เล่ม 14 ตอนที่ 21

Memorize

“ชิ” 

 

 

พออ่านข้อความที่ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ผมถึงกับจิ๊ปากออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมเสียดายสองพอยต์สำหรับค่าพลังเวทก็เลยลองกินเข้าไปเผื่อว่ามันจะเพิ่มขึ้นด้วย แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ผมจิ๊ปากต่อไปด้วยความเสียดาย แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดหัวเราะคิกออกมาเพราะความคิดที่แวบขึ้นมาอย่างกะทันหัน 

 

 

‘อิ่มละสิ’ 

 

 

ตอนรอบแรก ผมเคยหาอะไรแบบนี้ไม่ได้เลยสักอย่างก็เลยพยายามอย่างมาก แน่นอนว่าครั้งนี้มีส่วนผสมในระดับนั้นผสมอยู่ก็จริง แต่พูดตามตรงว่าแม้จะแค่สิบพอยต์แต่ก็เป็นผลสำเร็จอย่างมหาศาล 

 

 

ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เรียกว่าความโลภมากของผู้เล่นก็คงไม่มีวันหมดสิ้น ถึงแม้จะถึงแค่เมื่อครู่นี้แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงรสขมปร่าข้างในปากที่เคยเย็นสดชื่น ผมเลียริมฝีปากครั้งสองครั้งแล้วทำใจให้สงบ จากนั้นผมจึงเปิดหน้าต่างข้อมูลผู้เล่นขึ้นมา 

 

 

 

 

 

[พละกำลัง 96(+2)] [ความทนทาน 92] [ความคล่องแคล่ว 98] [ความแข็งแกร่ง 72] [พลังเวท 96] [โชค 90(+2)] 

 

 

ค่าความสามารถที่คงเหลืออยู่ รวมค่าความสามารถอิสระ 14 พอยต์กับค่าความสามารถสำหรับความแข็งแกร่ง 10 พอยต์ เป็นทั้งหมด 24 พอยต์ 

 

 

 

 

 

ทั้งหมดยี่สิบสี่พอยต์ ส่วนสิบพอยต์ในนั้นมีข้อแม้ว่าเป็นพอยต์สำหรับค่าความแข็งแกร่งอยู่ แต่ถ้านึกถึงเรื่องที่ว่าอย่างไรมันก็จะต้องเพิ่มขึ้น ก็เป็นตัวเลขที่มหาศาลอย่างเห็นได้ชัด ผมยกนิ้วขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วก็หยุดการกระทำโดยอัตโนมัติ  

 

 

แน่นอนว่าผมตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องความแข็งแกร่ง ความรู้สึกนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป แต่บางทีโอกาสที่เคยคิดว่าเป็นโอกาสสุดท้ายอาจจะกลับมาอีกครั้งก็ได้ไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ทำให้ค่าความสามารถที่คงอยู่นี้เพิ่มขึ้นทั้งหมด แต่ถ้าคงเอาไว้ได้ในช่วงแปดสิบพอยต์ก็น่าจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นด้วยโพชั่นพิเศษอีกครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ  

 

 

‘ไม่สิ แต่ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ก็น่าจะ…ทนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ’ 

 

 

การฟื้นคืนความแข็งแกร่งนั้นเชื่องช้ามาก เรื่องนั้นผมเองก็รู้ดี ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากไปออกสำรวจที่เมืองเวทมนตร์มาเจียมายังคงเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ภายในร่างกาย นี่หมายความว่า ผมได้รับการบาดเจ็บภายในร่างกายในระดับจัดการได้ยากด้วยค่าความแข็งแกร่งเจ็ดสิบสองพอยต์ 

 

 

ผมไม่สามารถยืนยันอะไรได้สักอย่างเลยว่า ถ้าตั้งใจจะทำให้สภาพนี้กลับไปเป็นเช่นเดิมจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน และต่อให้มันเพิ่มขึ้นมาถึงช่วงแปดสิบพอยต์แล้ว อาการบาดเจ็บภายในร่างกายจะถูกรักษาให้หายด้วยหรือเปล่า 

 

 

ผมคิดซ้ำๆ มาตลอดทั้งเช้ามืด แต่ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ชัดๆ ว่าจะต้องทำแบบนี้ๆ ผมได้แต่ใช้นิ้วชี้เคาะลงบนโต๊ะอย่างเรื่อยเปื่อยแล้วถอนหายใจยาวเหยียดออกมา 

 

 

ใจของผมอึดอัดไปหมด แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบแล้วนึกเสียใจทีหลัง ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดจึงปิดหน้าต่างข้อมูลผู้เล่นไป สำหรับตัวผมในตอนนี้จำเป็นจะต้องมีคำแนะนำของใครบางคนอย่างเร่งด่วน ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าจะตามหาคนที่รู้เกี่ยวกับฮวาจองเป็นอย่างดีมากกว่าผม ผมก็นึกออกเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น 

