ตอนที่ 514 คว่ำบาตร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 514 คว่ำบาตร

“ปะ เป็นของชั้นดีจริงๆอย่างที่เจ้าพูดเลย”ช่างทำอัญมณียิ้มด้วยท่าทีพยายามเก็บอาการสุดๆ แต่ถึงจะชักสีหน้าทัน แต่มือของมันก็ยังสั่นไม่หยุด อัญมณีหายากในตำนานมาอยู่ตรงหน้ามันแบบนี้มีหรือมันจะไม่อยากได้

“เอาอย่างนี้เป็นไง อัญมณีชิ้นนี้ข้าจะเพิ่มให้ 1,000 เหรียญก็แล้วกัน”ได้ยินที่ช่างทำอัญมณีพูด พวกเกว็นและเอมิลก็มีท่าทีพึงพอใจทันที พวกมันไม่ทราบหรอกว่าทับทิมเพลิงนี้มีราคาเท่าไหร่ เพียงแต่…..

“เจ้าไม่คิดว่าราคามันต่ำไปหรอกหรือ”ยี่เจินพูดพลางจ้องมาทางช่างทำอัญมณีนิ่ง น่าเสียดาย ท่าทีตื่นตกใจของช่างทำอัญมณีนั้นเก็บซ่อนเอาไว้ไม่มิดชิดเอาเสียเลย ราคาที่เสนอมานั้นก็แปลกๆ ยี่เจินโตมาในอาณาจักรอู๋ แม้ไม่ชินกับเพชรพลอยปกติธรรมดา แต่พวกอัญมณีล้ำค่าจากเขตอสูรหรืออัญมณีที่หาได้ยากยิ่งอย่างทับทิมเพลิงเม็ดนี้มักมีข่าวลือออกมาเสมอ และราคาของมันก็ไม่สามารถซื้อขายได้ในราคา 1,000 เหรียญทองอย่างแน่นอน

“ก็ได้ งั้นข้าจะซื้อมันในราคา 1,500 เหรียญทอง”ช่างทำอัญมณียิ้มออกมาพลางเพิ่มราคาให้ครึ่งหนึ่งในทันที

“ท่าทางเราคงจะเจรจากันไม่ได้กระมัง”ยี่เจินส่ายหน้าพลางยื่นมือไปหมายจะคว้าเอาทับทิมเพลิงคืนมา แต่ช่างทำอัญมณีกลับรีบใช้ผ้าจับมันเอาไว้แทบจะทันที

“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่…ข้าจะให้ 5,000 เหรียญทองกับเจ้า”ช่างทำอัญมณีเสนอออกไปขณะกำลังกุมทับทิมเพลิงเอาไว้แน่น ราคาพุ่งสูงเช่นนี้หากเป็นทับทิมธรรมดาคงน่าพอใจอย่างมาก แต่….

“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ราคาของมันหรือยังไง”ยี่เจินว่าพลางแบมือออกมาเป็นเชิงบอกว่าให้อีกฝ่ายส่งทับทิมเพลิงให้ตนเอง น่าเสียดายทับทิมเพลิงเป็นอัญมณีหายาก และสวยงามพอจะขึ้นเป็นของสะสมชิ้นหนึ่งของไก่ฟ้าหงอนทองเลยทีเดียว

“100,000 เหรียญทอง ข้ามีอยู่เท่านั้น”อยู่ๆราคาก็พุ่งพรวดขึ้นไปในพริบตา แต่น่าเสียดายของสะสมชิ้นเล็กๆของไก่ฟ้าหงอนทองสามารถสร้างผลกระทบให้กับการเงินของอาณาจักรอื่นๆได้เลย และเจ้าทับทิมเพลิงชิ้นนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ราคาของมันที่ยี่เจินเคยได้ยินมาคือ 33 ล้านเหรียญทอง รางวัลใหญ่เช่นนี้ยี่เจินคงไม่อาจยอมปล่อยให้ช่างทำอัญมณีเอาไปแน่ๆ

“เสียใจด้วย ข้าคงต้องปฏิเสธ”ยี่เจินตอบด้วยท่าทีนิ่งๆ จำนวนเงินมากมายมหาศาลเช่นนี้ตัวมันก็ต้องอยากได้เช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใดมันได้มาอย่างถูกต้องไม่ได้ชิงใครมา สิทธิ์ในการครอบครองครั้งนี้จึงเป็นของมันทั้งหมด

