ตอนที่ 288 ลูกต้องคว้าโอกาสให้ดี
หลิ่วเฉิงเลิกคิ้ว มองลูกสาวด้วยสีหน้าสงสัย “ลูกสาว ทำไมพ่อรู้สึกว่าลูกตั้งใจไม่มากพอล่ะ ก่อนหน้านี้บอกว่าจะแนะนำเพื่อนให้พี่ชาย แต่ไม่เคยเห็นลูกทำจริงจังเลย จริงสิ คนที่ชื่อลั่วเสวี่ยรู้จักเฟยอวิ๋นใช่ไหม พวกเขาสองคนเป็นยังไงบ้าง” วันนี้เห็นลูกชายมองเด็กสาวคนนั้นแทบจะตลอดเวลา เขาในฐานะพ่อก็สังเกตเห็น
แววตาแบบนั้นเห็นชัดว่ารู้สึกชอบพอ แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจ ควรให้ลูกสาวพาเธอมาเที่ยวบ่อยๆ ได้มาเจอพ่อแม่อย่างพวกเขาที่เปิดใจกว้างเข้าหาง่าย สำหรับเด็กสาวแล้วต้องชอบแน่ เดี๋ยวนี้ในสังคมมีแต่ข่าวที่ลูกสะใภ้เข้ากับพ่อแม่สามีไม่ได้ แต่ถ้ามาอยู่บ้านพวกเขา จะไม่มีเรื่องทำนองนี้แน่
อีกอย่างเด็กสาวคนนั้น ยิ่งดูก็ยิ่งน่าชื่นชม มีกิริยามารยาท ดูออกทันทีว่าเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
เด็กว่านอนสอนง่าย? ถ้าลูกบอลเงินได้ยินคำนี้ คงขำกลิ้งแน่ ถ้าอีลั่วเสวี่ยเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย คนมากมายทั่วโลกก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายแล้ว เพราะเธอนี่แหละที่วางยาพิษเล่นงานคนถึงตายรวดเดียวหลายสิบคน ทั้งยังตรวจไม่เจอพิษด้วย นี่ไม่ใช่วิธีการของเด็กว่านอนสอนง่ายแน่นอน
สู้บอกว่าเธอเป็นเด็กปีศาจน่าจะมีเหตุผลกว่า ถึงอย่างไรฉายาหมอปีศาจก็ไม่ใช่ว่าใครจะทำตัวให้สมชื่อได้
พอพูดถึงเรื่องนี้หลิ่วเฟยซวงก็ถอนหายใจ “อย่าพูดเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอก ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจพี่สักนิด”
“ไม่ต้องรีบร้อน เรื่องความรักค่อยๆ บ่มเพาะได้ เธอคงยังไม่เห็นข้อดีของพี่ชายลูก หรือไม่ก็อาจเพราะเฟยอวิ๋นไม่ได้แสดงท่าทีให้เห็น”
ไม่น่าใช่ เจ้าลูกชายอยู่เมืองนอกหลายปี ตามหลักน่าจะเป็นคนที่เปิดเผยจึงจะถูก
หลิ่วเฟยซวงถอนหายใจหนักๆ “ถ้าให้พูดชัดๆ หนูคงอธิบายตอนนี้ได้ยาก เสวียเสวี่ยเธอ…อ๊ะ เธอโทร.มาแล้ว” ขณะที่กำลังจะบอกว่าเธอแต่งงานแล้ว แถมดูเหมือนความสัมพันธ์กับสามีจะไปกันได้ไม่เลวด้วย มือถือข้างตัวก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นอีลั่วเสวี่ยโทร.มาจึงไม่ได้พูดต่อ
“ฮัลโหล เสวียเสวี่ย ถึงบ้านแล้วเหรอ”
อีลั่วเสวี่ยซึ่งอยู่อีกด้านกำลังเดินไปตามแสงไฟถนนตรงไปที่คฤหาสน์ รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ยินหลิ่วเฟยซวงถามด้วยความห่วงใย “วางใจเถอะ ฉันกลับมาถึงแล้ว ดึกแล้ว เธอรีบไปนอนซะ เท่านี้นะ ฉันจะหยิบกุญแจไขประตู” จากนั้นทั้งคู่ก็กล่าวลากันแล้ววางสาย
‘แม่คุณ อารมณ์ดีจริงนะ ก็แค่อาหารมื้อเดียว’ ทุกครั้งที่เฉวียนหมิงพาเธอไปกินอาหารนอกบ้าน ก็พาเธอกลับมาส่งไม่ใช่เหรอ แต่ไม่เห็นเธอจะอารมณ์ดีขนาดนี้ หรือว่าเธอชอบผู้หญิง
