ตอนที่ 698 ทำไมทำลับๆ ล่อๆ
เผยปิงปิงเป็นคนเสียงดัง พอพูดโวยวายออกมา บรรดาคนในวังที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ยิน และชะเง้อมองตาม
กู้ชิงเฉิงขมวดคิ้ว สายตามองกู้จื่อหยวน
นางกับกู้จื่อหยวนแม้จะเป็นพี่น้อง แต่ไม่สนิทกัน แม้อยู่ในชายคาเดียวกัน แต่ก็เป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย กู้จื่อหยวนตั้งแต่เล็กสนิทสนมกับกู้เฝิ่นไต้มากกว่า
เฟิ่งหลิงอวี่ทั้งโกรธทั้งอาย พอคลายจุด ก็รีบตะกายลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วพูดแก้ตัว “พี่สะใภ้ ฟังข้าอธิบาย เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างนี้ ข้า…”
เฟิ่งหลิงอวี่อยากพูดอะไร แต่ก็ไม่อาจแก้ตัวได้ เรื่องนี้มีคนเห็นกับตา นางไม่รู้จะหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมนางกับกู้จื่อหยวนจึงกอดกันในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ในเมื่อไม่อาจอธิบายได้ นางคงต้องแต่งงานกับกู้จื่อหยวนแน่ เฟิ่งหลิงอวี่อยากกู้หน้าให้ตัวเองสักครั้ง จึงก้มหน้ายอมรับ “พี่สะใภ้ ข้ากับกู้จื่อหยวนรักกัน คืนนี้หลังจากดื่มเหล้า ก็อดใจไม่อยู่เกือบทำให้เกิดเรื่องขึ้น”
“ฮองเฮา กระหม่อมรักองค์หญิงสามอยู่ก่อนแล้ว เมื่อกี้ข้าอดใจไม่อยู่จึงล่วงเกินองค์หญิงสาม กระหม่อมยินดีรับโทษ”
เมื่อต้องจำยอม กู้จื่อหยวนคุกเข่าลง น้ำเสียงกร้าว ที่ผ่านมาเขาหลีกห่างจากเฟิ่งหลิงอวี่ตลอดเวลา ที่ว่ารักนาง ไม่เคยมีในความคิดของเขา
“แปลกจริงๆ น้องสามกับองค์หญิงสาม เหมาะสมกันปานนี้ ถ้ามีความรักต่อกัน ทำไมไม่ให้ฝ่าพระบาทพระราชทานการแต่งงาน ทำไมต้องมาลักลอบกัน หรือว่าน้องสามชอบอย่างนี้”
เผยปิงปิงผุดรอยยิ้มที่มุมปาก พูดเย้ยหยัน
“พี่สะใภ้คงไม่รู้ เดิมทีข้าคิดว่าคืนนี้จะทูลเรื่องนี้ต่อฝ่าพระบาท”
ในความคิดของเผยปิงปิง กู้จื่อหยวนเองก็ไม่พอใจ แต่นางเป็นพี่สะใภ้ของเขา ถึงไม่พอใจอย่างไรต่อหน้าผู้คนเขาก็ต้องเรียกนางเป็นพี่สะใภ้
“ในเมื่อน้องสามกับจื่อหยวนรักใคร่กันอยู่แล้ว ข้าจะทูลฝ่าพระบาท ให้พระองค์พระราชทานการแต่งงานให้เจ้าให้เร็วที่สุด น้องสาม เจ้ากลับไปก่อนเถอะ! ที่นี่เป็นวังใน วันหลังต้องระวังหน่อย จะได้ไม่เป็นที่ครหา”
“พี่สะใภ้สั่งสอนถูกต้อง ข้าจะจำคำสอนของพี่สะใภ้”
เฟิ่งหลิงอวี่รับปากด้วยความจำใจ พูดจบก็รีบจากไป นางเป็นคนรักหน้า เสื้อผ้าหลุดลุ่ยต่อหน้าผู้คนเป็นเรื่องน่าอาย ต้องรีบกลับไป
ซูจิ่วซือ รอดูก็แล้วกัน