“จะ เจ้า….เจ้าคิดดีๆนะ ถึงจะเป็นแร่หายาก แต่ถ้าไม่เจียระไนเสียก่อนราคามันจะตกนะ ถ้าไม่ขายให้ข้ารับรองได้เลยว่าจะไม่มีช่างทำอัญมณีคนไหนรับเจียระไนทับทิมเม็ดนี้แน่ๆ”ช่างทำอัญมณีว่าพลางถอยห่างออกจากยี่เจินพลางทำท่าจะนำเอาทับทิมเพลิงเข้าไปในมิติของตนเอง

“เจ้าจะทำอะไร”เกว็นพูดพลางยื่นมือไปขวางช่างทำอัญมณีเอาไว้

“ไม่เป็นไร ข้าคิดว่าคงจะหาช่างทำอัญมณีได้ไม่ยากหรอก”ยี่เจินว่าพลางเดินเข้าไปหมายจะชิงเอาทับทิมเพลิงคืนมา แต่ทันทีที่ยื่นมือเข้าไปใกล้ช่างทำอัญมณีก็ซัดฝ่ามือใส่ยี่เจินทันที

เปรี้ยง! ฝ่ามือของมันโดนจูล่งขวางเอาไว้ก่อนที่จะโดนยี่เจินพอดี หากผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับมันโจมตีใส่คนธรรมดาเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากคิดจะฆ่ากันหรอก ยามนี้ช่างทำอัญมณีได้กระทำเรื่องไม่สมควรลงไปเสียแล้ว

“ยะ ยาม”เมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันไร้ผล ช่างทำอัญมณีก็พลันเรียกยามที่อยู่ข้างนอกออกมาทันที ตัวพวกยามนั้นไม่ทราบหรอกว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น พอเห็นช่างทำอัญมณีโดนพวกจูล่งล้อมเอาไว้ก็ต้องช่วยเจ้านายของพวกมันก่อนเป็นอย่างแรก

เปรี้ยง!! เกว็นและเอมิลไม่รอช้าเข้าไปขวางพวกยามเอาไว้ทันที พวกมันเป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 4 แค่ยามระดับยังไม่ถึงขั้นยอดฝีมือไม่มีทางทำอะไรมันได้อยู่แล้ว

“หนอย”ช่างทำอัญมณีเห็นลูกน้องของมันโดนเล่นงานง่ายๆก็พลันวิ่งออกไปข้างนอกทันที ตอนแรกมันเห็นพวกเกว็นและเอมิลใช้แหวนมิติก็นึกว่าระดับพลังไม่มากเสียอีก ไม่นึกว่าจะสามารถล้มพวกยามได้ง่ายดายเช่นนี้

“ทหาร…. ทหาร….”ช่างทำอัญมณีวิ่งออกไปนอกร้านพลางร้องเรียกหาทหารในเมืองเพื่อขอให้มาช่วยเหลือ แต่น่าเสียดายบริเวณโดยรอบไม่มีทหารเลยแม้แต่คนเดียว เพราะพวกทหารที่ทำท่าจะไปตามเสียงเรียกโดนพวกต้าเฉียนกับต้าหวานหยุดเอาไว้หมดแล้ว

“หยุดแค่นั้นล่ะ”ทั้งเอมิลทั้งเกว็นต่างตามช่างทำอัญมณีมาจนทันในเวลาไม่นาน เช่นเดียวกับจูล่งที่ตามมาเช่นกัน

“ถ้าเจ้าฆ่าข้า ทับทิมเพลิงเม็ดนี้จะหายไปด้วย”ช่างทำอัญมณีว่าพลางเอาทับทิมเพลิงเข้าไปในมิติส่วนตัวทันที ทำให้ทั้งเกว็นและเอมิลไฟแทบออกหู

“หา คิดว่าทำแบบนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายงั้นเหรอ”เอมิลว่าพลางตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของช่างทำอัญมณีเอาไว้

“ดี ในเมื่อเจ้าใช้วิธีแบบนี้ข้าจะทรมานเจ้าจนกว่าจะขอร้องให้พวกเราเอาทับทิมเม็ดนั้นคืนไปเลย”เกว็นพูดด้วยท่าทีโมโหก่อนจะปล่อยพลังอสูรออกมาอย่างท่วมท้น

“พะ พวกเจ้าไม่กล้าหรอก คิดว่าข้าเป็นใครกัน”ช่างทำอัญมณีว่าพลางกัดฟันกรอด

“เจ้าต่างหากล่ะที่ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร”เอมิลยิ้มเหี้ยมก่อนจะง้างมือไปข้างหลัง ก่อนอื่นก็ต้องขอตบสั่งสอนเสียหน่อย