‘ไปให้พ้นๆ นายนะสิที่ชอบผู้หญิง ที่เธอเอาใจใส่กับที่เฉวียนหมิงเอาใจใส่มันเหมือนกัน ระหว่างเราเป็นมิตรภาพ มีความรู้สึกเหมือนญาติสนิท ช่างเหอะ พูดมากไป นายก็ไม่เข้าใจมิตรภาพระหว่างเด็กสาวหรอก’
ฉันจะพูดมากกับหุ่นยนต์ อ้อ ลูกบอลเครื่องกลตัวนี้ไปทำไม เปลืองน้ำลายเปล่าๆ ถ้าอยากรู้ ดูเองก็จะเข้าใจ ชอบอ้างดีนักว่าเป็นเป็นร้านค้าอัจฉริยะชั้นสูง มีวิธีคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
“พ่อ แม่ ไม่คุยแล้วนะ รายละเอียดเดี๋ยวพี่กลับมา พ่อกับแม่ลองถามเขาดูก็จะเข้าใจเอง จะมีโอกาสไหมหนูไม่รู้หรอกค่ะ” แต่ก่อนยังคิดว่าการที่เป็นเพื่อนสนิทกับอีลั่วเสวี่ยแล้วจะช่วยได้
ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องของความรักไม่ใช่เรื่องที่ปัจจัยภายนอกจะเข้าไปแทรกแซงได้ ต่อให้ส่งผลได้ชั่วคราว แต่สุดท้ายก็ยังกลับไปที่เดิม
ไม่อย่างนั้นทำไมก่อนที่พี่ชายจะกลับมา อีลั่วเสวี่ยถึงแต่งงานกับเฉวียนหมิงแบบสายฟ้าแลบ จากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มพัฒนาความรู้สึกต่อกัน ไม่ช้าไม่เร็ว ก็ในช่วงนี้เอง
เธอได้แต่ทอดถอนใจ บางทีสวรรค์คงลิขิตไว้แล้ว อีกอย่างที่เฉวียนหมิงดีต่อเธอก็ไม่เหมือนแสดงละคร ส่วนพี่ฉัน เฮ้อ เทคแคร์เสวียเสวี่ยสู้เฉวียนหมิงไม่ได้
ตอนที่ 289 ฉันพูดอะไรผิดเหรอ
“นี่ ลูก พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง พูดให้ชัดๆ ซิ” หลี่เนี่ยนชิงร้อนใจ เหมือนถูกใครสะกิดให้รู้สึกคันยิบๆ นึกอยากรู้ขึ้นมา
หลิ่วเฟยซวงโบกมือ กลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ
หลิ่วเฉิงสบตากับภรรยา แล้วผายมือพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา จากนั้นก็ไปเปิดโทรทัศน์ดู ขณะที่คอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวนอกบ้าน
ทั้งสองมีท่าทีเหมือนจะรอให้หลิ่วเฟยอวิ๋นกลับมาเพื่อถามให้กระจ่าง สองสามีภรรยารู้สึกประทับใจในตัวอีลั่วเสวี่ย ทั้งคู่ไม่เร่งรัดให้ลูกๆ รีบแต่งงานมีครอบครัว แค่หวังว่าบ้านตนจะครึกครื้นขึ้น มีบรรยากาศใหม่ๆ
ขณะเดียวกันทั้งสองก็มีความคาดหวังต่ออนาคต แต่อย่างไรหนุ่มสาวคบกันก็ต้องใช้เวลาค่อยๆ บ่มเพาะความรัก ก็เหมือนการบ่มเหล้า ต้องค่อยเป็นค่อยไป ความรักในวันหน้าจึงจะมั่นคง
แม้สายตาของทั้งคู่จะอยู่ที่โทรทัศน์ แต่ไม่ได้ดูละครเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนที่หลิ่วเฟยซวงอาบน้ำเสร็จออกมา ทั้งสองก็ยังไม่รู้ตัว
“นึกแล้วเชียวว่าแม่ต้องชอบเด็กสาวแบบเสวียเสวี่ย เฮ้อ…” แต่ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว ก่อนหน้านี้เธอได้ยินอีลั่วเสวี่ยพูดเสมอว่าวันหน้ายังมีโอกาส
คิดไม่ถึงว่าโอกาสจะผ่านไปแล้ว หรืออาจพูดได้ว่าต่อให้ก่อนหน้านี้เธอมาเป็นแขกที่บ้าน มารู้จักกับพี่ชาย ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มากนัก อย่างมากก็แค่เธอกับเฉวียนหมิงไม่ได้แต่งงานกันเท่านั้น
