ตอนที่ 810 คัมภีร์หลงเฟิ่ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 810 คัมภีร์หลงเฟิ่ง

กระดูกสีทองลึกลับโบราณวางอยู่บนมือมู่เฉิน

ล้อมรอบด้วยอักขระที่ลึกซึ้งและคลุมเครือซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัตถุนี้พิเศษเพียงใด

มู่เฉินตรวจสอบกระดูกสีทองอย่างละเอียด เผยแววตาครุ่นคิดออกมา กระดูกสีทองนี้ต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับกายามังกรหงส์แน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่กายามังกรหงส์จะมีปฏิกิริยากับมัน

มู่เฉินแตะกระดูกสีทองลองใส่คลื่นหลิงลงไปแต่ก็จบลงที่ล้มเหลว ดูเหมือนจะมีพลังงานอยู่ในกระดูกสีทองต้านพลังทุกรูปแบบที่มันไม่ยอมรับให้เข้าไปในนั้น

สายตาของมู่เฉินกะพริบเบาๆ ถ้าเขาต้องการรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ภายในกระดูกท่อนนี้ ดูท่าเขาจะต้องใช้พลังงานที่มันยอมรับ…

พลังงานที่มันยอมรับงั้นหรือ?

ดวงตาของมู่เฉินหดลง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบางออกมา เขากำหมัดเล็บจิกลงไปในฝ่ามือ ปล่อยให้เลือดสีแดงสดไหลออกมา หยดไปตามนิ้วลงบนกระดูกสีทอง

ขณะที่เลือดปกคลุมบนกระดูกสีทอง อักขระโบราณลึกซึ้งก็เหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา ด้วยเสียงสั่นไหวก็เปลี่ยนเป็นแสงสีทองพุ่งตรงไปที่หว่างคิ้วของมู่เฉิน

ตู้ม!

ร่างของมู่เฉินกระตุกรุนแรงขณะที่ราวกับมีภูเขาไฟปะทุขึ้นในห้วงแห่งจิต เสียงระเบิดทำให้แม้แต่ลมปราณและกระแสเลือดยังพลิกผันเดือดพล่านไปหมด

มู่เฉินรู้สึกหัวหมุนสายตามืดดับฉับพลัน ทว่าความมืดมิดคงอยู่เพียงชั่วขณะก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยแสงสีทอง เมื่อมองไปรอบๆ ก็เหมือนอยู่บนมหาสมุทรสีทอง

เวลานี้มหาสมุทรสีทองสั่นไหว คลื่นโถมซัดขึ้น ก่อนจะรวมตัวกันเป็นคลื่นสูงหมื่นจั้งปกคลุมทั้งสวรรค์และโลก

มู่เฉินมองคลื่น ดวงตาก็หดลง เขาเห็นร่างร่างหนึ่งเปล่งแสงสีทองนั่งอยู่บนยอดคลื่นลูกใหญ่ รูปลักษณ์ไม่อาจมองเห็นได้ชัด แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างนั่นทำให้มู่เฉินรู้สึกถึงแรงกดดันใหญ่หลวง

ร่างลึกลับนั่งบนคลื่นใหญ่เงียบๆ ก่อนที่จะเปล่งเสียงคำรามก้องฟ้า เสียงนั่นผิดปกติอย่างยิ่ง ฟังคล้ายเสียงมังกรคำรามแต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีเสียงหงส์ฟ้าร้องประสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ เสียงโบราณเต็มไปด้วยพลังอำนาจแท้จริง

ฟิ้ว!

แสงสีทองพวยพุ่งออกมาจากร่างลึกลับ จากนั้นภายใต้สายตาตกตะลึงของมู่เฉิน ก็เปลี่ยนเป็นร่างแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า

ซื้ด!

มู่เฉินสูดอากาศเย็นสุดปอดขณะมองมังกรและหงส์ฟ้าที่คุ้มกันคนลึกลับอยู่ ทันใดนั้นหัวใจเขาก็กระตุก เหมือนจะตระหนักได้ว่าคนตรงหน้าเขาก็สามารถชำระกายามังกรหงส์ได้!

