หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 809 ชำระเลือดมังกรหงส์
ตู้ม**!**
เมื่อเลือดกระเซ็นไปที่บันไดมังกรหงส์ขั้นสูงสุด ทุกสายตาก็หยุดชะงัก ในส่วนลึกของดวงตาพล่านด้วยแววตกตะลึงสุดขีด
ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้น ไม่เพียงแต่เขาก้าวขึ้นบันไดขั้นเก้ามาได้ เขายังก้าวต่อไปข้างหน้าจนเหยียบลงบนบันไดขั้นสิบอีกด้วย!
ทว่าเมื่อเขาไปถึงบันไดขั้นสิบ ก็ดูราวกับเขาไม่อาจทนรับแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวได้ไหวจนเนื้อตัวแตกระเบิด…
ทุกคนกลืนน้ำลาย จากนั้นก็คิดในใจ บันไดขั้นสิบคือหุบผาชันที่ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้จริงๆ ไม่มีใครสามารถขึ้นไปได้เลย
ขณะที่ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเสียงร้องตกใจ ใบหน้าของไฉ่เซียวก็ซีดเซียวลงเมื่อมองภาพนี้ เลือดสดสาดกระจายตรงหน้านาง นางมองร่างที่ถูกทำลายตรงหน้าด้วยความว่างเปล่า หัวใจนางดิ่งลงทันที นางไม่คิดว่ามู่เฉินจะเสี่ยงชีวิตถึงขนาดนี้!
เขาไม่รู้หรือว่าบันไดขั้นสิบคือประตูนรก? นี่ไม่ใช่เรื่องของความแข็งแกร่งเลย แต่นี่คือขั้นบันไดต้องห้ามไม่ให้ทุกคนขึ้นไป
ดังนั้นในอดีตไม่ว่าจะมีอัจฉริยโดดเด่นมากมายเพียงใด ทุกคนก็ได้แต่หยุดอยู่ที่ขั้นเก้าเท่านั้น!
เพราะบันไดขั้นสิบอาจเป็นความภาคภูมิใจที่หลงเหลืออยู่ของเทพอสูรทั้งสอง เป็นดินแดนต้องห้ามไม่ให้ผู้คนขึ้นไป
สีหน้าของไฉ่เซียวเปลี่ยนไป จากนั้นนางก็กัดฟันแน่น กำลังจะก้าวขึ้นไปช่วยมู่เฉิน แต่ทันทีที่จะเคลื่อนตัว ร่างที่ทรุดลงช้าๆ ก็หยุดนิ่ง เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกู่เสียงคำรามก้องฟ้า
อ้ากๆๆๆ!
เสียงคำรามของเขาอัดแน่นด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่และดื้อรั้นไม่หวั่นไหว ตอนนี้กระดูกสีขาวโพลนโผล่ออกมา ครึ่งหนึ่งของร่างกายได้ระเบิดออก หากไม่ใช่เพราะพลังชีวิตทรงประสิทธิภาพที่มาจากแก่นเลือดแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า ร่างกายของเขาคงกลายเป็นอากาศธาตุไปนานแล้ว
แต่กระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ไม่มีความสิ้นหวังใดๆ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้!