การดูแลเอาใจใส่และความเป็นสุภาพบุรุษของเฉวียนหมิง ทั้งคนที่มีนิสัยแข็งกร้าวอย่างเขายังมีอีลั่วเสวี่ยเพียงคนเดียว ไม่เคยมีผู้หญิงอื่นอยู่ในสายตา เวลาเขาเอาใจอีลั่วเสวี่ยขึ้นมา เธอเองยังนึกอิจฉา
หลังจากหลิ่วเฟยซวงกลับเข้าห้องตัวเองไม่นาน ก็ได้ยินเสียงหลิ่วเฟยอวิ๋นกลับมา
“พ่อ แม่ ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ ทีวีไว้ดูกลางวันเถอะ ดูกลางคืนเสียสายตาหมด” หลิ่วเฟยอวิ๋นว่าพลางถือเสื้อเดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าไร้รอยยิ้ม
คำพูดของเหอเย่ว์วนเวียนอยู่ในใจ มีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับอีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิง ตอนนี้ช่องว่างระหว่างเขากับเธอห่างกันมากขึ้นทุกที เขารู้สึกล้มเหลวและไร้กำลังอยู่ลึกๆ ในใจ
“ลูกชาย นั่งก่อน พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย” เพราะหลี่เนี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นย้อนแสง จึงเห็นสีหน้าลูกชายไม่ชัดเจน ทั้งในใจยังมีความคิดบางอย่างอยู่ด้วย
หลิ่วเฟยอวิ๋นได้ยินก็นั่งลง ยิ้มบางๆ ไม่ว่าอยู่ข้างนอกจะเหนื่อยแค่ไหน อ่อนล้ายากจะรับอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้คนในครอบครัวเห็น ปกติเขาทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวข้างนอก พ่อแม่ก็เป็นห่วงอยู่แล้ว พอกลับมาจึงไม่อยากให้ทั้งสองกังวลใจ
“เรื่องอะไรครับ”
“อะแฮ่ม วันนี้แม่กับพ่อดูเพื่อนสองคนที่น้องสาวลูกพามาบ้าน รู้สึกประทับใจแม่หนูลั่วเสวี่ยเป็นพิเศษ พ่อของลูกยังสังเกตเห็นว่าดูเหมือนลูกจะชอบเธอด้วย ลูกแม่ แม่สนับสนุนลูกนะ ต้องคว้าโอกาสให้ดีๆ ล่ะ”
แม่หนูเหอเย่ว์ดูเหมือนจะชอบลูกชายตน แต่เธอประทับใจอีลั่วเสวี่ยมากกว่า ถ้าได้อยู่ด้วยกัน คงมีเรื่องคุยกันไม่หวาดไม่ไหว
หลิ่วเฟยอวิ๋นได้ยินก็อึ้งไป ในความแปลกใจยังมีความตื่นเต้นด้วย คิดไม่ถึงว่าพ่อแม่ยังไม่ทันถามเรื่องของเธอ ก็เชียร์ให้จีบเธอซะแล้ว เห็นชัดว่าชื่นชมบุคลิกของเธอ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดีใจมาก แต่เวลานี้เขากลับไม่รู้สึกดีใจ
“พ่อครับ แม่ครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองครับ ที่พ่อกับแม่พูด ผมเข้าใจดี ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน พ่อกับแม่ก็อย่านอนดึกนะครับ” หลิ่วเฟยอวิ๋นพูดจบก็ลุกขึ้น กลับไปที่ห้องตัวเองไม่ออกมาอีก
หลี่เนี่ยนชิงกะพริบตา ใบหน้าที่ได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีเศร้าไปทันที “คุณคะ ลูกไม่พอใจอะไรเหรอ หรือฉันพูดอะไรผิด หรือว่าฉันพูดชื่อลั่วเสวี่ยเป็นเสี่ยวเย่ว์” คิดแล้วก็อดสงสัยไม่ได้