นอกจากนี้กายามังกรหงส์ยังแข็งแกร่งถึงระดับเปลี่ยนภาพลวงตาของลวดลายให้กลายเป็นของจริงได้อีกด้วย!

แม้ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจะไม่มีพลังต่อสู้เหมือนตัวจริงได้ แต่ก็ยังมีพลังทำลายล้างสูง หากพวกมันรวมพลังกับเจ้าของ แม้แต่เทพอสูรชั้นสูงแท้จริงอย่างมังกรกับหงส์ฟ้าก็ต้องหนีไปให้ไกล

“กายามังกรหงส์นี้ทรงพลังเหลือเกิน!”

เลือดมู่เฉินเดือดพล่านเมื่อเห็นภาพนี้ แม้ตอนนี้เขาจะสร้างกายามังกรหงส์พื้นฐานขึ้นมาได้เท่านั้น แต่เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถไปถึงระดับเดียวกับจอมยุทธ์ลึกลับในสักวันหนึ่ง

ขณะที่มู่เฉินกำลังมองด้วยความอิจฉา จอมยุทธ์ผู้นั้นก็ยืนขึ้นบนคลื่นยักษ์ อึดใจเขาก็สะบัดแขนเสื้อ มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงคำรามพุ่งเข้าปะทะซึ่งกันและกัน

แสงสีทองพร่างพราวออกขณะที่ใบหน้าของมู่เฉินแข็งค้างลงทีละน้อย…ละน้อยในตอนนี้ จากนั้นก็แทนที่ด้วยความตกตะลึงสุดขีด เนื่องจากเขาเห็นว่าเมื่อแสงสีทองระเบิดออกมา มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็หายไป แทนที่ด้วยสิ่งมีชีวิตใหญ่โตลึกลับร่างหนึ่ง

มันมีร่างของมังกรที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีทองเข้มเปล่งประกายแวววาว บนตัวมังกรมีปีกหงส์ฟ้าคู่หนึ่งกางออก ขนาดของปีกมีความยาวหมื่นจั้งสามารถบดบังดวงอาทิตย์เมื่อสยายออก

สิ่งมีชีวิตที่ราวกับมังกรและหงส์ฟ้าสถิตบนชั้นฟ้า พลังอำนาจและความลึกลับที่ส่งออกมาดูเหมือนจะเป็นการดำรงอยู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพนับถือ

“นี่มัน…”

ใบหน้าของมู่เฉินสั่นไหวขณะที่พึมพำ “มังกรหงส์ในตำนาน?”

ตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณเผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นยอดที่สุดที่ปฏิเสธในการยอมรับซึ่งกันและกัน ดังนั้นจึงเกิดสงครามมากมายระหว่างสองเผ่าพันธุ์ แต่ในช่วงหนึ่งมีบันทึกไว้ว่าเผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้าเคยเป็นพันธมิตรกันและผู้ที่ควบคุมเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าก็คือมังกรหงส์ในตำนาน

มีเพียงสิ่งมีชีวิตลึกลับเช่นนี้ที่มีองค์ประกอบจากสองเผ่าพันธุ์จึงจะได้รับการยอมรับจากเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าที่หยิ่งทระนงที่ภาคภูมิใจประกาศตัวว่าเป็นจักรพรรดิ

ทว่าโอกาสที่มังกรหงส์จะถือกำเนิดมีน้อยแสนน้อย หลายหมื่นปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวคราวของมังกรหงส์เลย ดังนั้นคนจำนวนมากจึงไม่คุ้นกับเรื่องนี้ แม้แต่มู่เฉินก็ยังเคยได้ยินแบบผ่านๆ มาจากจิ่วโยวเท่านั้น

แต่ตอนนี้มังกรหงส์ในตำนานกลับปรากฏตัวที่เบื้องหน้ามู่เฉิน

“ช่างเป็นกายามังกรหงส์น่าสะพรึงจริงๆ”

มู่เฉินพึมพำ รู้สึกชาวูบวาบ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าขั้นสุดท้ายของการฝึกกายามังกรหงส์ ไม่เพียงแต่จะสามารถสร้างร่างมังกรหงส์แท้จริงขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังสามารถรวมทั้งสองอย่างเข้าเป็นมังกรหงส์ในตำนานด้วย!