 

 

เซราฟ 

 

 

ถึงแม้จะไม่ชอบใจ แต่ถ้านอกเหนือจากตอนสุดท้ายในช่วงรอบแรกแล้ว อย่างน้อยผมก็ไม่เคยได้รับความเสียหายเลยแม้แต่ครั้งเดียวหากฟังคำพูดของเธอ ในฐานะที่เธอเป็นทูตสวรรค์ผู้รับหน้าที่เป็นตัวช่วยของผู้เล่น เธอจึงให้คำชี้แนะที่เหมาะสมอยู่เสมอ 

 

 

ความมืดที่เติมเต็มภายในห้องจางหายไปจนหมดสิ้น แสงอาทิตย์อันอบอุ่นส่องแสงทะลุหน้าต่างเข้ามา เวลาประมาณนี้เป็นเวลาที่คนสักคนสองคนน่าจะตื่นจากการหลับใหล 

 

 

ผมคิดว่าน่าจะลองออกไปก่อน ดังนั้นจึงลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วผลักประตูออกไป ในตอนนั้น จู่ๆ ผมก็คิดถึงชื่อของโพชั่นวิเศษขึ้นมาได้ 

 

 

‘นึกดูแล้ว…ชื่อของโพชั่นคืออะไรนะ’ 

 

 

 

 

 

สมาชิกเผ่าที่ตื่นนอนนั่งรวมกันอยู่ในห้องอาหารชั้นหนึ่งตามที่คาดการณ์ไว้ จริงๆ แล้วเมื่อคืนเดินไปทั่วแคลนเฮาส์อย่างวุ่นวายแล้วเข้านอนค่อนข้างช้า เพราะฉะนั้นก็น่าจะหิวข้าวกัน ดูเหมือนว่าโกยอนจูผู้ขยันหมั่นเพียรจะซื้อวัตถุดิบทำอาหารมาตอนเช้ามืด พวกเราจึงได้กินอาหารที่แสดงให้เห็นฝีมือของเธอหลังจากไม่ได้กินมานาน 

 

 

“นี่ อียูจอง เธอลองเข้าห้องน้ำดูหรือยัง” 

 

 

“อือ พอตื่นมาก็ลองเข้าเลยน่ะ มีอะไรสักอย่างต่างกับที่เคยใช้ที่โรงแรมด้วยละ ฮึๆๆ” 

 

 

“ลองแตะเบาๆ ตรงหินแล้วน้ำก็ทะลักไหลโจ๊กออกมาจากวงแหวนเวทเลยค่ะ จะว่ามีอะไรแตกต่างมันก็แตกต่างจริงๆ ค่า” 

 

 

“คราวหน้าฉันอยากจะลองใช้โรงอาบน้ำสาธารณะสักครั้งเหมือนกัน แน่นอนว่าที่นั่นจะต้องมีห้องอาบน้ำอยู่แล้ว แต่ว่ากันว่าสร้างซาวน่าเอาไว้จริงๆ ด้วยนะ” 

 

 

“อย่างนั้นเองสินะครับ เจ๊ฮายอน เทพธิดาของพวกเราชาวเมอร์เซนต์นารี่” 

 

 

“ฮยอน นาย ถ้าล้ออีกฉันจะด่าแล้วนะ” 

 

 

คงไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไรในการนั่งจับจองโต๊ะเพียงตัวเดียวในห้องอาหารกว้างใหญ่นี้ สมาชิกเผ่าจึงกินอาหารอย่างมูมมามและกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ผมไม่เห็นวิเวียนกับชินซังยง ดูเหมือนว่าการทำโพชั่นพิเศษจะสิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะปลุกเท่าไรก็คงจะไม่ตื่น 

 

 

พอตักสตูที่ใส่เนื้อลงไปอย่างเต็มที่ขึ้นมาหนึ่งช้อน โกยอนจูซึ่งเหลือบมองสังเกตท่าทีของผมตั้งแต่เมื่อครู่นี้จึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง 

 

 

“ซูฮยอน อาหารถูกปากหรือเปล่าคะ” 

 

 

“อาหารที่โกยอนจูทำให้อร่อยเสมอเลยนะครับ” 

 

 

“ก็ใช้ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นละค่ะ” 

 

 

พอเคี้ยวสตูช้าๆ พร้อมกับพยักหน้า โกยอนจูก็วางส้อมที่ถืออยู่ลงเบาๆ จากนั้นจึงเอี้ยวตัวมาทางผมพร้อมกับพูดขึ้น 