เสียงคำรามราวกับราชสีห์ดังก้องในโสตประสาททุกคน ผู้คนนับไม่ถ้วนฉายแววตาตื่นตกใจขณะมองไปที่จุดสูงสุดของบันไดมังกรหงส์ ที่ตรงนั้นร่างกายที่เลือดเนื้อส่วนใหญ่ถูกทำลาย แม้เขาจะอาบไปด้วยเลือดก็ยังส่งเสียงคำราม ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ทั่วไป แม้กระทั่งไฉ่เซียว ซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเฉวียนยังมีสีหน้าตกตะลึง
พลังใจทรงอานุภาพที่มู่เฉินแสดงออกมาทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไหว
“ช่างเหี้ยมหาญอะไรเช่นนี้!” ติงเฉวียนอึ้งไปอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้ เทียบกับการต่อสู้ของมู่เฉินกับโยวหมิงแล้ว ตอนนี้เขาดูน่าชื่นชมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เสียงคำรามดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน และในตอนนี้เองก็มีเสียงมังกรและหงส์ฟ้าร้องดังมาจากยอดจัตุรัสมังกรหงส์
ทุกคนตกใจจากนั้นก็มองเห็นเสาแสงมหึมาสีทองพวยพุ่งไปที่ขอบฟ้าตรงจุดสูงสุดของบันไดมังกรหงส์ ภายในเสาแสงสีทองก็คือมู่เฉินที่นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น
เสาแสงสีทองเหมือนเต็มไปด้วยของเหลว แต่เมื่อมองใกล้เข้าไปก็จะตระหนักได้ว่านี่คือแก่นเลือดมังกรหงส์ฟ้าสีทองเข้ม ความบริสุทธิ์นั้นทำให้คนจำนวนมากตกตะลึงในใจ
ภายใต้เสียงครางกระหึ่มของแก่นเลือด ก็ดูราวกับพายุฝนพัดชำระร่างกายที่พังยับเยินของมู่เฉิน ชั้นสีทองเข้มปกคลุมร่างของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้บาดแผลสามารถมองเห็นชั้นเนื้อเยื่อผุดขึ้นมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้
ดูจากที่ไกลแล้วมู่เฉินก็ราวกับพระพุทธรูปทองคำที่แผ่แรงกดดันบางจางออกมาอย่างคลุมเครือ ซึ่งเป็นแรงกดดันที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง พลังอำนาจนี้มีต้นกำเนิดมาจากมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง!
“นั่นคือ…การชำระเลือดมังกรหงส์!”
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้างจากเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเสียงร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับความอิจฉาแรงกล้า นั่นเป็นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าแก่นเลือดเทพอสูรที่อยู่ในลำแสงสีทองบริสุทธิ์เพียงใด
แม้แต่สระมังกรกงส์เป็นร้อยยังเทียบไม่ติดเลย!
“ชีวิตไอ้บ้านั่นดวงดีเกินไปแล้ว!” บางคนพูดออกมาพร้อมกับดวงตากลายเป็นสีแดงฉาน นี่คือการชำระเลือดมังกรหงส์ แม้แต่คนที่มีร่างกายอ่อนแอก็สามารถเกิดใหม่หลังจากถูกชำระ ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินที่มีร่างกายทรงพลังอยู่แล้วเลย หลังการชำระครั้งนี้พลังกายของเขาเพียงอย่างเดียวก็คงสามารถปะทะกับจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังยุทธ์ในระดับเดียวกันได้แล้ว
ทว่าแม้พวกเขาจะอิจฉา แต่ทุกคนก็รู้ว่ามู่เฉินสู้ด้วยความกล้าหาญและพลังใจที่มี เพราะถ้าเป็นพวกเขา ก็คงไม่มีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความตาย บังคับตัวเองเดินขึ้นไปตามบันไดนรกแน่
“ที่แท้บันไดขั้นสิบก็คือบททดสอบ” ซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเฉวียนเฝ้ามองภาพนี้ด้วยสายตาซับซ้อน พวกเขาเห็นได้ชัดเจนมากกว่า จากความรู้สึกบันไดขั้นสิบเป็นดินแดนแห่งความตายแท้จริง ใครที่ก้าวขึ้นต้องตาย ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าขึ้นไปเลยในหลายปีผ่านมานี้ เนื่องจากไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยง แต่ครั้งนี้กลับถูกตีแตกโดยมู่เฉิน
บันไดขั้นสิบไม่ใช่บททดสอบพลังกาย แต่เป็นความกล้าหาญและพลังใจต่างหาก!
ไฉ่เซียวโล่งใจไปในตอนนี้ จากนั้นก็จ้องมองร่างซึ่งปกคลุมด้วยเสาแสงสีทองด้วยความสนใจ ชายคนนี้ยังเยาว์วัย แต่ความดื้อดึงและความแน่วแน่ที่ซึมลึกถึงกระดูกยังทำให้แม้แต่นางยังรู้สึกประทับใจ
นางเหลือบมองมู่เฉินอย่างลึกซึ้ง ไม่รู้ด้วยเหตุใด นางรู้สึกว่าในอนาคตชื่อเสียงของชายหนุ่มตรงหน้านางจะก้องกังวานไปทั่วมหาพันภพ
ฮึ่ม!