วูบ….ก่อนที่เอมิลจะได้ทำอะไร มือของจูล่งก็ทิ่มพรวดเข้าไปในร่างของช่างทำอัญมณีทันที แน่นอนว่าจูล่งไม่ได้หมายจะฆ่าช่างทำอัญมณีแต่อย่างไร เพียงแต่มันใช้วิชาธาตุความมืดล้วงเข้าไปในมิติส่วนตัวของช่างอัญมณีต่างหาก

“ไปกันเถอะขอรับ ท่าทางพวกเราจะไม่สามารถทำการค้ากับคนเช่นนี้ได้”จูล่งว่าพลางนำทับทิมเพลิงออกมาท่ามกลางความตกใจของช่างทำอัญมณี

“นึกว่าจะได้ทรมานมันสักหน่อยเสียอีก”เกว็นว่าพลางเดินตามไป๋จูล่งไปอย่างช้าๆ ปล่อยให้ช่างทำอัญมณียืนอึ้งอยู่ตรงนั้นต่อไป

“ไอ้….”ช่างทำอัญมณีกำหมัดแน่นพลางมองไปทางพวกจูล่งด้วยสายตาเคียดแค้น มันสาบานในใจเลยว่าหลังจากนี้มันจะใช้ทุกวิธีเพื่อบังคับให้ช่างทำอัญมณีทั้งหมดไม่รับเจียระไนให้กับทับทิมเพลิงเม็ดนั้น

.

.

“บ้าเอ้ย”ยี่เจินเดินออกมาจากร้านขายอัญมณีด้วยท่าทีไม่พอใจนัก หลังจากชิงทับทิมเพลิงกลับมาไม่ว่าจะไปหาช่างทำอัญมณีคนไหนก็ไม่มีใครรับเจียระไนของที่พวกยี่เจินนำมาอีกต่างหาก นอกจากนั้นพวกร้านเครื่องประดับก็พากันไม่รับแร่ดิบของยี่เจินกันหมด ขนาดยี่เจินคิดจะขายทับทิมเพลิงดิบในราคาต่ำกว่าปกติพวกมันก็ยังไม่รับ เพราะหากมีเรื่องกับพวกช่างทำอัญมณีก็เท่ากับปิดเส้นทางการค้าของตนเองเลย ทำให้ยี่เจินได้แต่ยอมรับและเดินออกมาเท่านั้น

“แบบนี้มันขี้โกงชัดๆ”เอมิลว่ากำหมัดแน่นด้วยท่าทีโมโห ตอนนี้มันแทบจะบินไปฆ่าเจ้าช่างทำอัญมณีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“เอาอย่างไรดีเจ้านาย นี่เป็นเมืองที่ 5 แล้วนะ”เกว็นว่าพลางถอนหายใจออกมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าเส้นสายของช่างทำอัญมณีคนนั้นจะน่ากลัวเช่นนี้ ถึงกับทำให้ช่างทำอัญมณีครึ่งอาณาจักรไชน์ไม่ยอมรับเจียระไนอัญมณีของยี่เจินได้ ทำเอาแผนการค้าของยี่เจินรวนไปหมด เพราะตอนนี้อัญมณีที่นำมาขายไม่ได้ ทำให้ยี่เจินต้องอยู่กับเงินทั้งหมดของตนเองในรูปแบบอัญมณี

“เราจะกลับอาณาจักรอู๋กัน”ยี่เจินว่าพลางนำทับทิมเพลิงออกมา ราคาของเจ้านี่สามารถสร้างฐานะให้คนๆหนึ่งได้สบาย แค่ค่าเรือกลับอาณาจักรอู๋นั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก และยี่เจินก็ไม่เชื่อด้วยว่าอำนาจของชางทำอัญมณีจะมากขนาดสั่งห้ามไม่ให้ช่างที่อาณาจักรอู๋ไม่รับงานไปด้วย

“เจ้านาย ข้ามีคนรู้จักอยู่ตนหนึ่ง”เกว็นว่าพลางเดินเข้ามาขวางทางยี่เจินเอาไว้

“เจ้ารู้จักงั้นหรือ”ยี่เจินถามพลางมองไปทางเกว็นด้วยท่าทีสนใจ แม้จะสามารถเดินทางไปอาณาจักรอู๋ได้ แต่หากไม่ต้องเดินทางก็ประหยัดเวลาได้มากกว่า แน่นอนนอกจากเรื่องเวลาแล้วหากสามารถหาช่างทำอัญมณีได้ในอาณาจักรไชน์ก็เท่ากับหักหน้าช่างทำอัญมณีที่ขวางพวกตนเอาไว้พอดี