 

 

“คือว่า บ่ายวันนี้น่ะค่ะ มีกำหนดการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” 

 

 

“ครับ ผมวางแผนว่าจะแวะไปที่แท่นบูชาครับ เป็นปัญหาสำคัญนิดหน่อย…ว่าแต่ทำไมถามเรื่องนั้นล่ะครับ” 

 

 

“อ๋อ~ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ตอนนี้ก็มีแคลนเฮาส์แล้ว ก็จะต้องจัดการโครงสร้างภายในไม่ใช่เหรอคะ อย่างเช่นพวกลูกจ้าง…” 

 

 

“เรื่องลูกจ้างก็ อีกเดี๋ยวจะต้องหามาอยู่แล้วละครับ ชาวเมืองมีอยู่เยอะแยะไป นอกเหนือจากนั้นก็ ก่อนอื่นลองดูรอบๆ คร่าวๆ ภายในวันนี้แล้วถ้ามีอะไรจำเป็นก็ช่วยจดเอาไว้หน่อยนะครับ แล้วก็ตอนประชุมวันพรุ่งนี้ค่อยพูดเสนอก็ได้ครับ” 

 

 

“…อ้า ค่ะ” 

 

 

คำตอบที่ช้าไปหนึ่งจังหวะ เป็นเพียงแค่แวบเดียวก็จริง แต่สีหน้าก่อนตอบก็แข็งทื่อเล็กน้อย ผมพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ แต่รู้สึกเหมือนจะพูดอะไรผิดไปเสียแล้ว จึงตั้งใจจะคิดทบทวนคำที่พูดออกไป แต่แล้วตอนนั้น คิมฮันบยอลที่เอาอาหารใส่ปากของลูกยูนิคอร์นก็เงยหน้าขึ้นมามองผมเล็กน้อย 

 

 

“คือว่า…พี่ วันนี้จะไปแท่นบูชาเหรอคะ” 

 

 

“อือ” 

 

 

“ฉันก็มีเรื่องที่จะไปแท่นบูชาวันนี้เหมือนกัน…ก่อนหน้านี้มีการเรียกตัวเข้ามาน่ะค่ะ รู้สึกว่าช้ามากเกินไปแล้วด้วย…” 

 

 

“งั้นเหรอ ถ้างั้นไปพร้อมกันก็ได้ จัดห้องเก็บของให้เสร็จแล้วจะไปทันที เพราะฉะนั้นเตรียมตัวไว้แล้วกัน” 

 

 

“ค่ะ พี่” 

 

 

คิมฮันบยอลยิ้มอย่างสดใสพลางพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มป้อนอาหารให้ลูกยูนิคอร์นที่กำลังอ้าปากกว้างรออีกครั้ง พอเธอถามว่า “อร่อยไหม” มันก็ยิ้มอย่างสดใสพร้อมกับร้องดังฮี้ 

 

 

ผมมองภาพเหตุการณ์นั้นอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง และในตอนที่ผมเองก็กำลังจะกินอาหารที่เหลือนั้น 

 

 

“พี่! พี่!” 

 

 

ครั้งนี้อียูจองเรียกเสียงดังอย่างเต็มที่และขัดขวางไม่ให้ผมกินอาหาร พอวางช้อนกับตะเกียบที่กำลังจะยกขึ้นมา เธอจึงทำสีหน้าเหมือนต้องการอะไรบางอย่างอย่างแรงกล้าพลางประสานมือทั้งสองข้างเข้าหากัน 

 

 

“ฉันน่ะนะ นั่นน่ะ~” 

 

 

“นั่นน่ะอะไร” 

 

 

“นั่น~น่ะ~” 

 

 

อียูจองออดอ้อนผมพร้อมกับเขย่าไหล่ไม่หยุดราวกับลูกแมวทำตัวออดอ้อน ผมมองอันฮยอนกับอันซลทำท่าอาเจียนออกมาอย่างเข้าขากันแล้วจึงใช้ความคิดนิ่งๆ จากนั้นหลังจากที่รับรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร ผมจึงส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด 

 

 

“ไม่ได้” 

 

 

“อ้าว~ ทำไม~ ตอนนี้เอาคืนมาเถอะนะ~ น้า น้า” 

 

 

“ไอ้คืนน่ะคืนแน่อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ คุยกันเสร็จก่อนเดี๋ยวจะคืน” 

 

 

“หืม คุยเหรอ กับฉันเหรอ” 

 

 

“ไม่ ไม่ใช่เธอ ยังไงก็เถอะ รอต่ออีกหน่อยแล้วกัน” 

 

 

“ชิ ไม่รู้หรอกนะว่าคืออะไร แต่ก็รับทราบ” 

 

 