เฟิ่งหลิงอวี่ไปแล้ว กู้ชิงเฉิงสอบถามกู้จื่อหยวนอีกสองสามคำ ก็ให้กู้จื่อหยวนออกไป กู้จื่อหยวนสีหน้าเครียด นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ความแค้นที่มีต่อซูจิ่วซือยิ่งล้ำลึก
เขาอยากแต่งงานกับฟู่เย่ว์อี้ แม้ฟู่เย่ว์อี้จะบอกว่านางไม่ใส่ใจฐานะตำแหน่ง ได้อยู่ใกล้ชิดเขาก็พอใจแล้ว ยิ่งฟู่เย่ว์อี้เป็นอย่างนี้ เขายิ่งรู้สึกติดหนี้บุญคุณนาง และยิ่งอยากแต่งงานกับนาง
หากมีเฟิ่งหลิงอวี่ เขาคงไม่สามารถแต่งงานกับฟู่เย่ว์อี้ เฟิ่งหลิงอวี่เป็นองค์หญิงที่วางอำนาจบาตรใหญ่ หากรับนางเข้าจวนตระกูลกู้จริงๆ เขากับฟู่เย่ว์อี้คงไม่มีวันได้อยู่อย่างมีความสุข เขาต้องหาทางให้ได้
เผยปิงปิงเดินกลับพร้อมกับกู้ชิงเฉิง เดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ กู้ชิงเฉิงก็ถาม “เรื่องนี้จิ่วซือเป็นคนจัดการใช่หรือไม่”
“เรื่องนี้จะโทษจิ่วซือไม่ได้ กู้จื่อหยวนวางแผนจัดการซูเหิงก่อน”
กู้ชิงเฉิงรู้ตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังร่วมแสดงด้วย นางจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังกู้ชิงเฉิง
“ฝ่าพระบาทเองทรงมีพระประสงค์อย่างนี้ และถือว่าจื่อหยวนได้รับผลกรรมที่ทำไว้ เรื่องนี้อีกไม่นานก็จะแพร่ออกไป การแต่งงานจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
เผยปิงปิงถามด้วยความประหลาดใจ “ฮองเฮา ยินดีช่วยจิ่วซือหรือไม่”
ตอนที่ 699 ต้องไม่เย่อหยิ่ง
“นางเป็นน้องสาวของข้า และเคยช่วยชีวิตข้า ถ้าจะให้ช่วยอะไร ข้ายินดีช่วย ยิ่งเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างนี้ จื่อหยวนก็ทำอะไรเกินไปจริงๆ ถือว่าเป็นการตักเตือน วันนี้พอองค์หญิงไปอยู่จวนตระกูลกู้ เขาคงปวดหัวแน่”
เผยปิงปิงหัวเราะ “ฮองเฮาทรงมีน้ำใจดีจริงๆ ”
หลังจากงานเลี้ยงเลิก ซูจิ่วซือพาทุกคนนั่งรถม้ากลับจวนอันผิงโหว
ซูจิ่วซือกับซูเหิงนั่งรถม้าคันเดียวกัน ซูเหิงรู้สึกละอายใจมาก นั่งในรถม้าด้วยความรู้สึกสำนึกผิด “ครั้งนี้ต้องขอบใจพี่ ไม่เช่นนั้นข้าคงหลงกลกู้จื่อหยวน มิน่าเขาพยายามแหย่ให้ข้าโกรธมาตลอด เป็นแผนของเขานี่เอง”
“ซูเหิง เจ้าทำอะไรต้องรอบคอบหน่อย ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ บางเรื่องไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร ไม่ต้องเอามาใส่ใจ”
ซูเหิงเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน บางครั้งก็ใจร้อน จุดนี้ซูจิ่วซือไม่โทษซูเหิง เพียงแต่กลัวว่าเขาจะมีภัยถึงตัว
ซูเหิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “พี่พูดถูก ข้าจะระวังให้ดี”
