่านมาถึงเดี๋ยวนี้