อียูจองเอียงหัวด้วยความสงสัย ผมนึกถึงสคูเรพฟ์กับที่คาดผมอันบริสุทธิ์ที่จะยกให้เธอ แต่แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้จึงเรียกใช้ดวงตาที่สาม นึกดูแล้วตอนนี้อียูจองก็เป็นผู้เล่นที่ครอบครองแรร์คลาสอันสง่าเช่นกัน ถ้าบอกว่าไม่สงสัยเลยว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็คงจะเป็นเรื่องโกหก 

 

 

 

 

 

ข้อมูลผู้เล่น(Player Status) 

 

 

1.ชื่อ(Name) : อียูจอง(ปีที่ 0) 

 

 

2.คลาส(Class) : นักสู้ยามรุ่งสาง(Rare, Gladiator of the Dawn, Runner) 

 

 

3.ถิ่นกำเนิด(Nation) : ทหารรับจ้างอิสระ(Free) 

 

 

4.ชนเผ่า(Clan) : Mercenary(อยู่ในระกว่างการประเมินผลงาน) 

 

 

5.นามแท้ · สัญชาติ : แมวตัวเมียที่ดุร้าย · สาธารณรัฐเกาหลี 

 

 

6.เพศ(SEX) : หญิง(22) 

 

 

7.ส่วนสูง · น้ำหนัก : 166.3 ซม. · 52.3 กก. 

 

 

8.อุปนิสัย : เฉียบแหลม · ดุดัน (Sharp · Aggressive)  

 

 

[พละกำลัง 67] [ความทนทาน 69] [ความคล่องแคล่ว 78] [ความแข็งแกร่ง 65] [พลังเวท 72] [โชค 53] 

 

 

แต้มของค่าความสามารถที่คงอยู่คือ 4 พอยต์ 

 

 

ผลงาน(0) 

 

 

ทักษะพิเศษ(1/1) 

 

 

1.จิตใจที่ชุ่มไปด้วยเลือด(Rank : C Zero) 

 

 

ทักษะแฝง(2/4) 

 

 

1.ศิลปะการใช้กริชด้วยสองมือ(Rank : C Plus) 

 

 

2.ศิลปะการต่อสู้ด้วยร่างกายของชนเผ่าวิฬาร์(Rank : E Zero) 

 

 

3.- 

 

 

4.- 

 

 

 

 

 

‘การให้แรร์คลาสไปนั้นถูกต้องอย่างที่คิดจริงๆ’ 

 

 

จะว่าพัฒนาขึ้นก็พัฒนาขึ้นอยู่ แต่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือผมชอบใจมากๆ ที่อุปนิสัยของเธอเปลี่ยนไปด้วย เมื่อก่อนถ้าทำผิดพลาดก็แทบจะกลายเป็นฆาตกรปีศาจบ้าเลือด แต่นั่นกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมอีกครั้งแล้ว ไม่สิ มองว่าเป็นตำแหน่งเดิมมันก็รู้สึกอย่างไรๆ อยู่นิดหน่อย แต่ถ้าลองนึกถึงนิสัยของอียูจอง นี่ก็อยู่ในระดับที่สามารถรอดูสักครั้งได้แล้ว 

 

 

ผมพิจารณาอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง จากนั้นก็ปิดหน้าต่างข้อมูลผู้เล่นแล้วจึงกินอาหารต่อ ถึงแม้จะเย็นชืดลงนิดหน่อยแล้ว แต่ฝีมือในการทำอาหารแต่เดิมคงไม่ได้หายไปไหน รสชาติจึงยังคงดีอยู่ ในระหว่างกินข้าว จู่ๆ ผมก็คิดขึ้นมาได้แล้วหันไปมองโกยอนจู จากนั้นจึงเห็นชามของเธอที่แทบจะหมดเกลี้ยงแล้ว 

 

 

“โกยอนจู ดูเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดมากกว่านี้นะครับ” 

 

 

“อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ เพราะฉันเองก็ยังไม่มั่นใจ คุณบอกว่าพรุ่งนี้จะจัดประชุมใช่ไหมคะ” 

 

 

“ครับ” 

 

 

“ฉันจะลองไปสืบค้นดูอีกหน่อย แล้วพรุ่งนี้จะพูดในที่ประชุมค่ะ” 

 

 

“อืม เข้าใจแล้วครับ” 

 

 

ผมฟังเสียงอันเหนื่อยอ่อนของโกยอนจูแล้วตอบอย่างสุขุม ทันใดนั้นเสียงหายใจอันอ่อนแรงซึ่งไม่รู้ว่าดังมาจากไหนก็ลอยมาตามอากาศและไหลเข้าไปในรูหู 

 

 

 

 

 

* * *