เสาแสงสีทองเข้มปกคลุมร่างมู่เฉิน แก่นเลือดบริสุทธิ์ของมังกรและหงส์ฟ้าบางส่วนก็แผ่ออกมาฉายไปที่ไฉ่เซียว ซูปี้เยี่ยและคนอื่นๆ ที่เหลือ แม้จะเทียบไม่ได้กับโอกาสที่มู่เฉินได้รับ แต่ก็เป็นโอกาสเยี่ยมยอดสำหรับพวกเขาหากสามารถชำระได้ ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งลงตั้งสมาธิพยายามดูดซับแก่นเลือดแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าเหล่านั้น
จากเสาแสงสีทองเข้ม เสียงมังกรและหงส์ฟ้าคำรามก้องฟ้า เสาแสงคงอยู่ราวสิบนาทีก่อนที่จะค่อยๆจางหายไป
ทุกสายตาพุ่งตรงไปที่ยอดจัตุรัสมังกรหงส์ทันที
ในจุดนั้นแสงสีทองหดกลับเข้าไปในร่างที่กำลังคุกเข่าบนพื้นดิน ร่างกายท่อนบนของเขาไม่มีเสื้อผ้าเหลืออยู่ แสงสีทองไหลพล่านอยู่ใต้ผิว ร่างกายส่วนที่ได้รับความเสียหายถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ขณะที่แสงสีทองไหลวนก็มีแรงกดดันแผ่ออกมาอย่างคลุมเครือ
บนแผ่นหลังของเขามีลวดลายหงส์ฟ้าทองคำกำลังสยายปีก ดูราวกับมีชีวิต ปีกที่กางออกเหมือนจะผละจากร่างมู่เฉินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
บนแผ่นอกมีลวดลายมังกรทองมองลงมาอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งราวกับว่าสามารถมองดินแดนนี้ให้ต่ำ ความศักดิ์สิทธิ์ที่มีไม่อาจถูกทำลายได้
มู่เฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเป็นสีดำกลายเป็นสีทองเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกกดดันจนหายใจไม่ออก
แสงสีทองคงอยู่ในม่านตาชั่วครู่ ก่อนที่จะหายไป มู่เฉินก้มหน้ามองร่างกายสมบูรณ์ไร้ความเสียหายของตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า เขาค่อยๆ กำมือแน่นก็สัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่พวยพุ่งภายในร่าง
ราวกับว่ามีมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงซ่อนตัวอยู่ภายในร่างของเขา
เขาแตะลวดลายมังกรบนอกก็ต้องหนังตากระตุก นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าลวดลายมังกรบนอกและลวดลายหงส์ฟ้าบนหลังเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา
พวกมันเหมือนไม่ใช่แค่ลายสลักธรรมดาแต่เป็นสิ่งมีชีวิต
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ผ่านหายนะนี้ได้สำเร็จ เขาสามารถสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตที่อยู่ในร่างกายของตนเองมีมากกว่าแต่ก่อนถึงสิบเท่า
บาดแผลที่เขาได้รับจากการต่อสู้กับหลิ่วเหยียนและโยวหมิงฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์ ช่างเป็นอัตราการฟื้นตัวที่แม้แต่เขายังไร้คำพูด
ดูเหมือนครั้งนี้เขาชนะพนันแล้ว
เมื่อแสงสีทองสลายไปในบริเวณนี้ แสงสีทองจำนวนมากก็พวยพุ่งออกมาจากแท่นบูชา แสงสีทองเหล่านั้นดูเหมือนเป็นเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้า ตำราโบราณที่เห็นได้คลุมเครือมองเห็นบนเกล็ดและขนนกเหล่านั้น
“นั่นคือมรดกมังกรหงส์ที่ถูกทิ้งไว้นี่!”