“เวลานี้เจ้ากำลังเป็นขุนนางคนโปรดของฝ่าพระบาท ต้องไม่เย่อหยิ่ง ระวังคำพูดการกระทำของคนใกล้ชิด จำไว้ว่า ยิ่งอยู่ที่สูง ยิ่งมีสายตามองมาก หากไม่ระวังอาจจะตกลงมา พอถึงเวลานั้นอาจจะกระดูกหักบาดเจ็บ”
ซูเหิงถอนหายใจเบาๆ พูดอย่างละอาย “ข้ามีอะไรหลายอย่างต้องเรียนรู้จากพี่ พี่อายุมากกว่าข้าแค่ปีเดียว แต่เข้าใจอะไรมากกว่าข้ามาก”
“เมื่อก่อนเจ้าเรียนหนังสือในสำนักศึกษามาตลอด หลายเรื่องเจ้าเพิ่งพบเห็น เวลานี้เจ้าหนักแน่นกว่าตอนที่เพิ่งมาถึงมาก บางเรื่องต้องพึ่งตัวเอง”
ซูจิ่วซือไม่ได้อายุมากกว่าซูเหิงแค่ปีเดียว นางผ่านอุปสรรคมามากมาย ออกจากความทุกข์ทรมานมาเกิดใหม่ จึงต่างจากซูเหิง ท่าทางผ่อนคลายและมั่นคงที่เผยออกมาต่อหน้าผู้คนนั้นแลกมาด้วยเลือดเนื้อ
“พี่ …” ซูเหิงเงยหน้าขึ้น มองซูจิ่วซือ ท่าทางเหมือนลังเลที่จะพูด พอเห็นซูเหิงลังเล ซูจิ่วซือก็รู้ว่าเขามีอะไรจะบอก จึงถาม “มีอะไรหรือ”
“พี่ พี่มีลูกไม่ได้จริงหรือ”
ในที่สุดซูเหิงก็ถามออกมา
ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าซูเหิงจะรู้เรื่องนี้ ใครเป็นคนบอกเขา คิดขึ้นได้ว่าคืนนี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยงจู่ๆ ซูเหิงก็ลุกไป นางจึงเข้าใจทันที กู้จื่อหยวนมีฟู่เย่ว์อี้อยู่ใกล้ชิด กู้จื่อหยวนรู้เรื่องนี้จึงไม่แปลก
ในเมื่อซูเหิงถาม นางเองก็ไม่ปิดบังซูเหิง จึงพยักหน้ารับ “ใช่”
“รักษาได้หรือไม่”
“ไม่มีทาง” ซูจิ่วซือสีหน้าหม่นหมอง “ซูเหิง ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ฟู่เฉินหรงเอาใจใส่พี่ดีหรือไม่”
“เขาเอาใจใส่พี่ดีมาก เป็นปมในใจของพี่มาตลอด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา” ซูจิ่วซือเกรงว่าซูเหิงจะเข้าใจฟู่เฉินหรงผิดไป จึงแก้ตัวให้ฟู่เฉินหรงทันที
พอได้ยินอย่างนี้ ซูเหิงก็กำหมัดทุบรถม้า เอ็นบนมือปูดออก “ทำไมสวรรค์จึงทำร้ายพี่อย่างนี้”
“ซูเหิง บางเรื่องเป็นลิขิตสวรรค์ ในเมื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ก็ต้องยอมรับ”
หลังจากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ซูจิ่วซือก็ค่อยๆ ลืมเรื่องนั้น พอยกเรื่องนี้มาพูดจึงสงบลงมาก
“แต่พี่เป็นฮองเฮา”
“ในอดีตก็มีฮองเฮาที่ไม่มีพระโอรส ข้าเองไม่ใช่มีแต่ข้าคนเดียว วันหลังรับเด็กมาเลี้ยงก็ได้”
ซูเหิงไม่รู้จะปลอบโยนซูจิ่วซืออย่างไร เขารู้แล้วว่าทำไมซูจิ่วซือจึงมาที่แคว้นเว่ย คงเป็นเพราะแรงกดดันเรื่องลูกนี่เอง แม้เขาเป็นห่วงพี่สาว แต่เรื่องนี้เขาไม่อาจช่วยอะไรได้ ได้แต่พูดปลอบใจซูจิ่วซือ