วิธีทรงพลังเช่นนี้เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจนัก

ฮา

ครู่ใหญ่มู่เฉินก็ระบายลมหายใจยาว ไล่ความรู้สึกตกตะลึงในใจทั้งหมด แม้กายามังกรหงส์จะลึกลับซับซ้อนยิ่งนัก แต่เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นเรื่องยากขนาดไหนในการฝึกไปถึงระดับจอมยุทธ์ลึกลับคนนั้น

บนท้องฟ้ามังกรหงส์หม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นประกายแสงโปรยปรายลงมาเต็มท้องฟ้า จอมยุทธ์ลึกลับบนคลื่นลูกใหญ่สะบัดนิ้ว ประกายแสงรวมตัวตรงหน้ามู่เฉินกลายเป็นคำโบราณ…

มู่เฉินหดตาลงเพ่งมองไป ตอนท้ายของถ้อยคำโบราณเหล่านั้นคือตัวอักษรโบราณที่ดูราวกับมังกรและหงส์ทะยานด้วยความสง่างามไร้ขอบเขตแผ่ออกมา

“คัมภีร์หลงเฟิ่ง!”

สุดท้ายอักษรสีทองก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในสมองของมู่เฉิน ขณะเดียวกันมหาสมุทรสีทองก็สลายลง ร่างนั้นที่อยู่บนยอดคลื่นก็เริ่มจางหายไปด้วย

ทว่าจังหวะที่กำลังหายไป มู่เฉินรู้สึกได้ว่าจอมยุทธ์ลึกลับหันมามองทางเขา ภายใต้สายตานั้นมู่เฉินรู้สึกเหมือนแม้แต่ดวงจิตก็ถูกมองทะลุผ่าน

ก่อนที่มู่เฉินจะนึกย้อนความรู้สึก เขาก็ลืมตาขึ้น ตรงหน้ายังคงเป็นจัตุรัสมังกรหงส์ กระดูกสีทองที่อยู่ในมือสลายกลายเป็นฝุ่นผงสีทองปลิวไปกับสายลมในเวลานี้

มู่เฉินกำหมัดเบาๆ รู้สึกถึงข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาในหัวสมอง นี่คงจะเป็นคัมภีร์หลงเฟิ่ง

สิ่งนี้ทำให้เกิดรอยยิ้มโค้งบนมุมปากอย่างควบคุมไม่ได้ ถึงเขาจะสร้างกายามังกรหงส์ได้แล้ว แต่ก็เป็นขั้นต้นเท่านั้น หากเขาไม่มีคัมภีร์หลงเฟิ่ง กายามังกรหงส์ก็จะแข็งแกร่งกว่ากายาเทพสายฟ้าเล็กน้อยเท่านั้น หากต้องการไปให้ถึงระดับเดียวกับจอมยุทธ์ลึกลับผู้นั้นก็เป็นไปไม่ได้เลย

แต่โชคดีที่เขาดวงไม่จู๋

“ดูเหมือนเจ้าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากสุดเลยนะ” เสียงหัวเราะของไฉ่เซียวดังขึ้นจากเบื้องหลังกะทันหัน เขามองไปก็เห็นไฉ่เซียวกำลังเดินขึ้นมา ตอนนี้แรงกดดันน่ากลัวหายไปพร้อมกับความสำเร็จของมู่เฉินในการขึ้นสู่ยอดจัตุรัส ดังนั้นนางจึงสามารถขึ้นมาชั้นบนสุดได้อย่างง่ายดาย

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้ามากนะ”

น้ำเสียงของเขาจริงใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเขาเข้าใจดีว่าหากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของไฉ่เซียวในศึกครั้งนี้ ก็คงเป็นเรื่องยากเอาการที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ เพราะด้วยพลังปัจจุบันเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับอัจฉริยชนอย่างฟังยี่และโยวหมิงได้เลย