“เจ้าค่ะ แต่คงต้องให้นายน้อยเป็นคนคุยให้”เกว็นตอบพลางหันไปมองไป๋จูล่ง เมื่อครู่นางก็บอกแล้วว่ารู้จักอยู่ตนหนึ่ง มันย่อมเป็นอสูรอย่างไม่ต้องสงสัย และการที่ต้องให้ไป๋จูล่งไปเป็นคนเจรจาก็เท่ากับว่าเกว็นและเอมิลไม่ได้สนิทสนมกับเจ้านั่นเท่าไหร่ แถมเจ้านั่นท่าทางจะมีพลังพอๆกับพวกเกว็นหรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

“แต่ถึงจะให้เจ้านั่นเจียระไนได้ ก็คงเอาไปขายไม่ได้อยู่ดีนี่นา”เอมิลว่าพลางทำสีหน้าครุ่นคิดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะร้านขายเครื่องประดับเองก็ไม่รับซื้อของจากยี่เจินเหมือนกัน แล้วจะนำอัญมณีที่เจียระไนแล้วไปขายที่ไหนกัน

“งั้นก็ทำเป็นเครื่องประดับเลยก็ได้นี่ขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมา หากขายเป็นอัญมณีไม่ได้ ก็ทำเป็นเครื่องประดับให้เสร็จแล้วนำไปขายธรรมดาเลยก็หมดเรื่อง

“แต่ เราจะทำเป็นเครื่องประดับได้ยังไงกัน”ยี่เจินถามออกมาด้วยท่าทีประหลาดใจ หรือว่าจูล่งจะทำเป็นงั้นหรือ

“ข้ารู้จักคนที่ทำได้อยู่ขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมา หากพูดถึงเรื่องงานประดิษฐ์แล้วคงไม่มีใครเก่งไปกว่ารูบี้แล้วล่ะ

“ดี งั้นพวกเราก็รีบไปเจียระไนอัญมณีกันก่อนเลย เจ้าช่างทำอัญมณีนั่นจะได้รู้ว่าไม่มีทางหยุดพวกเราได้”ยี่เจินว่าพลางเตรียมตัวจะขึ้นรถม้า

“เจ้านาย”เกว็นพูดพลางเดินออกมาจากรถม้าทันที สถานที่ที่พวกมันจะไปเกรงว่าจะใช้รถม้าเดินทางไม่ได้

“การเดินทางหลังจากนี้ให้ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”เกว็นว่าพลางเปลี่ยนร่างเป็นอสูรปักษาในทันที ทำเอาคนในเมืองต่างมีท่าทีตื่นตกใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่ายี่เจินกลับไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเสียเท่าไหร่ ตัวมันเคยอยู่อาณาจักรอู๋ เคยเห็นอสูรที่มาอาศัยอยู่ในเมืองมาบ้าง พวกมันแม้จะเหมือนมนุษย์มาก แต่ก็มีหลายๆอย่างที่ต่างออกไป อย่างการได้กินอาหารของมนุษย์เป็นครั้งแรกที่พวกเอมิลและเกว็นเป็นนั้นก็เป็นเรื่องที่พวกอสูรเป็นกันบ่อยๆ ทำให้ยี่เจินเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าจริงๆเกว็นกับเอมิลอาจจะเป็นอสูรก็ได้ ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับยี่เจินเท่าไหร่ เพียงแต่….

“เจ้าเป็นอสูรที่สร้างพายุเมื่อตอนนั้นไม่ใช่หรือไง”ได้ยินที่ยี่เจินพูด เกว็นก็สะดุ้งโหยงทันที

“จะ เจ้าค่ะ”เกว็นว่าพลางมองไปทางเอมิลนิ่ง

“พวกเราเป็นอสูรที่สร้างพายุในวันนั้นขอรับ พวกเราก็เลยมาชดใช้ความผิดอย่างที่เห็นนี่ล่ะขอรับ”เอมิลตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่ยี่เจินกลับถอนหายใจออกมา ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหลังของเกว็นทันที

“มัวทำอะไรอยู่ รู้หรือเปล่าว่าของที่พวกเจ้าทำจมลงทะเลไปข้าใช้เวลากี่ปีกว่าจะรวบรวมมาได้ ทำงานให้มันคุ้มค่าเสียหายเข้า พวกเจ้าทั้งสองตนเลย”ยี่เจินพูดพลางเรียกให้จูล่งและเอมิลขึ้นไปด้วย โดยตงฟางพอเห็นเกว็นกลายร่างเป็นนกก็พลันเปลี่ยนเป็นร่างขนาดเล็กกลับเข้าไปที่แขนเสื้อของจูล่งทันที

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”ทั้งเอมิลทั้งเกว็นต่างตอบรับด้วยท่าทีเต็มใจ ก่อนที่เกว็นจะออกบินเพื่อไปหาช่างทำอัญมณีของฝั่งอสูรทันที