เมื่อเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าปรากฏขึ้น ความโกลาหบก็ระเบิดขึ้นในบริเวณนี้ ทุกคนมีดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ถ้าได้สิ่งที่รวบรวมโดยมังกรและหงส์ฟ้า เพียงแค่สิ่งเดียวก็มีประโยชน์ใหญ่หลวงต่อการฝึกวรยุทธของพวกเขาแล้ว
เกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าโคจรอยู่เหนือจัตุรัสมังกรหงส์ ปกคลุมทั่วบันได ดังนั้นชัดว่าไฉ่เซียว ซูปี้เยี่ยและคนอื่นก็ได้รับเหมือนกัน แต่แค่ยิ่งพวกเขาขึ้นไปอยู่บนบันไดขั้นสูง มรดกที่ได้รับก็จะมีค่ามากขึ้นด้วยเท่านั้น
เราสามารถตัดสินจากแสงสีทองที่เปล่งออกจากเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าเหล่านั้นว่าพวกมันทรงพลังเพียงใด ยิ่งบนบันไดขั้นสูงจำนวนเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าก็จะลดจำนวนลง ทว่าแสงที่กำจายออกกลับทรงพลังยิ่งขึ้นไป
ซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเฉวียนตื่นเต้นดีใจเมื่อมองเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าที่วนเวียน แต่ละคนอดรนทนไม่ไหวอยากจะลองหยิบดู
มู่เฉินเงยหน้าขึ้น บนยอดจัตุรัสมังกรหงส์มีเกล็ดมังกรและขนฟ้าหงส์จำนวนน้อยมาก มีกลุ่มแสงเพียงสิบกลุ่มเท่านั้นที่ลอยอยู่บนอากาศ
ภายในกลุ่มแสงเหล่านั้นประกอบด้วยเกล็ดมังกร กระดูกมังกร ขนหงส์ฟ้าและวัตถุอื่นๆ หลากหลายที่สามารถมองเห็นได้ คลื่นโบราณที่แผ่ออกมา ไม่มีสิ่งใดที่เทียบได้ง่ายๆ
มู่เฉินจ้องมองกลุ่มแสงทั้งสิบก็สัมผัสได้เลือนรางว่าตนเองสามารถเลือกมรดกได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
คิ้วของมู่เฉินขมวดขณะครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง ในเมื่อเป็นเรื่องยากที่จะเลือก เขาก็ปล่อยให้โชคชะตาได้ทำหน้าที่แล้วกัน
มู่เฉินอ้าแขนออกช้าๆ ทำใจให้สงบลงขณะแสงสีทองบางจางแผ่ออกมาจากผิวกาย เขาเรียกกายามังกรหงส์ออกมา
บนแผ่นอกและแผ่นหลังของเขา ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าบิดตัวไปมาเบาๆ ขณะลำแสงสีทองพุ่งออกไปยังกลุ่มแสงหนึ่งในสิบทางด้านขวาสุด
ชี่! ชี่!
แสงสีทองปกคลุมกลุ่มแสงและหดกลับอย่างรวดเร็ว
มู่เฉินลืมตาขึ้นมองกลุ่มแสงที่ลอยอยู่ตรงหน้า เขายื่นมือออกไปกลุ่มแสงก็พลิ้วลงบนมือ เมื่อแสงจางหายก็เผยให้เห็นวัตถุข้างใน
นี่เหมือนจะเป็นกระดูกโบราณสีทองเข้ม ซึ่งเต็มไปด้วยอักขระโบราณราวกับเป็นบันทึกเก่าแก่ที่สุดในโลก แผ่ความผันผวนลึกล้ำออกมา
มู่เฉินคว้ากระดูกสีทองเข้มลึกลับ กลับรู้สึกว่าเลือดเนื้อในร่างถูกกระตุ้น นี่ทำให้สายตาเขาสั่นไหวพลางมองกระดูกสีทองเข้มที่เหมือนจะมีความสัมพันธ์ไม่น้อยกับกายามังกรหงส์