ดังนั้นมู่เฉินจึงรู้สึกดีใจที่ได้พบกับไฉ่เซียวระหว่างเดินทางและไม่ได้ปฏิเสธนางที่ติดตามมา

ไฉ่เซียวโบกมือด้วยท่าทางสบายๆ “เราต่างมีสิ่งที่ต้องการเท่านั้น นอกจากนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงจะปวดหัวไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นเจ้าไม่ถือว่าได้ผลประโยชน์เปล่าๆ หรอก”

มู่เฉินยิ้ม ขณะที่กำลังจะพูด ใบหน้าก็ต้องเปลี่ยนไปขณะที่แสงสีทองกระจายออกมาเหนือจัตุรัสมังกรหงส์ สุดท้ายก่อตัวเป็นอุโมงค์มิติขนาดใหญ่

เห็นชัดว่านี่เป็นทางออกจากเขตหลงเฟิ่ง

“ดูเหมือนศึกมังกรหงส์ถึงเวลาปิดฉากแล้ว” ไฉ่เซียวมองอุโมงค์เหมือนยังไม่อยากจบงาน แต่สุดท้ายนางก็ตบบ่ามู่เฉินหัวเราะคิกคักเบาๆ “ครั้งนี้นับว่าเป็นความร่วมมือที่น่ายินดีนะ”

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เป็นการร่วมมือที่น่ายินดี”

การปรากฏตัวของอุโมงค์มิติ ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป พวกเขาทะยานตรงไปยังอุโมงค์จากทุกทิศทาง พุ่งเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย

มู่เฉินก็ไม่คิดอยู่ที่นี่ต่อ เขาเหลือบมองมิติด้วยแววชื่นชมปนถอนหายใจในสายตาก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงเหาะออกไปพร้อมกับไฉ่เซียวโดยไม่ลังเล พุ่งเข้าไปในอุโมงค์มิติ

ประมาณครึ่งนาทีหลังจากเข้าไป ภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไปฉับพลัน ความรู้สึกเวิ้งว้างเก่าแก่ที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินหายไป ถูกแทนที่ด้วยดินแดนสงบสุข

บริเวณที่มู่เฉินกับไฉ่เซียวปรากฏตัว ยังคงเป็นเทือกเขาหลงเฟิ่ง ตอนนี้มีร่างแสงนับไม่ถ้วนไหลบ่าออกจากอุโมงค์มิติราวกับฝูงตั๊กแตน

ฟ้าดินปั่นป่วนไปหมด

มู่เฉินกับไฉ่เซียวยืนอยู่บนท้องฟ้า เมื่อฝูงคนที่เหมือนฝูงตั๊กแตนเหาะผ่านพวกเขา แต่ละคนก็แตกฮือพร้อมกับความกลัวอัดแน่นในดวงตา

ในศึกมังกรหงส์ครั้งนี้ มู่เฉินกับไฉ่เซียวอาศัยพลังของตนเองในการทำให้จอมยุทธ์ที่ภาคภูมิและพยศเหล่านั้นรู้สึกยำเกรง

มู่เฉินมองไปรอบๆ ตั้งใจจะจากไปกับไฉ่เซียวก่อน แต่ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เพราะเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันคลื่นหลิงน่ากลัวแผ่ซ่านไปทั่ว

ยิ่งกว่านั้นแรงกดดันนี้ยังพุ่งตรงมาทางเขา!

ขณะที่แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมเข้ามา เสียงเกรี้ยวกราดที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารก็สะท้อนออกไป ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากถึงกับมีท่าทีเปลี่ยนไป

“ไอ้เด็กเวร แกบังอาจกล้าทำลายร่างของลูกชายข้าและทำร้ายดวงจิตของเขา วันนี้ข้าจะทำให้แกตายแบบไร้ที่ฝัง!”

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปฉับพลัน นั่นคือหลิ่วเทียนเต้าเจ้าตำหนักสุดนภา!